“โทนี่” เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีเพื่อใช้ชีวิตคู่ “แก้ว”


เมื่อวันก่อน (14 มิ.ย.) นักแสดงหนุ่มชื่อดัง
“โทนี่ รากแก่น” ได้ทำเซอร์ไพรส์ขอแฟนสาว “แก้ว จริญญา”
แต่งงาน ล่าสุดทั้งคู่ออกมาแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชนผ่าน
Zoom  ถึงโมเมนต์หวานที่เพิ่งผ่านมา

โทนี่ : “จริงๆ เกิดขึ้นวันศุกร์ครับ
ผมได้เข้าไปหาพ่อกับแม่ของแก้วก่อน
ไปเปิดประเด็นคุยกับเขาเรื่องจะขอแต่งงานกับแก้ว
แล้วก็มีสัมภาษณ์กันยาวหลายชั่วโมง (หัวเราะ)
คือตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะพาทั้งครอบครัวเข้าไปขอพร้อมกัน
แต่พอคุยกับพี่สาวแก้วแล้วก็บอกว่าน่าจะไปคุยกับพ่อแม่ก่อนดีกว่า
เผื่อเขาจะตกใจเราเลยเข้าไปก่อนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เข้าไปคุยคนเดียวก่อนว่าผมจริงจังนะครับ ผมอยากจะมาเป็นส่วนนึงของครอบครัวนี้
เป็นลูกของบ้านนี้ ก็อยากให้เขารับเราไว้ เขาก็ตกใจครับว่าชัวร์แล้วหรอ มั่นใจไหม
เขาก็ถามสไตล์ผู้ใหญ่ เขาก็สัมภาษณ์เรายาวเลย
ก็ผ่านขั้นตอนผู้ใหญ่รับรู้หมดแล้วครับ
แล้วก็ไปบอกทางที่บ้านผมว่าอาทิตย์นี้เข้าไปให้คุณแม่ให้พี่ๆ
เข้าไปเป็นทางการอีกรอบนึง”


วางแผนนานไหมก่อนที่จะเซอร์ไพรส์

โทนี่ : “จริงๆ
เราไม่ได้กะเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สขนาดนั้นครับ เพราะผมกับแก้วเราคิดไว้แล้วว่าอยากเดินทางกับคนนี้
เราอยากใช้ชีวิตกับเขาไปตลอดชีวิตเราอยู่แล้วครับ
ฉะนั้นการแต่งงานก็เหมือนเราทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียมครับ
ก็เป็นเรื่องที่รอจังหวะที่เหมาะสมก็เลยเข้าไป แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจเซอร์ไพร์ส
แต่ที่ว่าเขาเซอร์ไพร์สเพราะว่าไม่ได้คิดว่าเราจะมีแหวนมาด้วย เขาเห็นเราบื้อๆ
ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้”

ความรู้สึกนาทีนั้นที่ “โทนี่” เอาแหวนออกมา


แก้ว : “คือหนูรู้อยู่แล้วว่าจะต้องคุยกัน
อย่างที่บอกว่าตอนที่ถ่ายวีดิโอหนูไม่รู้เรื่องว่ามีแหวน
หนูยังมีคิดในใจอยู่ว่าถ้ามีแหวนจะน่ารักกว่านะ”

 

ตอนนั้นจำได้ไหม “พี่โทนี่” พูดว่ายังไงบ้าง

แก้ว : (ยิ้ม)

โทนี่ : “คือผมพูดไม่ออกเหมือนกันครับ
ต้องเล่าให้ฟังว่าโมเมนต์ที่พอพาแม่และครอบครัวเข้าไปเนี่ย
คือทางแม่ของแก้วเขาก็ค่อนข้างหวงลูกเขามาก
เขาก็มีการคุยกันนานครับระหว่างทางผู้ใหญ่ให้มันลงตัวว่าเขามั่นใจว่าจะดูแลแก้วได้ดี
เขาจะมั่นใจได้ว่าเราดูแลแก้วได้ดี เหมือนกับที่เขาเคยดูแลมาไหม
ระหว่างที่เรารอลุ้นว่าแม่เขาจะเซย์เยส จริง ๆ เราก็เครียดมาก
กลายเป็นว่าพอแม่เขาโอเค มาถึงจุดที่แม่เขาสบายใจ เชื่อใจ และไว้ใจเราแล้ว
เขาก็เซย์เยส เราพูดอะไรไม่ออกเลย เพราะว่าตื้นตันมาก”

เหมือนเราต้องให้คำมั่นกับแม่ของแก้ว ณ
ตอนนั้นใช่ไหม ว่าเราจะดูแลแก้วให้ดี

โทนี่ : “ใช่ครับ”

ตอนนั้นมีโอกาสได้ครอบครัว “แก้ว” ด้วยมั้ย
หรือแค่ผู้ใหญ่สองครอบครัวคุยกันอย่างเดียว
?

โทนี่ :
“เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมได้เข้าไปคุยก่อน
และได้เรียนรู้ว่าพ่อแม่เขาค่อนข้างเป็นห่วงมากเรื่องนี้
และอยากจะมั่นใจว่าตัวเราเองพร้อมจริงๆใช่ไหม ที่จะดูแลลูกสาวเขา
และเราก็ได้เรียนรู้ว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคน
ตอนแรกเราคิดง่ายว่าเราอยู่กัน เรามีความสุขด้วยกัน เราไปไหนด้วยกัน เรียนรู้  รู้จักกันเยอะมาก
และเราก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ก็เข้าไปขอพ่อแม่เขาตรง ๆ
แต่พอได้คุยแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างที่เราคิด
การแต่งงานเป็นเรื่องของครอบครัวเขาและครอบครัวเรา
เพราะว่าเขาก็เลี้ยงดูลูกของเขามาดีมาก ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็รักของเขา
โชคดีที่เราเจอพ่อแม่ของแก้ว แล้วเขาจริงใจกับเรามาก มีอะไรเขาพูดตรง ๆ คิดอะไรก็พูดออกมาเลย
ทำให้เราได้พูดกันตรง ๆ คือถ้าพ่อแม่เป็นห่วงเรื่องนี้
ผมจะหาทางจัดการเรื่องนี้เป็นพิเศษ หรือว่าเรื่องไหนที่ผมยังบกพร่อง
เราก็จะปรับปรุงตัว ก็ค่อนข้างซีเรียสประมาณนึงในการคุยกัน
อย่างที่บอกเพราะว่าพ่อแม่แก้วค่อนข้างเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี เลี้ยงดูแบบสบาย
เขาก็ไม่อยากให้ลูกเขามาลำบากกับเรา
ก็ต้องทำให้พ่อแม่มั่นใจว่าเราจะไม่พาลูกเขามาลำบากครับ”






“แก้ว”
มีโอกาสได้คุยกับครอบครัวก่อนไหมว่าโทนี่จะมาสู่ขอ
?

แก้ว : “บอกพี่สาวก่อนค่ะ
หนูเองก็ไม่รู้จะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ยังไง เลยปรึกษาพี่สาวก่อนว่ายังไงดี
เขาเลยแนะนำว่าให้เราเข้าไปคุยพร้อมกันวันศุกร์ พี่โทกลับหาครอบครัวของเขามา”

อะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าโทนี่คือคู่ชีวิตของเราและถึงเวลาแล้วที่จะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน?

แก้ว : “หนูว่าตั้งแต่เรารู้จักกันมา
จากเพื่อนเปลี่ยนเป็นแฟน มีหลายอย่างที่ทำให้เราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ทั้งในเรื่องภาพเรื่องของจิตใจ
หนูว่าอย่างอื่นเลยนอกจากที่เราดูแลสุขภาพและจิตใจกันให้ดีและมั่นคง
รู้สึกว่าถ้าจิตใจเรามั่นคงดีแล้ว เรื่องอื่นก็สามารถปรับไปได้เรื่อยๆ”

ในส่วนของ “โทนี่:
เรามั่นใจยังไงว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เราจะมาสร้างครอบครัวด้วย
?

โทนี่ : “ผมมั่นใจตั้งแต่วันแรกแล้วนะครับ
คือประสบการณ์ชีวิตเราก็ประมาณนึง ที่ทำให้เราได้เห็นอะไรชัดเจนด้วย
เราว่าการเดินทางด้วยกันเยอะๆ การเดินทางสไตล์เราที่ค่อนข้างทรหดมากๆ
แก้วเป็นคนที่แพลนทริปได้โหดมากๆ ย้ายที่ทุกวัน บางทีเราไปก็ไมได้เจอสภาพอากาศที่ดี
เจออุปสรรคเยอะ ทำให้เราได้เห็นตัวเราและตัวเขา
เวลาที่เกิดปัญหาเราอยู่ด้วยกันยังไง ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือกันยังไง
แต่หลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ค่อนข้างดีครับ ค่อนข้างไปในทางที่เราโอเค
เราชิลไปกับปัญหา อีกอย่างที่ผมรู้สึก ผมรักตัวเองมากๆ ที่เวลาอยู่กับเขาแล้วเราเปลี่ยนแปลงไป
หลายๆอย่างที่เช่น การเลิกบุหรี่
, ไม่ยุ่งกับแอลกอฮลล์
, เลิกกินเนื้อสัตว์
สิ่งพวกนี้มันต้องอาศัยความเข้มแข็งของจิตใจเรามากๆ แต่ถ้าเกิดไม่มีเขา
เราอาจจะทำไมได้ขนาดนี้
เราเห็นแล้วว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับชีวิตที่เราอยากจะทำ เช่น
การเลิกกินเนื้อสัตว์ เพราเราเห็นแล้วเราสงสาร เราก็เลยเลิกกิน เราช่วยกันทำ
พอมีคนร่วมทำด้วย มันก็ทำให้เราทำได้ อย่างเลิกกินแอลกอฮอล์
ผมรู้สึกว่าอยากมีสภาวะสติที่ค่อนข้างนิ่งและเฉียบคม
ไม่อยากให้แอลกอฮอล์ทำให้เรามึนเมาและขาดสติไปช่วงนึง เพราะสมัยวัยรุ่นที่เราสนุกสนาน
เราก็จะปาร์ตี้ ทุกคนต้องผ่านจุดนั้น ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเกินเลยอะไรไป
คือความมึนเมา เวลาเราเที่ยวก็แอลกอฮอล์
ก็เลยคิดว่าถ้าเราตัดมันออกไปจากชีวิตเราเลย
เราเองก็จะมั่นใจได้ว่าเราจะอยู่ในสภาวะปกติ วิเคราะห์และทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
ผมเป็นคนชอบคิดลึก ชอบคิดถึงรากฐานของมัน แอลกอฮอล์ผมเลิกขาดเลย
ต้องบอกว่าผมไมได้ติดนะ (หัวเราะ) ก็แค่สังสรรค์
แต่ต่อไปนี้เราเลือกว่าต่อจากไปก็ไม่ต้องดื่ม
ไม่มีสภาวะมึนเมาหรือเป็นแบบเมื่อก่อนที่ต้องเกิดความสนุก ตอนนี้ไม่มีมันก็สนุกได้
ส่วนบุหรี่ก็เลิกขาดเช่นครับ ส่วนเรื่องเนื้อสัตว์ก็คือเลิกหมดครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด ถ้าเรารู้เราจะไม่ทานเลย
ทานอาหารแบบวีแกนเลย ซึ่งเรากินวีแกนทั้งคู่เลยครับ”

“แก้ว” ให้กำลังใจ “พี่โทนี่”
ยังไงในช่วงที่เขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง

โทนี่ : เขาไม่ได้ให้กำลังใจ (ยิ้ม)

แก้ว : หนูต่อว่ามากกว่า (หัวเราะ)

โทนี่ : เขาจะบอกว่า ไหนบอกว่าเลิกได้ไง
อย่างนี้เป็นคนเชื่อถือคำพูดไม่ได้นะ เขาขู่ เขาออกแนวขู่ น่ากลัว
ที่บ้านเขายังบอกเลยว่าเนี่ยแน่ใจนะจะแต่งกับแก้ว แก้วน่ากลัวนะ
ที่บ้านกลัวแก้วทุกคนเลยนะ เราก็บอกไปว่า ผมเห็นมุมนั้นมาแล้วครับ
ผมก็กลัวเหมือนกัน”

แพลนของทั้งคู่ต่อจากนี้หลังสู่ขอแล้ว
และทางบ้านของเราทั้งคู่ตกลงแล้ว เพราะคุณแม่ “บานเย็น” ของ “โทนี่”
บอกว่าอยากให้ได้ฤกษ์แต่งเร็วที่สุด

โทนี่ : “จริงๆ โห้ ยังไม่ได้คิดกัน
เพราะว่าผม ต้องบอกตรงๆ ว่า กว่าจะผ่านด่านทางฝั่งบ้านแก้วได้ก็รู้สึกว่า
ตื่นเต้นและลุ้นมากๆ เลย และยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนั้น ตอนนี้รู้สึกโล่งใจมากๆ
ที่เขารับเราเป็นครอบครัว เขาเชื่อใจและไว้ใจให้เราดูแลแก้ว
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรามีครอบครัวที่น่ารักแล้วก็ใหญ่ขึ้น วันก่อนที่พาทั้งบ้านเรา
และบ้านแก้วเจอกัน เรารู้สึกว่าครอบครัวเราสองคนน่ารักมากๆ
ตอนนี้คือเรามองแค่นี้ก่อน เรื่องวันแต่งอะไรอย่างไงหลังจากนั้น
นี่คือยังคิดไม่ออกจริง”

วางแผนไว้ว่าจะแต่งปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า?

โทนี่ : “(หัวเราะ) คิดไม่ออกเลย
เพราะว่าเอาจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน มันเพิ่งเกิดขึ้นเอง
ผมคิดแค่นั้นตอนแรก ว่าอยากจะขออย่างเป็นทางการกับทางบ้านแก้ว
และอยากที่จะให้โมเมนท์นั้นมีครอบครัว ของเราทั้งสองครอบครัวอยู่ด้วยกัน
แล้วเขาเห็นภาพนี้พร้อมกัน
หลังจากนั้นค่อยมาช่วยกันคิดที่กว่าว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ จัดแบบไหน ที่ไหนยังไง”

ตัว “แก้ว” เองมีภาพงานแต่งงานในฝันมั้ย?

แก้ว : “เอาจริงๆ ป่ะคะ ความฝันหนู
หนูคิดว่าหนูจะไม่ได้แต่งงาน (หัวเราะ) พอจะได้แต่งก็แอบงงอยู่ เอาจริงๆ
คือแบบอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะสิ่งสำคัญคือหนูรอดูชีวิตหลังแต่งงานมากกว่า
ว่าจะเป็นยังไง (โทนี่พูดเสริมขึ้นมาว่า “ก็เป็นอย่างนี้แหละ”)”

“โทนี่”
ยอมเปลี่ยนไปขนาดนี้เพื่อจะได้อยู่กับเรา
?

แก้ว : “จริงๆ หนูว่าเราทั้งคู่ช่วยกัน
คือเมื่อก่อนหนูเองก็สายปาร์ตี้เหมือนกัน หนูว่ามันมาจากความเป็นเพื่อนอ่ะเนอะ
แล้วเราก็ปาร์ตี้ด้วยกัน รู้สึกว่ามันดีมากที่พอเราสองคนเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนกัน
แล้วเราช่วยกันทำให้ดีขึ้นทั้งคู่”






มีการเตรียมการเรื่องแหวนไว้ยังไง?

โทนี่ : “เรื่องแหวนใช่ไหม
อย่างที่เล่าว่าวันศุกร์ ผมตั้งใจที่จะเข้าไปหาที่้บ้านแก้ว
มีวันก่อนหน้านั้นที่ผมว่าง
ก็เลยแอบออกไปซื้อแหวนในช่วงกลางวันแล้วก็เอามาซ่อนไว้ในห้องเก็บของ ปรากฎว่าอีกวันหนึ่งที่เรามาเปิดดู
คือวันก่อนหน้านั้นแก้วเข้ามาใช่ไหม แล้วเราเห็นกล่องขวดน้ำที่อยู่ตรงนั้นมันหายไป
แล้วมันอยู่ใกล้ๆ กับถึงแหวนของเรา ตอนนั้นเราก็คิดว่าเอาแล้วแก้วเห็นแล้วแน่เลย
เราเห็นกล่องขวดน้ำที่อยู่ตรงนั้นมันหายไป แล้วมันอยู่ใกล้ๆกับถุงแหวนของเรา
เราก็คิดว่าแก้วเห็นแล้วแน่ๆเลย ปรากฎว่าพอถึงวันจริงเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ
เราก็ดีใจมาก เพราะเขาคิดว่าเราบื้อๆแนวเรื่องอะไรแบบนี้
แต่เราก็แอบเตรียมการไว้อยู่”

 “โทนี่”
แอบวัดไซส์นิ้วตอนไหน
?

แก้ว : “จริงๆถามตามรูปคือแน่นมากค่ะ
เพิ่งไปเปลี่ยนแหวนมาเมื่อวาน เพราะไซส์มันไม่ได้”

โทนี่ :
“ผมมีรูปหนึ่งที่แก้วที่กล้องมือถือถ่ายรูปตัวเองผ่านกระจก แล้วมันเห็นมือเขา
เราก็เลยเอารูปนั้นไปให้ที่ร้านดู แล้วก็ยืมมือของพนักงานที่มือเล็กๆ ลองดูก่อน
แล้วก็เดาเอา ว่าตอนเราจับมือเขามันประมาณนี้”

แหวนมีความหมายพิเศษมัย?

โทนี่ : “มีครับ จริงๆเป็นรุ่น Love ครับ ความหมายคือรักตัวเอง แล้วก็รักคนรอบข้างครับ จริงๆเราชอบคำนี้มาก
อย่างป๊าแก้วก็พูดวันนั้นว่า คนเราต้องรู้จักรักตัวเองก่อน
ไม่งั้นเราก็จะไม่รู้จักรักคนอื่น ถ้าเราไม่รู้จักรักตัวเอง
เราก็ไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองให้ดีได้ ถ้าเราดูแลตัวเองดีไม่ได้
ก็ไม่สามารถดูแลคนอื่นได้ มันตรงกับความหมายของแหวนเลย”

เห็นว่ามีการตั้งไลน์กลุ่มสำหรับจัดงานแต่งแล้ว?

โทนี่ : “ใช่ครับ”

“พี่แคนดี้” บอกว่าคุณแม่ “บานเย็น”
อยากให้แต่งปลายปี
?

แก้ว : “ยังไม่ได้สรุปกันเลยค่ะ”

โทนี่ : “ผมว่าต้องค่อยๆครับ อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ไม่อยากฉุกละหุก จนทำอะไรไม่ทัน เราผ่านช่วงที่สำคัญมากๆไปแล้ว
ก็รู้สึกว่าเรามีความสุขมากแล้ว ณ ตรงจุดนี้ที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
จริงๆพอเราโพสต์ไป คนหลายๆคนที่ได้เห็นข่าว ก็รับรู้กันหมดแล้ว
เราไม่ต้องมีงานแต่งก็ได้มั้ง เพราะงานแต่งงานคือการให้คนมาเป็นสักขีพยาน
เราว่าถ้าคนได้รับรู้เยอะขนาดนี้ไม่ต้องมีก็ได้มั้ง (หัวเราะ)”






“แก้ว” รู้สึกยังไงบ้าง
ที่คุณแม่บานเย็นบอกว่าเห็นเราเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่วันแรกที่เจอ
?

แก้ว : “ไม่รู้เรื่องเลย
ก็เพิ่งมารู้วันนี้ที่ทุกคนบอก ก็ดีใจที่คุณแม่มองเราเป็นวัยรุ่นที่เรียบร้อย
ก็ขอบคุณ จริงๆครอบครัวพี่โทนี่ก็น่ารักมากเลย ทั้งคุณแม่ พี่สาว แล้วก็พี่เขย
ทุกคนเลย เป็นบ้านที่อบอุ่น หนูไปเจอทีไรก็รู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

ความรักของเราสองคนมีอุปสรรคมั้ย?

โทนี่ : “ผมว่าก็เหมือนคู่ทั่วไปแหละ
ที่มีการทะเลาะกัน ผมว่ามันจำเป็นต้องมีนะครับ
อย่าไปคาดหวังเลยว่าชีวิตคู่จะต้องราบรื่น ดีทุกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ครับ
มันไม่ใช่ความจริง แต่ถ้าทะเลาะกันแล้ว หลังจากนั้นเราคุยกันยังไงต่อมากกว่า
อย่างเช่นคู่เราทะเลาะมันจะมีความเข้าใจในตอนหลังอะ ตอนทะเลาะมันไม่มีความเข้าใจหรอก
มันเต็มไปด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างรู้สึกอย่างนั้น แต่พอทะเลาะเสร็จแล้ว
อารมณ์มันเริ่มหายไป ก็เป็นความคิด และความเข้าใจ แล้วก็ขอโทษกัน
ตอนนั้นเรามีอีโก้ ถ้าคนอื่นว่าเราแบบนี้ก็คงไม่สนใจ
แต่พอคนที่เรารักมาว่าเราแบบนี้ก็เลยรู้สึกเจ็บใจมากๆ เราก็ขอโทษด้วย มันจะมีเหตุการณ์ที่สุดท้ายเราทะเลาะกัน
ถ้าเกิดความเข้าใจเราก็ไปกันต่อได้ หลายๆคนอาจจะมองว่ามันต้องอาศัยความอดทน
ถ้าคู่เราทะเละมันจะมีความเข้าใจในตอนหลัง ตอนที่ทะเลาะกมันไม่มีความเข้าใจหรอก
มันเต็มไปด้วยอารมณ์ พออารมณ์มันหายไปมันก็เป็นเรื่องของความเข้าใจ เราก็เริ่มคิด
ขอโทษทีเมื่อกี้เรามีอีโก้ ถ้าเกิดคนอื่นว่าเราแบบนี้ เราก็คงไม่สนใจ
พอเป็นคนที่เรารัก มันก็ทำให้เรารู้สึกมันแรง ต้องขอโทษด้วย คือถ้ามันมีความเข้าใจ
เราก็จะไปกันต่อได้ หลายๆ คนบอกว่ามันต้องอาศัยความอดทน
แต่สมัยนี้มันไม่ใช่ความอดทน มันคือสติ เราต้องดึงสติกลับมาให้ได้
หลังจากที่เราใช้อารมณ์ออกไปแล้ว”

หลังจากนี้ “แก้ว” วางแผนไว้อย่างไร จะให้
“โทนี่” เป็นผู้นำครอบครัว หรือว่าจะช่วยกัน
?

 แก้ว :
“มันต้องช่วยกัน เพราะว่าหนูเองก็ทำงานได้ เขาเองก็ทำงานได้
เป็นไปได้ก็ต้องช่วยกันค่ะ”

ในเรื่องของการดูแลซึ่งกันและกัน?

 แก้ว :
“มันก็เหมือนเดิม เรื่องการดูแลเราก็ช่วยกันอยู่แล้ว ถ้าใครมีปัญหาอะไร
เราก็ยินดียื่นมือเข้าไปช่วยแน่นอน”

 สร้างเรือนหาหรือยัง?

 โทนี่ :
“เราจะใช้พื้นที่ ที่เรามีอยู่แล้ว”

 

เป็นบ้านของ “โทนี่” เองใช่มั้ย?

 โทนี่ :
“ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ถือว่าเป็นสถานะที่ที่เราชอบ”

ตอนนี้คุณแม่ทั้งสองฝ่ายมองไกลถึงเรื่องมีหลานแล้ว
ตัวเราสองคนล่ะ แม่แก้วอยากได้หลานแฝด
?

 แก้ว :
“เรายังไม่ได้มองถึงแง่นั้น ตอนนี้เรื่องงานแต่งงานก็ปวดหัวแล้ว
เรื่องว่าจะมีลูกเดี๋ยวค่อยว่ากันค่ะ”

สองคนอยากมีมั้ย?

 โทนี่ :
“เอาจริงๆเลยนะ แค่คุยกันว่าเราจะซื้อหมามาเลี้ยงกันมั้ย
เราทั้งคู่ยังรู้สึกว่าเราทั้งคู่ชอบเดินทาง กลัวดูแลเขาไม่ดี เลยคิดว่า
เรื่องนั้นก็น่าจะยัง ขอเวลาให้ได้ใช้ชีวิต ได้ออกเดินทางด้วยกันอีกหน่อย
เรื่องนั้นค่อยว่ากัน

 เรื่องหลานเหมือน “โทนี่” ขอเวลาแม่ไว้ 1
ปีใช่ไหม ขอเวลาไปเที่ยวกันก่อน
?

