
จากเด็กผู้หญิงที่ใช้ชีวิตธรรมดา ไม่หวือหวา ตื่นเช้าไปโรงเรียน เลิกเรียนกลับบ้าน ผลการเรียนอยู่ในระดับดีมาก ไม่เคยพบเจอความผิดหวังแม้เพียงน้อยนิด จนกระทั่งมีแฟน แต่งงาน มีลูก มีครอบครัวที่คนรอบข้างมองว่าอบอุ่น แต่แล้วทุกอย่างพังทลายเมื่อถูกบอกเลิก และถือเป็นความผิดหวังครั้งแรกในชีวิตของ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ที่ทำให้เสียศูนย์ไปช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เข้มแข็งดูแลลูกๆทั้งสอง “น้องแพรว- แพรวพิชชา” และ น้องภูมิ-พิชญภูมิ” จนหลายคนยกให้เป็นต้นแบบ เธอมีเคล็ดลับในการก้าวผ่านวินาทีล้มเหลวในชีวิตครอบครัว รวมถึงมีเทคนิคในการเลี้ยงดูลูกๆอย่างไร “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” นำมาฝากกัน
ในวันที่ต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ปรับตัวยากไหม
-จริงๆไม่ต้องปรับมากมาย เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พี่บ๊วย(เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) ยังอยู่ด้วยกัน พอมีลูกพี่บ๊วยก็ให้ตุ๊กหยุดทุกอย่าง ให้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์เลย ทำให้เรื่องการดูแลลูกเราทำเองได้หมดทุกอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้จิตตก ว้าวุ่นมาก คือการที่เราต้องแบ่งเวลาไปทำงาน มันทำใจยาก ตอนนั้นคือแม้สักวินาทีหนึ่งก็ไม่อยากให้ใครมาดูแลลูกแทนเรา กลัวเขาสอนไม่เหมือนที่เราสอน เช่น เรื่องง่ายๆถ้าลูกทำขนมหล่น คนอื่นๆอาจจะซื้อให้ใหม่ แต่สำหรับบ้านเราถ้าลูกทำขนมหล่นก็จะอดกิน เขาต้องรู้จักเรียนรู้ว่าถ้าเขาไม่ดูแล ไม่ระวังของตัวเอง เขาก็จะไม่ได้สิ่งนั้น แล้วพอถึงวันที่เราต้องไปทำงานวันแรก ลูกไม่ยอมกินนมจากขวด เพราะที่ผ่านมาลูกดูดนมจากเต้าแม่มาตลอด ตุ๊กรู้สึกผิด ร้องไห้เลย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นนะ ปกติจะไปรับลูกที่โรงเรียนเอง พอช่วงที่งานเยอะ ไม่ได้ไปรับลูกสัก 3 วันก็จะทุกข์ใจมาก
แสดงว่าทุกวันนื้เลี้ยงลูกเองคนเดียว
-ใช่ค่ะ ไม่มีพี่เลี้ยง ตุ๊กก็เลยจะให้เวลาลูกเป็นหลัก จะเอาคิวลูกมาก่อน ถ้าจะรับงานก็จะรับแค่ช่วงเช้า ไม่เกินบ่ายสอง(14.00น.) เพราะต้องไปรับลูกที่โรงเรียนบ่ายสาม(15.00 น.) ส่วนวันไหนมีงานเย็น หรือถ่ายละครยาวก็จะขอให้อาม่า อากง มาช่วยเลี้ยงเป็นกรณีพิเศษ หรือพี่บ๊วยก็จะมารับเพราะเขาก็อยากมาหาลูกอยู่แล้ว
การเลี้ยงลูกต่างเพศชาย-หญิง วิธีเลี้ยงแตกต่างกันไหม อย่างไร
-ไม่ต่างกันค่ะ อาจจะเพราะลูกตุ๊กยังเล็ก คนโต 8 ขวบ คนเล็ก 5 ขวบ เขายังไม่รู้จักการแบ่งเพศเท่าไหร่ นอกเหนือจากเรื่องเพศ ก็จะเป็นเรื่องนิสัยที่แตกต่าง อย่าง แพรว เป็นเด็กผู้หญิงอ่อนหวาน รักสวยรักงาม ตื่นเช้ามาใช้เวลาทำผมเอง ถักเปียเอง 30 นาที ส่วนน้องชาย ภูมิจะมุทะลุ เริ่มมีเถียง เริ่มมีความเจ้าเล่ห์ ไม่พอใจจะโวยวาย กระฟัดกระเฟียด เวลาเขาทำตุ๊กก็จะนิ่ง ดุ และห้าม แต่ไม่ไปตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาทำ เพราะเขาจะได้รู้ว่าเรียกร้องไปก็ไม่ได้ กรณีเดียวกับเด็กที่ลงไปนอนกรี๊ดตามห้างสรรพสินค้าเวลาอยากได้ของ เวลาพูดเราต้องจริงจัง ส่วนแพรวจะเป็นเด็กที่ยอม ตุ๊กจะทำอะไรเขาก็ได้ เขายอม ก็จะต้องใช้วิธีไม่ดุมากเกินไป กลัวเขาจะเก็บกดเลยต้องระวัง
เคยตีลูกไหม แล้วมีวิธีสอนอย่างไร
-ตุ๊กไม่เคยตีนะ เวลาเขาทำอะไรผิดก็จะแค่ใช้เสียงต่ำๆ และก็ไม่ใช้วิธีอธิบายเหตุผลยาวนะ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการอธิบายเหตุผล เพราะมันยาวไป ตุ๊กจะไม่ถึงกับอธิบาย แต่จะพูดสั้นๆให้เข้าใจ โดยรวมจะยึดหลักทำอย่างไรได้อย่างนั้น ฉะนั้นบ้านตุ๊กจะไม่มีคำว่า ถ้าลูกไม่นอนทำอย่างไร เพราะเราจะไม่มีวันนั้น วันที่ลูกไม่นอน เด็กๆจะต้องนอนเป็นเวลาทุกวัน
ก่อนหน้านี้ตุ๊กดูเป็นคนเจ้าระเบียบแล้วกับลูกๆล่ะ
-คนมองว่าตุ๊กเจ้าระเบียบ แต่สำหรับลูก ตุ๊กจะซีเรียสแค่เรื่องเวลากิน เวลานอน แค่นั้น แต่ถ้าเรื่องต่อเลโก้แล้วไม่สวย เรื่องเล่นแบบนั้น แบบนี้ ได้ไม่ได้ ตุ๊กไม่ยุ่ง ปล่อยเลย คิดว่าคงแล้วแต่มุมมองมากกว่า บางคนมองว่าทำไมตุ๊กปล่อยให้ลูกเล่นแบบไม่มีระเบียบเลย แต่เรื่องเล่นเราปล่อยไง
เป็นเพราะแนวทางจากโรงเรียนด้วยหรือเปล่าวเพราะเห็นว่าตุ๊กเลือกให้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือก
-ใช่ โรงเรียนเป็นแนวนี้ ปล่อยให้เล่น เรียนรู้กับธรรมชาติ ไม่เร่งเรียนเขียนอ่าน ตอนที่เลือกโรงเรียนเป็นความเห็นตรงกันของตุ๊กกับพี่บ๊วยเลย ไม่อยากให้ลูกโตเป็นสาวเร็วเกินไป ทุกวันนี้ลูกก็มีความสุขดี แม้ว่าตอนนี้แพรวจะ ป.2 แต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่เราไม่รู้สึกอะไร ขอแค่กินอิ่ม นอนหลับ คนรอบข้างเองก็เข้าใจ ร่วมมือกันดี ที่บ้านเราไม่เล่นโทรศัพท์ ไม่ดูทีวี ไม่ซื้อของเล่น ถ้าจะเล่นอะไรต้องทำเอง หรือพ่อแม่ต้องทำให้ ก็แฮปปี้ดี
ลูกๆเคยทำอะไรให้รู้สึกประทับใจมากๆไหม
-ไม่มีอะไรมากมาย นอกจากคำพูด เวลาตุ๊กทำงานเยอะๆ แพรวก็จะเข้ามาถามว่า เหนื่อยไหมคะ คุณแม่แสนดีของหนู” ในขณะที่ภูมิจะดูแข็งๆเหมือนไม่สนใจใคร สนใจแต่ตัวเอง จนวันหนึ่งตุ๊กหกล้ม และต้องขับรถ จู่ๆภูมิก็พูดขึ้นมาว่า แม่แน่ใจนะครับว่า แม่ขับได้ เจ็บมากไหมไปโรงพยาบาลไหมครับ แค่นั้นแหละ มันดีจัง
ทุกวันนี้ห่วงลูกเรื่องอะไรที่สุด
-ไม่ห่วงอะไรเลย จะมีบ้างเวลาที่เห็นข่าวเด็กหาก จะห่วง อย่างอื่นก็เฉยๆเขาก็ดูเป็นเด็กปกติดี
วางอนาคตลูกไว้อย่างไร
-ตุ๊กรู้สึกว่าหน้าที่ของตุ๊กอยู่ปัจจุบันตรงนี้ ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีทึ่สุด เขาก็จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เป็นผู้ใหญ่จากผลของการกระทำของเราในวันนี้ อนาคตของเขา เขาย่อมอยากจะจัดการของเขาเอง เรามีหน้าที่ตบมืเมื่อสำเร็จ หรือ กอดเขาถ้าเขาไม่ไหวเพียงเท่านั้น
ทุกวันนี้เหนื่อยไหมกับการเป็นซิงเกิ้ลมัม
-จริงๆเหนื่อยอยู่แล้ว แต่เราพร้อมเหนื่อย ถ้าวันไหนไม่ไหวจริงๆก็จะให้แม่บ้านมาช่วยทำกับข้าวบ้าง ทำนั่นทำนี่บ้าง
รู้สึกอย่างไรที่หลายคนยกให้เป็นตัวแบบซิงเกิ้ลมัม
-เป็นเกียรติมาก จริงๆตุ๊กไม่ได้ทำได้ดีไปหมดทุกอย่าง แต่บางคนกลับเดินเข้ามาบอกว่าเขาผ่านช่วงเวลาแล้วร้ายมาได้เพราะเรา เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งได้อ่านข้อความในเฟชบุ๊คที่ส่งกันเข้ามาเมื่อปี 2555 คนให้กำลังใจตุ๊กเยอะมาก อ่านไป ร้องไห้ไป บางคนก็เล่าเคสตัวเองให้ฟัง รู้สึกดีอะไรที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคน
สำหรับคนที่อาจจะประสบปัญหาคล้ายกันอยากจะบอกอะไรเขา
-คนจะถามว่า ตุ๊กผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร ตุ๊กจะออกตัวเสมอ ว่าค่อนข้างเป็นคนโชคดีที่จะดูเอ๋อๆนิดนึง พอมีเรื่องอะไรเข้ามาจะไม่รู้สึกลึกมาก และจะผ่านไปได้เร็ว ช่วงที่เลิกกับพี่บ๊วยใหม่ๆจำได้เลยว่ากินข้าวไม่ได้แค่ 10 วันแล้วจากนั้นชีวิตปกติเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่เคยผิดหวังอะไรเลยเรียนก็ได้ที่ 1 มาตลอด พ่อแม่ดุ อยู่ในกรอบ เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน บางคนบอกตุ๊กเป็นคนปล่อยวาง สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญคือคำพูดของพี่ดู๋ สัญญา คุณากร ที่พูดให้ฟังว่า “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา” แค่นั้นแหละ ตุ๊กได้ฟังคิดได้ มันจริงที่สุด ถ้าเราเชื่อว่าทุกอย่าเงปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จะไม่คำว่า ทำไมเลย เมื่อเกิดไปแล้วก็คือเกิด เวลาเราสุขเราไม่รู้หรอกจะสุขอีกกี่นาที เวลาทุกข์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะอีกกี่นาที อย่าไปจมกับมัน สุขเศร้าจะขยับผ่านไป ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเดียว ตุ๊กเองไม่ได้ทำได้ดีทุกเรื่อง เพียงแต่เข้าใจมากขึ้น
และนี่คือข้อคิดดีๆจากซิงเกิ้ลมัมที่อยู่ในใจใครหลายคน…