“ครูเล็ก ภัทราวดี” สละอพาร์ทเมนต์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้แพทย์-พยาบาลศิริราชพักฟรี

หลังจากเฟซบุ๊ค Mejudton Patravadi ของ “ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน” ครูสอนการแสดง และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ละครเวทีและภาพยนตร์) ได้โพสต์ภาพอพาร์ทเมนต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมข้อความว่า  “คุณแม่ ของฉัน ผูกพันกับโรงพยาบาล ศิริราช มายาวนาน เนื่องในยามวิกฤติเช่นนี้ ครอบครัวจึงขอยกตึก apartment PSB1 ทั้งตึก ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาล ศิริราชให้แพทย์ และพยาบาล ที่ไม่สามารถกลับบ้าน พักผ่อน จนกว่า ภาระกิจของท่านสิ้นสุด  เพื่อตอบแทน ความเสียสละของท่านขอบคุณลูกๆ ที่พร้อมใจกันทำสิ่งนี้ ขอบคุณคุณแม่ ขอบคุณ แพทย์และพยาบาลทุกท่าน


ซึ่งทางทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน  ได้โทรศัพท์สอบถามครูเล็ก ภัทราวดี ซึ่งขณะเจ้าตัวได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านพักที่หัวหิน  โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่จัดสรรอพาร์ทเมนต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ให้แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลศิริราชได้เข้าพักฟรี 


จุดเริ่มต้นที่ยกอพาร์ทเมนต์ให้ทีมแพทย์และพยาบาลที่ รพ.ศิริราชเข้ามา เริ่มต้นจากอะไร?

” ที่จริงโพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ไม่ใช่เพจด้วย  ไม่นึกว่าจะเอิกเกริก  เพราะว่าจริงๆ เวลาจะทำอะไรก็อยากจะทำเงียบๆ ของเรา เป็นความสุขของครอบครัว เป็นความคิดของลูกสาวคนโต ที่ดูแลอพาร์ทเมนต์ โรงแรมให้ครอบครัว ในยามที่ทุกอย่างเป็นวิกฤติ เธอก็อยากจะตอบแทนโรงพยาบาลศิริราช  เพราะว่าครอบครัวเราผูกพันกับโรงพยาบาลมาตั้งแต่สมัยคุณแม่ เธอก็มีอพาร์ทเมนต์ PSB1 ใกล้โรงพยาบาล คุณหมอเดินกลับมาได้ ไม่ต้องนั่งรถ ใกล้นิดเดียว ได้คุยกับผู้เช่าทั้งหลายแล้ว ซึ่งทุกท่านน่ารักมาก เราก็จัดที่พักอื่นให้ท่าน ที่เคยพักอยู่ที่ PSB  ทำอพาร์ทเมนต์นี้ให้ว่าง จัดที่นอน อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหลายให้คุณหมอพยาบาลเข้าไปอยู่ระหว่างที่ท่านทำงาน  ได้ร้อยที่นอน ไม่ใช่เตียงนะ  เพราะจริงๆ ตึกก็ไม่ได้ใหญ่นัก โมเค้าก็ไปจัดให้ ตึกนี้ก็จะไม่มีใครเข้าไปยุ่งเลย นอกจากแพทย์และพยาบาลเท่านั้น”  


ตึกนี้มีทั้งหมดกี่ห้อง?

“จริงๆมันก็เป็นอพาร์ทเมนต์ที่ใหญ่ มี 3 – 4 ห้องนอน เป็นอพาร์ทเมนต์อยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งเราทำมาตั้งแต่สมัยคุณแม่ที่ยกให้ ทำกันมานานแล้ว โมดูแลอยู่เราจัดให้ประมาณ 100 ที่นอน คิดว่าน่าจะพอสมควร เท่าที่เราทำได้ ไม่ใช่โรงแรมนะคะ เป็นตึก” 

ตึกนี้ก่อนหน้านี้มีผู้เช่าอยู่ใช่มั้ย?

“มีผู้เช่าอยู่บ้าง   แต่เราก็จัดไปอยู่ที่โรงแรมเราบ้าง ไปอยู่ตึกอื่นๆบ้าง เพราะตึกนี้ใกล้โรงพยาบาลมากที่สุด” 

คุยกันในครอบครัวนานไหม ก่อนที่ตัดสินใจจะยกตึกนี้ให้แพทย์และพยาบาลมาพักฟรี?

“ไม่นานเลยค่ะ  พูดแล้วทุกคนโอเค พยักหน้าเลย มันเป็นความสุขค่ะ  คือทุกคนมีความทุกข์ เรื่องการทำมาหากิน โรงแรมไม่มีคนมาพัก ทัวร์ริสต์อะไรต่อมิอะไร ทุกอย่างมันปิดหมด ร้านอาหาร  แต่เราได้ทำแบบนี้มันมีความสุขจังเลย เพราะฉะนั้น เงินทองตายไปแล้วเอาไปไม่ได้นะ แต่ความสุขมันมีชีวิตอยู่ มันมีความสุข ไอนู่นไอนี่ปิด เราไปไหนไม่ได้ แต่มันมีความสุขใจ ที่เราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ อย่างน้อยเล็กๆ ที่ครอบครัวเราทำให้กับบ้านเมือง พ่อแม่ก็สอนมาว่าต้องตอบแทนบ้านเมืองนะ  เราก็คิดว่าเราจะตอบแทนยังไงดี เมื่อมีโอกาสเราก็ทำ มันมีความสุขมากเลยนะคะ”

ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบเยอะมั้ย?

“ก็ทุกทีแหละ ของคนในประเทศ ในโลก ได้รับผลกระทบเหมือนกัน เราจะมานั่งทุกข์ นั่งบ่นทำไม เจ็บก็เจ็บด้วยกัน เรามีเพื่อนเจ็บกันเยอะแยะ เรามานั่งคิดและหาวิธีอะไรที่มันมีประโยชน์มั้ย  ตอนนี้อยู่หัวหิน เข้ากรุงเทพไม่ได้ โรงเรียนก็ปิด ร้านอาหารปิด ลานสเก็ตก็ปิด วิ่งเล่นยังไปไม่ได้เลย แต่เราก็ยังมีบ้าน ทำความสะอาด จัดของ อะไรที่ไม่เคยทำ หนังสือที่ไม่เคยอ่าน มีเวลาอ่าน ได้ดูยูทูป ได้ความรู้เยอะแยะมากในช่วงเวลานี้  ซึ่งต้องบอกว่าถ้าเรามองทุกอย่างในแง่บวก มันไม่มีทุกข์นะ เราอย่ามองแต่เรื่องเงินสิคะ  ต้องมองความสุขของใจด้วย ใจถ้ามีมันมีความสุข มันจะพาเราไปทำอะไรดีๆ ได้อีกเยอะ”

ครูเล็กอยู่หัวหินมานานแค่ไหน?

“อยู่ตั้งแต่เขาสั่งให้อยู่บ้าน  ลูกอยู่กรุงเทพกันหมด เราอยู่หัวหินคนเดียว ช่วงนี้ก็เป็นช่วงโรงเรียนปิด ก็ดี แต่นี่ไม่ได้พักเลยนะ  เพราะมีอะไรทำมากกว่าตอนสอนหนังสือ กวาดเก็บถู ทำสวน ปลูกต้นไม้ ปลูกผักไว้  เดี๋ยวอีกหน่อยไม่มีอะไรกิน อย่างน้อยเราก็มีผักมีอะไรกิน  คือมันก็คิดทำอะไรไปเรื่อยๆ เพื่อที่เราจะมีชีวิตอยู่ให้ปลอดภัย และเรามีโอกาสแบ่งปันชาวบ้านได้อีก มันก็ทำให้สมองไม่อยู่นิ่ง”

มีแพทย์เข้ามาพักบ้างหรือย้ง?

“รู้สึกจะเริ่มวันนี้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาเตรียมพื้นที่ ต้องทำความสะอาด เตรียมสบู่อุปกรณ์ให้คุณหมอ โมจัดการทำกับสต๊าฟของเขา ซึ่งในยามวิกฤติก็ไม่ทิ้งสต๊าฟเขาเลย ภูมิใจมากนะ พยายามหางานให้ทำ ถึงมันไม่มีรายได้ เราทำงาน เรามีกำไร เราก็มีสตังค์เก็บ เราก็เอาสตังค์เก็บตรงนี้มาใช่ในยามวิกฤติให้ลูกน้องเราไม่ลำบาก อย่างน้อยทุกคนก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ทำโน่นทำนี่ จะได้ไม่เหงา”

 

ให้กำลังใจคนไทยในภาวะวิกฤติแบบนี้ 

“ก็รัฐบาลเค้าก็ให้คนละ 5,000 บาทต่อเดือน ถ้าอยู่กันอย่างสงบๆ ในบ้าน ทำกับข้าวกินเอง 5,000 บาทอยู่สบายนะ  เพราะว่าครูเล็กก็ทำกับข้าวกินเอง ไปตลาดซื้อของมา 1,000บาท ยังกินไม่หมดเลย คงจะกินได้อีกหลายอาทิตย์เลย เพราะกินอยู่คนเดียว จริงๆ รัฐบาลก็ช่วยเยอะนะ  หาอะไรทำมั้ย อย่านั่งเครียด และก็บ่น เพราะว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมา ท่านไม่มีอะไรทำนั่งดูยูทูป ท่องโลกไป ดูหาความรู้ ฝึกทำอะไร ทำกับข้าว ได้ตั้งหลายเมนู ที่ทำง่ายๆ  ใช้ของที่มันเก็บจากต้นไม้รอบบ้าน ซึ่งก็ได้ความรู้ ได้ความคิดอะไรใหม่ๆ เยอะเลย  มันอยู่ที่เรานะ เราจะมีความสุข หรือทุกข์ อยู่ที่เรา วิกฤติมันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวน้ำท่วม แต่ถ้าเราไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัว เราไม่รู้จักคิดเนี่ย นอกจากเราไม่รอดแล้ว บ้านเมืองก็ไม่รอดด้วย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน มองโลกในแง่บวก และให้เห็นว่าความสุขสำคัญ สำคัญกว่าเงิน เพราะถ้าเรามีความสุข เราจะคิดอะไรออก และมันก็จะมีวิธีการหาเรื่องหาอะไรทำ ความสุขมันอยู่ติดตัวเอาไปได้ เงินเนี่ยตายไปแล้วเอาไปไม่ได้  ความสุขไม่ได้เฉพาะเราคนเดียวมันเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างได้อีก เพราะฉะนั้นมันเป็นการให้ที่วิเศษสุด ไม่ต้องควักกระเป๋า หัดคิดให้เป็นดีกว่า และตอนนี้มันเป็นช่วงโอกาสที่จะหัดคิดให้เป็น  มันยากนิดนึง แต่ค่อยๆ หัดไป มันก็จะเก่งเอง” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 134 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม