“เข้ม-หัสวีร์” เปิดหมดเปลือก! ถูกตั้งกระทู้ถาม “เป็นลูกรัก มีงานแซงหน้าคนอื่น”

ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงได้ประมาณ 3 ปีเท่านั้น สำหรับพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวิกหมอชิต “เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล” ที่ช่วงเวลาไม่ถึง 3 ปี แต่มีงานละครต่อเนื่องเกือบ 10 เรื่อง จนกลายเป็นที่จับตามองอย่างมากว่าหนุ่มเข้มคือลูกรักขึ้นหมอในตอนนี้ และเพราะกระแสข่าวดังกล่าว ทำให้พระเอกหนุ่มถูกวนเวียนอยู่กับข้อครหาดังกล่าวมาโดยตลอด งานนี้หนุ่มเข้มเลยขอเปิดใจแบบเคลียร์กับ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” แบบม้วนเดียวจบ เพื่อปิดจ๊อบข้อสงสัยนี้   


“ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทางผู้ใหญ่ ทั้งทางช่อง 7 HD แล้วก็ผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตา เอ็นดูผม รวมถึงค่ายต่างๆ ที่คอยสอน คอยแนะนำ คอยเตือน ผมได้รับโอกาสตรงนี้ และผมอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ”

2 ปีที่ผ่านมาของเข้ม มีละครกว่า 10 เรื่อง ถือว่าเยอะมากเลย


“(หัวเราะ) มันไม่ถึง 10 หรอกครับ  จริงๆ มันก็เริ่มมาเรื่อยๆ เรากพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ มันก็มีเข้ามา จริงๆ แล้วตัวเข้มเอง รู้สึกว่ามันปกติของเราตั้งแต่เข้ามาทำงาน เข้มรับปีละ 2 เรื่องอยู่แล้ว แต่ปีนี้เข้ามาเรื่องเดียว นี่…ผมว่าผิดปกติแหละ (หัวเราะ) ผิดปกติของตัวเอง ที่มีเข้ามาเรื่องเดียว แต่ก็เข้าใจว่าผู้ใหญ่คงอยากให้ช่วงเวลาเราไปพัฒนานตัวเอง ในเรื่องบุคลิก ในเรื่องของร่างกาย”

ช่วงที่ผ่านมา มีหลายกระทู้ จากหลายเว็บตั้งคำถามซ้ำๆ ว่า ทำไมเข้มมีละครเยอะกว่าคนอื่น เข้มเป็นลูกรักหรือเปล่า อยากตอบคำถามเหล่านี้ยังไง 


“คือมันไม่ใช่หรอกครับ ช่อง 7 ผมรู้สึกว่าเปรียบเสมือนบ้าน แล้วพ่อกับแม่ไม่มีทางรักลูกไม่เท่ากัน คนที่เข้ามาในช่อง ก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวแล้ว คนไหนเหมาะสมกับอะไร อย่างรู้สึกว่าผมถนัดกับการปลูกถั่ว เขาก็ให้งานเรื่องของการปลูกถั่ว ปลูกอะไรมา ผมเชื่อว่าได้เท่ากันหมด แต่ละคนก็ได้แบบแตกต่างในเรื่องของบุคลิก ในเรื่องของคาแรกเตอร์ที่ไม่มันเหมาะสม ได้เท่ากันจริง (หัวเราะ)”

เคยมีคนถามคำนี้ไหม

“มีครับ ผมก็นั่งสังเกตนะว่าผมได้เยอะไหม ผมก็บอกว่ามันก็ปกติของผม ผมได้ 2 เรื่องปกติ ผมก็ไปดูพี่ๆ คนอื่นเขาก็ได้เท่ากัน เท่ากันหมดเลย แต่ในคาแรกเตอร์ที่มันแตกต่างกันเท่านั้นเอง”

แต่ก่อนหน้านี้มีละคร 4 เรื่อง

“คือ…มันอยู่ที่ว่ามันปลายอีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็จะเปิดเรื่องใหม่ มันเลยเป็น 4 เรื่อง”


การที่เราได้โอกาสเยอะแบบนี้ กลัวไหมว่าคนจะมองว่าเพราะเราเป็นลูกรัก ก็จะทำยังไงก็ได้

“ผมไม่อยากให้มองแบบนั้นเลย อยากให้มาดูผลงานของผม ว่าแต่ละตัวละครที่ผมแสดง เป็นยังไงบ้าง อยากให้มาดูตรงนี้ดีกว่า เพราะว่าผมตั้งใจทำงานมากๆ แล้วผมก็ใส่รายละเอียดของตัวละครมากๆ อยากให้คนมาติมาว่ามาชมในตัวละครของผมดีกว่า ผมจะไม่รู้สึกดีใจเลย ถ้าผมเป็นลูกรักแล้วผมจะทำตัวอีกระดับหนึ่ง ผมเป็นลูกรัก ผมจะทำยังไงก็ได้ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น พอผู้ใหญ่ให้โอกาสมา ผมก็อยากจะทำโอกาสที่เราได้มา ให้มันออกมาดี เอามาเสิร์ฟให้ทุกคน แล้วทุกคนรู้สึกว่าผลงานของน้องเข้ม ผลงานของผมเป็นรูปแบบ ไปในทิศทางไหน ออกมาดีไหม ในเรื่องของการแสดง อยากให้มาติชมตรงนี้มากกว่า ผมมาอยู่ตรงนี้ในรูปแบบไหน ผมก็ไปในรูปแบบนั้นเรื่อยๆ เพราะผมจะเรียนรู้อยู่ในกองเยอะมาก เจอพี่ๆ ที่อยู่ในกอง ทั้งพี่ๆ ผู้กำกับ พี่ๆ ทีมงาน เราก็จะพูดคุยกัน รวมไปถึงแฟนคลับใครที่เข้ามาผมก็รักหมด ประพฤติตัวเท่าเทียมกันหมด จะไม่มีแบ่งชนชั้นว่าใครลูกรักใครไม่ลูกรัก ผมว่าทุกคนคือลูกรักหมดแหละครับ”


อยากบอกอะไรกับคนที่เขาไม่ได้มองที่ผลงาน แต่มองที่ปริมาณงานที่เราได้เยอะกว่าคนอื่น

“ผมถือว่านี่คือการพูดคุยกันแล้วกันนะ จริงๆ แล้วลองเปิดใจให้ผมดู ลองมาดูละครที่ผมเล่นดู คุณอาจจะเปลี่ยนใจ ลองมาสัมผัสกับผมดูก็ได้ ตามงานต่างๆ ที่ผมไป แล้วผมก็เชื่อว่าคุณจะต้องเปลี่ยนใจ ที่คิดแบบนั้น คุณเห็นผมคุณจะต้องรักผม (หัวเราะ) ลองมาศึกษากันดู ลองมาแลกเปลี่ยนความคิดกันดู”

ติดใจศาสตร์การแสดงแล้วใช่ไหม

“ผมชอบศาสตร์ของการแสดง ทั้งเล่นภาพยนตร์ เล่นละคร และอยากลองเล่นละครเวที ผมได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ก่อนเป็นศาสตร์แรกจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง “รักนะซุปซุป” และถึงมาต่อที่การแสดงละคร ละครเวทีเป็นอย่างเดียวที่เรายังไม่ได้แสดง ยังจับต้องไม่ได้ ยังไม่ถึงขั้นนั้น อยากเล่นละครเวที อยากลองดูว่ามันแตกต่างกันยังไง” 

คิดภาพตัวเองเล่นละครเวทีไว้ยังไง

“ปกติร้องเพลงมีเพี้ยนนิดๆ แต่กว่าจะไปละครเวที คงต้องไปฝึก ไปเรียนไปร้องดู (อยากเล่นเดอะมิวสิคัลเลย) ถ้ามายังไงผมเอาหมดแหละ จริงๆ อยากลองอยากเปิดโลกใหม่ๆ ดู” 

เคลียร์ชัดแบบนี้แล้ว หวังว่าข่าวเมาท์เรื่องลูกรักของหนุ่มเข้มจะหมดไปนะจ๊ะ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

 

เข้าชม 604 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม