เปิดใจ “เส้นด้าย-ไวท์ สอดอstyle” ยูทูบเบอร์ไม่ใช่แค่สนุกแต่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม

เป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว สำหรับ “เส้นด้าย พิมพ์ลดา แววไธสง” เจ้าของเพจดัง “สอดอ Style” ที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก วันนี้ “หนูเผือก” แอบไปซอกแซกหาไอดอลสาวสุดฮอต พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม “ไวท์” ถึงการเป็นยูทูบเบอร์ เพื่อขอเคล็ดลับว่าการเป็นตัวจริงในวงการยูทูบเบอร์ต้องทำยังไงให้อยู่รอดได้ 


เล่าถึงวันที่หันมาเป็นยูทูบเบอร์หน่อย
ไวท์  : “เมื่อ 3-4 ปีก่อน การทำคลิปออนไลน์ หรือการเป็นยูทูบเบอร์ เอาจริงๆ มันยังใหม่กับบ้านเรามากๆๆ แต่ตอนนี้มันเป็นอะไรที่ฮิตกันไปทั่วแล้ว อย่างน้องๆ ผมที่อายุ 10 กว่าขวบ ไม่ดทีวีกันแล้ว ตอนนี้มาดูสื่อออนไลน์ทั้งนั้น แล้วถามเขาว่าอยากจะเป็นอะไร เขาก็อยากจะเป็นยูทูบเบอร์ ถามเด็กสมัยนี้อยากจะเป็นอะไรกัน ไม่มีแล้ว บอกเป็นหมอ เป็นตำรวจ เป็นทหาร ยูทูบเบอร์เป็นเหมือนอาชีพใหม่ อาชีพที่มันกำลังไฟแรงมากๆ ทุกคนก็อยากที่จะเป็น เพราะว่ามันได้ทั้งชื่อเสียง ได้ทั้งมีคนรู้จัก ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอะไรที่สปอนเซอร์เข้ามา”
เส้นด้าย : “สมัยก่อนตอนที่ สอดอstyle เริ่มทำ 5 วันพันวิว ในขณะที่ตอนนั้นมีคนรู้จักบ้างแล้วนะคะ แน่นอนในตอนที่เราเริ่มทำมันอาจจะยังไม่ปังหรือบูม อย่างที่เราตั้งใจ แต่อยากบอกว่าคนที่จะมาเป็นยูทูบเบอร์ว่า อย่าเพิ่งท้อ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ให้เลือกทำในสิ่งที่เราชอบ แล้วจะไม่เบื่อ แล้วจะไม่ท้อง่าย จะทำได้นาน จะบอกว่าความท้อทุกคนมี เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ทั่วไป แต่ให้เลือกสิ่งที่ตัวเองถนัด 
ในตอนที่เราทำโชคดีที่หาจังหวะได้ และมันตรงล็อกๆ เลย จะต้องบอกก่อนว่าด้ายเองเป็นคนที่ชอบทำคลิปอยู่แล้ว เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว แต่แค่ตอนนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรใดๆ ตอนนั้นคือทำนั่น ทำนี่ ทำกับเพื่อน แต่มันไม่ปัง มันไม่ไปเร็ว แต่พอทำกับแฟน มันไป พอมันไป เราก็จับจุดได้แล้วว่าคนชอบอะไร คนอยากดูอะไร เราขยี้เลย  ฉะนั้นเมื่อมองกลับมาว่ายูทูบเบอร์บางคนทำหนึ่งคลิปมา แล้วปังเลย แล้วหยุดเพื่อไปลองทำอย่างอื่น จะบอกว่าไม่ต้องค่ะ เพราะว่าออนไลน์มันง่ายแล้ว คือถ้าเราจับได้ปุ๊บจุดไฟได้ปุ๊บ เรามาขยี้ไฟนั่นเลย ให้คนจำได้ในสิ่งที่เราเป็น ให้เป็นซิกเนอเจอร์ อย่างของด้าย เป็นซิกเนเจอร์เรื่องแฟน จากนั้นค่อยมาแตะเรื่องเพื่อน เป็นเรื่องใกล้ตัว ทำให้เป็นที่จดจำได้ง่าย”
มีคำแนะนำไหม สำหรับคนที่อยากเป็นยูทูบเบอร์แบบเรา
เส้นด้าย : “ถ้าคนที่จะหันมาทำคอนเทนต์ เริ่มแรกมันต้องผิดลองถูกก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าลองถูกแล้ว ให้ขยี้มันเลย มันจะไปได้เร็ว”
การเลือกคอนเทนต์ในการนำเสนอดูที่อะไร
ไวท์ : “การเลือกคอนเทนต์จริงๆ ก็เราเลือกจากเรื่องใกล้ตัวมากกว่า อะไรคือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา บางสิ่งเราอาจจะมองไม่เห็นว่ามันมีประโยชน์อย่างไงบ้าง อย่างที่ผมบอกว่าทุกคนสามารถหยิบเอาสิ่งใกล้ตัวเรา แบบที่เรารู้สึกว่ามันมีประโยชน์มันมาทำได้หมด อย่างของเรา เลือกดึงเรื่องชีวิตคู่มา 
การที่เรานำเสนอเรื่องชีวิตคู่ คนที่มานั่งดูแล้วอาจจะรุ้สึกเครียด เจออะไรมา แต่พอมาดูคลิปเรา เป็นแบบตลก เฮฮา มันเหมือนมันไม่เครียด  ทุกคนแฮปปี้ ยิ้มแย้มกับมัน”
เส้นด้าย : “เวลาคนมาดู ก็จะรู้สึกว่า ฉันก็เจอเหตุการณ์แบบนั้นมา ฉันก็เคยเจอแบบนี้ แล้วขำกับมัน และเขาก็มองเห็นปัญหา เอาจริงๆ เราทำคลิปออกมา ไม่ได้จะให้คนดู ดูแล้วเครียด ให้ดราม่า ส่วนใหญ่จะบอกเลยว่า ขำแทบทุกคลิป ซึ่งเราทำมาเกือบพันคลิปแล้วพยายามใส่เนื้อหาสาระที่เป็นปัญหา ให้คนมองปัญหานั้นไม่เป็นเรื่องเครียด คือให้มาเปิดดูช่องเรา แล้วยิ้ม”
แต่มีหลายๆ คลิปของ “สอดอstyle” ที่มีดราม่าเหมือนกัน
เส้นด้าย : “ใช่ แต่เป็นดราม่ามในเรื่องของชีวิตจริงๆ จะบอกว่าพอมันเป็นเรื่องของชีวิตจริงๆ มันทัชใจคน บางคนดูคลิปของเรา ทำให้เขากลับมาย้อนดูชีวิตเขาจริงๆ ซึ่งมันเป็นก็เป็นประโยชน์ เป้าหมายในการทำคอนเทนต์ของด้าย คือเยาวชน และคนรุ่นใหญ่เลย เด็กเป็นส่วนน้อย ถ้าเรื่องคอนเทนต์ด้ายจะชี้เป้าไปที่ผู้ใหญ่เลย เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ อะไรแบบนี้ เด็กที่ดูได้เขาจะได้เนื้อหาสาระในเรื่องของการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคต เพื่อเขาจะได้เตรียมตัวที่จะรับมือการใช้ชีวิตในอนาคตได้”
ทุกคลิปที่เรานำเสนอออกมา ผ่านการคิดไตร่ตรองมาแล้ว
เส้นด้าย : “คิดแล้ว ทุกอย่างผ่านการคิดมาหมด ผ่านกระบวนการการคัดกรอง บางทีการคัดกรองของเราอาจจะไม่ดี มีคนด่าบ้าง ที่เขาไม่ชอบใจ หรือไม่ถูกใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกมา เราคิดกันแล้ว คิดมาแล้ว ไตร่ตรองมาแล้วว่ามันเป็นเนื้อหาสาระที่ดี จะบอกว่าเรามีสปอร์นเซอร์ตั้งแต่คลิปแรก จนมาถึงวันนี้ ซึ่งมันก็คือการประสบความสำเร็จในด้านเชิงธุรกิจ และก็บอกเล่าใจความสำคัญของคอนเทนต์ด้วย”
คนอาจจะมองว่ายูทูบเบอร์ทำคอนเทนต์ไม่ได้มองความรับผิดชอบต่อสังคม สำหรับ “สอดอstyle” ว่ายังไง
เส้นด้าย : “คือเอาจริงๆ ยูทูบเบอร์ก็มีหลายแบบนะ อาจจะมีแบบที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม แต่เราสองคนไม่นะ”
ไวท์ : “เราสองคนจะคอยเตือนกันตลอด เวลาคิดอะไรมาก็จะมานั่งคุยกันว่าอันนี้มันดีไหม อันนั้นมันไม่ดี ทำออกไปจะทำให้ดูภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แล้วคนเอาไปทำเป็นตัวอย่างที่มี่  เราก็จะพยายามช่วยกันเตือน”
เส้นด้าย : “ด้ายเองเป็นคนที่รณรงค์เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์เด็กในวัยเรียน ซึ่งด้ายพูดตลอด และพูดตรงๆ เลย การที่เราพูดตรงเด็กเข้าใจง่าย คนในวันเดียวกันเข้าใจง่าย ไม่อ้อมค้อมเหมือนในวิชาที่เรียนในห้องเรียน ที่จะมีการกลั่นกรองคำ อยากจะบอกว่าเรื่องของออนไลน์เป็นเรื่องที่ต้องเปิดรับแล้วนะคะ ผู้ใหญ่ก็ต้องเปิดรับในเรื่องนี้ด้วย ถ้าเกิดมันเข้าใจง่าย มันก็จะแก้ไขได้เร็ว และอีกเรื่องที่ด้ายเน้น คือเรื่องของสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่ด้ายพยายามแฝงและสื่อมาโดยตลอด ซึ่งคนอาจจะไม่ได้เห็นด้ายออกมาประกาศมาก”
จากนี้จะเน้นคอนเทนต์อะไรมากขึ้น
เส้นด้าย : “ก็คงเน้นเรื่องของครอบครัว เพราะว่าเราโตขึ้น คอนเทนต์เราก็ต้องโตขึ้นตาม จะเห็นว่าเราเริ่มเอาพ่อแม่ทั้งของด้าย และของพี่ไวท์มาร่วมอยู่ในคลิปด้วย”
เมื่อเป็นเรื่องของครอบครัว แล้วอนาคตเราสองคนมองชีวิตคู่ที่เป็นครอบครัวไว้ยังไง
เส้นด้าย : “เอาจริงๆ นะ ตอนนี้มันอยู่แล้ว ทุกคนจะถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เมื่อไหร่จะมีลูก มีทุกคลิป และมีทุกครั้ง เพราะทุกคนก็ลุ้น คืออย่างสมัยก่อนอาจจะเรียนจบมามีแฟน แต่งงาน มีลูก แต่ด้วยคนรุ่นใหม่อย่างเรา เรามองข้ามจุดนั้นไปแล้ว ซึ่งครอบครัวเราโอเคและเข้าใจ มันไม่ต้องมีพิธีกรรมอะไรมากมาย มันคือความเข้าใจ ทุกคนทุกเจนเนเรชั่นในครอบครัว เรื่องแต่งงานเลยไม่ได้คิด แต่เราก็อยู่กันด้วยความไว้เนื้อเชื้อใจ และเป็นการส่งเสริมกัน จริงๆ ทุกวันนี้เราก็เหมือนชีวิตครอบครัวกันไปแล้ว แต่แค่ว่าไม่ได้ทำพิธีกรรมก็เท่านั้น อีกอย่างนะด้ายเป็นคนงก ถ้าจัดงานมันก็ต้องเสียเงิน (หัวเราะ)”
ไวท์ : “ด้ายบอกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า (หัวเราะ)”
เส้นด้าย : “ถ้าด้ายจะแต่งงานจะขึ้นไวท์บอร์ด จะบอกทุกยูทูบของเพื่อน แค่นั้นเลย ส่วนเรื่องลูกเป็นเรื่องอนาคต แต่ด้ายเป็นคนบอกตลอดว่า ด้ายไม่อยากมีลูก แต่พี่ไวท์อยากมี แต่เขาก็ไม่ได้ขัดเรา”
ไวท์ : “หลายๆ อย่างก็คือด้วยสังคม เราก็ต้องคิดก่อนดีๆ ว่าถ้าเรามี เราสามารถเลี้ยงดูเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้ไหม”
แต่ด้วยความที่เราเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ด้วยนะ
ไวท์ : “มันทำให้เราต้องระวังมากขึ้น เราก็พยายามสอนเด็กๆ บางทีก็มีน้องๆ ทักส่วนตัวมาหา ว่าเขาเจอปัญหาชีวิตที่เขารู้สึกว่าไม่มีใครแก้ได้ เราว่างก็อ่าน ถ้าอันไหนเรารู้สึกว่าเราช่วยได้ก็จอให้คำแนะนำไป”
เส้นด้าย : “จะบอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อน อาจจะฟังครู ฟังผู้ใหญ่ และอาจจะว้าวกับดารา ซึ่งตอนนี้เด็กทุกคนเขาฟังไอดอล เขาจะมีไอดอลเป็นของเขาเอง ถ้าเมื่อเขาเห็นเราเป็นไอดอลแล้ว เราควรจะแนะนำและชี้ทางให้เขาไปในสิ่งที่ถูก ทางที่ถูก ถ้าเราไปชี้ทางผิด ให้เขาไปในทางที่ผิดสังคมก็จะแย่ลง แล้วลูกหลานเราก็มาเจอสังคมแย่ๆ อีก เพราะฉะนั้นเราเลือกให้ตัวเองมีคุณค่าได้” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 
เข้าชม 1,286 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม

ข่าวแนะนำ