 โทนี่ :
“ไม่ได้มีกำหนดว่านานแค่ไหน”

 แก้ว :
“เอาตามธรรมชาติเนอะ”

 โทนี่ :
“ความรู้สึกจริงๆ เรามีก็ได้ไม่มีก็ได้
เราไม่ได้ยึดติดว่าสังคมบอกว่าเราต้องมีลูกนะ เราไม่ได้เป็นแบบนั้น
เราจะคุยกันว่าเรามีเพื่ออะไร ไม่มีเพื่ออะไร เราจะเข้าใจจุดนั้นเลยมากกว่า
ถ้าเกิดเราพร้อมเมื่อไหร่ก็คงมี หรือว่าพร้อมเมื่อไหร่เราก็คงไม่มี
เป็นอย่างไรก็ได้”

 





ไม่ได้ถึงขั้นว่าจะไม่มีลูก?

 โทนี่ :
“พูดตรงๆ เรื่องของการสนับสนุนการเกิดขึ้นมา ถ้าเกิดมาก็เหมือนเรา
ต้องเรียนรู้ความทุกข์”

 แก้ว
“เดี๋ยวคงบวชค่ะ(หัวเราะ)”

 โทนี่ :
“เราเข้าใจแหละ ถ้าเกิดมีจริงๆ ก็คงน่ารัก แต่สิ่งที่เราให้เขาได้เป็นวิชาชีวิต
ให้เขาได้เรียนถึงวิชาชีวิตมากกว่า
อยากให้เค้าได้เรียนเองในสถานที่สอนวิชาชีพวิชาชีวิตมากกว่าที่จะไปเรียนในสถานที่ทั่วไป
ที่จำเป็นที่คนจะต้องจ่ายเงินเยอะแยะเข้าไปเรียน ถ้ามีจริงๆนะ”

แฟนๆ และคนรอบข้างแสดงความยินดีกับคู่เรามากๆ
เลย อยากจะบอกอะไรกับเค้ามั้ย
?

แก้ว : “ขอบคุณมากเลยค่ะ
หนูว่าเค้าคงตกใจแหล่ะเนอะ (หัวเราะ) ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจ คอยติดตามเราเนอะ”

โทนี่ : “ก็ขอขอบคุณเหมือนกันครับที่อวยพรมา
เราอยากจะให้ทุกคนได้รู้ได้เห็น ได้สัมผัสได้รู้สึกไปกับเราว่า
บางทีความรักมันก็เรียบง่ายได้ครับ บางทีความรักมันไม่ใช่เรื่องแค่คนสองคน
แต่เป็นเรื่องของคนหลายคน คนในครอบครัวด้วย
เราแต่งงานกับทางเค้าและทางครอบครัวเค้า ผมว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เห็นเนอะ
หรือสัมผัสถึงความรักที่เรียบง่าย เราก็อยากจะเห็นอะไรแบบนั้นมากขึ้นในไทยเรา”

จะใช้แหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานเลยมั้ย?

โทนี่ : “ผมรู้สึกว่างานแต่งงานของเรา
ส่วนสำคัญมันคือการได้ขอพ่อแม่แล้ว ถ้าเกิดมันมีวิธีการต่างๆ
เราคงต้องเรียนรู้แหล่ะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง หรือแหวนมีกี่วง
เดี๋ยวค่อยไปเรียนรู้กัน”

“แก้ว” มีภาพงานแต่งในฝันรึยัง?

แก้ว : “จริงๆ ไม่มีภาพงานแต่งในฝันเลยค่ะ(ยิ้ม)
เราอยากให้มันเรียบง่ายที่สุดค่ะ”

หมดโควิดแล้วจะไปเที่ยวไหนกันต่อ?

โทนี่ : “โห เที่ยวไทย”

มีแพลนจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ไหนมั้ย?

โทนี่ : “เอารูปเดิมที่มีอยู่ก็ได้
รูปที่เราไปเที่ยวกันมา”

แหวนซื้อพร้อมกัน 2 วงเลยมั้ย?

แก้ว : “ไม่ค่ะ อันนี้เพิ่งซื้อเมื่อวานค่ะ”

โทนี่ :
“อันนี้แก้วเพิ่งไปซื้อมาเมื่อวานนี้ครับ
เค้าเพิ่งไปเปลี่ยนวงมาให้มันใหญ่ขึ้นครับ”




เข้าชม 364 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม