“มิว-ศุภศิษฏ์” แจงดราม่าคลิปเซอร์วิสคู่ “กลัฟ-คณาวุฒิ” ไม่มีใครผิด มันอยู่ที่รสนิยม

“พอทราบกระแส แต่ยังไม่ได้ดูคลิปเลย แต่ว่าตอนที่เราถ่ายคอมเทนต์ไม่มีความล่อแหลม ตอนที่รับงานเรามีการสกรีน บรีฟก่อนอยู่แล้วว่าแต่ละเกมส์มันมีความเหมาะสมหรือเปล่า ถ้าเกมส์ไหนที่ไม่มีความเหมาะสม เราก็จะปรับเปลี่ยนให้ดูซอฟท์ขึ้น และให้ทุกคนสามารถดูได้ อย่างตอนกิจกรรม มันก็เหมือนแค่การซักผ้าเฉยๆ เป็นโจทย์ที่เขาให้มา ส่วนเรื่องลักษณะท่าทางตอนนั้นเราเองก็ไม่ได้มีความเอ๊ะอะไร เพราะหลับตาอยู่ (ยิ้ม) แต่พอถูกแคปมามันก็อาจจะดูน่ากลัวนิดหนึ่งใช่ไหม

ส่วนคลิปที่เป็นเงา อันนั้นคือตั้งนานมากแล้ว ซึ่งจริงๆ อันนั้นคือน้องกลัฟผูกเชือกรองเท้า แต่ภาพที่ออกไปอาจดูไม่เหมาะสมใช่ไหม งั้นผมว่าเราอาจจะต้องมาระวังเรื่องคอนเทนต์กันมากขึ้น เพราะว่าบางทีการเล่นสนุกของเราอาจจะสื่อไปในทางภาพที่ไม่ดี อันนี้อาจจะต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายเลย ทั้งจากทางฝั่งเราด้วย ทางฝั่งผู้จัดการของเรา และทางฝั่งลูกค้าและงานต่างๆ อาจจะต้องคุยกันมากขึ้น เรื่องการบรีฟงาน ถามว่าตอนที่ทำกิจกรรมนั้น เรารู้สึกไหมว่ามันจะส่อไปในทางที่อาจจะไม่เหมาะสม คืออย่างที่บอกว่าตอนที่เราทำก็แค่เรายืน แล้วน้องก็แค่ผูกเชือกรองเท้า เราเลยไม่ได้รู้สึกอะไร น้องแค่ผูกเชือกรองเท้าเฉยๆ อ่ะ”

พอวันนี้กลับมาเป็นคนดู แล้วเห็นคลิปนั้น ในความรู้สึกเรารู้สึกยังไง

“ถ้าผมเป็นคนดู เป็นคนทั่วไป ผมก็อาจจะรู้สึกว่าแรงเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกไปว่าในอนาคตก็อาจจะต้องคุยกันมากขึ้น ว่าความพอเหมาะมันอยู่ในระดับไหน สำหรับคนที่วิจารณ์ผมรู้สึกว่าทุกคนมีสิทธิจะวิจารณ์ได้อยู่แล้ว ความพอเหมาะ หรือกิจกรรมที่อาจจะสื่อไปในทางที่ไม่ดีพวกนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่มีใครผิด มันอยู่ที่ความเหมาะสม มันเป็นเรื่องของรสนิยม เพราะถ้าสมมติเราไปเจอคนๆ หนึ่งแล้วเราอาจจะรู้สึกว่าเขาแต่งตัวแรง แต่เขาอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นธรรมดาของเขาก็ได้ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน ต่อจากนี้ก็อาจจะต้องดูว่าความเหมาะสมที่ถูกเซ็ทไว้ควรอยู่ประมาณไหน”

ในส่วนตัวคู่เราเสิร์ฟความจิ้นและเซอร์วิสแฟนเยอะมากน้อยแค่ไหน

“เรื่องความมากน้อยผมไม่ค่อยแน่ใจว่า อันไหนเรียกว่ามากหรือเรียกว่าน้อย เราแค่ทำไปตามธรรมชาติของเรา เพราะว่าผมกับน้องกลัฟเราสนิทกันอยู่แล้ว เลยสามารถเล่นอะไรได้หลากหลาย ถามว่ามีดราม่านี้ขึ้นมาก็ได้คุยกัน แต่ก็ไม่ได้นอยด์ เพราะว่าเราไม่ได้มีเวลามาเสพดราม่าพวกนี้เท่าไหร่ ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราทำงานก็อยากที่จะตั้งใจในการทำงานมากกว่า ผมเองค่อนข้างจะปล่อยผ่านดราม่า เพราะผมรู้สึกว่าเราเอาเวลาในการเสพดราม่า คือผมเป็นคนที่ชอบดูซีรี่ส์มาก แค่เวลาดูซีรี่ส์ยังไม่มีเลย จะเอาเวลามาเสพดราม่าทำไม สู้เอาเวลาไปทำอะไรที่มีความสุขดีกว่า หรือเอาเวลาไปตอบแทนคนที่รักเราดีกว่า อย่างเช่นเอาเวลาไปพัฒนาตัวเอง เพื่อตอบแทนแฟนคลับทุกคนดี”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน