แน่นอนว่าโผนี้ต้องมีชื่อสาวคนนี้ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ก่อนจะมาเป็นนางเอกงานชุก มีละครเรื่องชนเรื่องอย่างทุกวันนี้ เธอเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 12 ปีแล้ว เริ่มจากถ่ายแบบ จากนั้นก็ขยับมาเป็นนักแสดงกับบทรองๆ แล้วก็เริ่มเป็นที่จับตามากขึ้นกับบทร้ายในละครซีรี่ส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน “คุณชาย รณพีร์” ที่ฉายแววโดดเด่นซะจนค่ายอื่นๆ รุมาจีบไปร่วมงาน สุดท้ายสาวเอสเธอร์จึงตัดสินใจขอฉีกสัญญากับ วิกน้อยสี ซึ่งก็ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ เพราะตั้งแต่บินเดี่ยวเป็นนักแสดงอิสระ เธอก็ขึ้นแท่นนางเอกฮอตทันที
ส่วน สาวขาวโบ๊ะ เกรซ กาญจน์เกล้า นี่ก็เริ่มเข้าวงการกับบทนางรอง แต่เพราะหน้าหมวยเฉี่ยว ดูร้ายลึก เลยได้รับบทร้ายในละคร “ธิดาซาตาน” แต่เพราะความสวยและขาวมันเปล่งประกายออร่า เธอก็เลยได้ข้ามขั้นมาเป็นนางเอกเรื่องแรกในละคร “คนเยอะเรื่องแยะ” ในปี 2550 แล้วก็เป็นนางเอกเรื่อยมาจนมาถึงปัจจุบันนี้
ด้านสาวเบลล่า ราณี จำได้มั้ยว่า ละครเรื่องแรกของเธอเมื่อ 5 ปีก่อน เธอรับบทร้ายนะคะ ในเรื่อง “รอยมาร” ทำเอาหลายคนติดใจนางร้ายหน้าตาซ้วยสวย จึงแจ้งเกิดตั้งแต่เรื่องแรก แต่เพราะสวยหวานขนาดนี้ จึงไม่ต้องรับบทร้ายอีก ได้เลื่อนขั้นมาเป็นนางเอกในเรื่องต่อไปทันที
และแฟนละคร “The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ” เมื่อ 2 ปีก่อน ก็คงจะสะดุดตากับแม่มดตาคม ที่ชื่อชิปปี้ ศิรินทร์ คนนี้ และเพราะหน้าตาสวยระดับนางเอก แถมฝีมือการแสดงก็ไม่ธรรมดา ผู้จัดละครมือดี จิ๋ม มยุรฉัตร เลยดึงมาเป็นนางเอกละครดัง “สุดแค้นแสนรัก” ทันที แต่เพราะเรื่องนั้นบทเด่นอยู่ที่ รัดเกล้า อามระดิษ และ เพื่อน คนิน มากกว่า สาวชิปปี้จึงต้องรออีกนิด จนกระทั่งได้พระเอกรุ่นพี่ อั้ม อธิชาติ มาเป็นป๋าดันให้แจ้งเกิดกับละครเรื่องล่าสุด
ปิดท้ายด้วยสาวหน้าหวานซ่อนเปรี้ยว ปราง กัญญ์ณรัณ เธอคนนี้โลดแล่นในวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2556 กับบทเพื่อนนางเอก หรือไม่ก็นางรอง จนกระทั่งมาถึง “บางระจัน” ก็เป็นที่จับตามากขึ้น เพราะนอกจากสวยวันสวยคืน เล่นบทกุ๊กกิ๊กก็น่ารัก ยิ่งบทดราม่าก็เล่น “ถึง” ด้วย ล่าสุดจึงได้รับโอกาสให้ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัวครั้งแรก ประกบหนุ่ม อาเล็ก ธีรเดช ที่เพิ่งเปิดกล้องไปเมื่อไม่นานมานี้
