นอกจากค่ายหนังไทยทั้งไฟว์สตาร์ /GDH559 /สหมงคลฟิล์ม /เอ็ม พิคเจอร์ /และโมโนฟิล์ม จะหอบหนังไทยแท้ ๆ มาบุกตลาดหนังต่างชาติในงาน “ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม แอนด์ ทีวี มาร์เก็ต” ถึงเกาะฮ่องกงแล้ว
ทางภาครัฐ อย่างกองกิจการภาพยนตร์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ยังได้มาเปิดบู๊ธขายโลเคชั่นถ่ายทำหนังในเมืองไทยต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพราะเล็งเห็นว่าฮ่องกงฟิล์มมาร์ทถือเป็นตลาดซื้อขายหนังที่สำคัญของเอเชีย ที่จะใช้เป็นพื้นที่ในการดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ
ซึ่งจากสถิติปี 2559 ที่ผ่านมา มีเงินสะพัดสูงในไทยถึง 3000 ล้านบาท จากภาพยนตร์ต่างชาติที่ใช้เงินทุนเกิน 50 ล้านบาท รวมแล้ว 779 เรื่อง โดยทางภาครัฐได้มีการผลักดันให้เกิดมาตรการคืนเงิน 15-20% ยกเว้นกองถ่ายภาพยนตร์โฆษณา
นอกจากนั้นถ้ามีการใช้บุคคลากร ทีมงานชาวไทย ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพว่าเทียบเท่าระดับฮอลลีวูดก็จะได้รับเงินคืนอีก 3% และถ้าหากเนื้อหาหนังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดีของไทยก็จะได้คืนอีก 2%
โดยตลอด 4 วันในการเปิดบู๊ธที่งานฮ่องกงฟิล์มมาร์ท ก็คาดว่ามีรายได้เข้าประเทศแล้วเกือบ 200 ล้านบาท
ซึ่งประเทศที่เข้ามาใช้สถานที่ถ่ายทำในเมืองไทยมากที่สุดคือญี่ปุ่น รองลงมาคืออินเดีย ขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ก็เริ่มเข้ามาใช้ไทยเราเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มากขึ้นอีกด้วย
ขณะเดียวกันในงานฮ่องกงฟิล์มมาร์ทก็ยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อการเติบโตของอุตสาหกรรมบันเทิงออนไลน์ ที่งานนี้ “แดน ศรมณี” บอสใหญ่แอพลิเคชั่นความบันเทิงยอดฮิตอย่างไลน์ทีวี ก็ขึ้นร่วมวงเสวนากับผู้บริหารสื่อออนไลน์จากนานาประเทศ โดยไลน์ทีวีของไทยเราเองก็พัฒนาจนโดดเด่นและดึงดูดความสนใจได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย รวมถึงผู้ผลิตก็เริ่มมีแนวคิดใหม่ๆ ของการทำรายการมานำเสนอ โดยหลังจากนี้ก็ยังตั้งเป้าที่จะดึงคอนเทนต์จากอเมริกาและยุโรปมาเสริมทัพให้น่าสนใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
