“หมอเจี๊ยบ” พร้อมกลับมาทำหน้าที่หมออย่างเต็มที่! หลังกักตัวครบ 14 วัน

พร้อมทำงานเต็มที่ สำหรับ “หมอเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” หลังจากกักตัวเองครบ 14 วัน เนื่องจากเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะเจ้าตัวได้ไปต่อยมวยที่ค่ายคงคงสิทธาของพิธีกรหนุ่ม “แมทธิว ดีน” ก่อนหน้าที่พิธีกรหนุ่มจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา


.

ล่าสุดวานนี้ (26 มี.ค. 2563) หมอเจี๊ยบได้โพสต์ภาพพร้อมกลับมาทำหน้าที่คุณหมอผ่านทางอินสตาแกรม พร้อมแคปชั่นว่า “หลังจากกักตัวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เจี๊ยบกลับมาทำงานแล้วนะคะ ฝึกซ้อมการรับมือกันอย่างจริงจัง ทุกขั้นตอนละเอียดอ่อนมาก ตั้งแต่การใส่ท่อช่วยหายใจ การ CPR ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเรามาก อุปกรณ์บางอย่างก็ต้องอาศัยการประดิษฐ์ ประยุกต์เอา ต้องวางแผนการรักษาทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดหาสถานที่สำหรับการใส่ท่อช่วยหายใจว่าบริเวณจุดไหนของโรงพยาบาลถึงจะปลอดภัยมากที่สุด การประเมินคนไข้ว่าเคสไหนเสี่ยงสูง ยิ่งอยู่ที่หน้างานแบบในห้องฉุกเฉิน บางทียังไม่ทันจะได้เริ่มซักประวัติคนไข้ คนไข้ก็หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นไปแล้วตรงหน้า คนไข้บางคนแม้จะไม่ได้มีประวัติความเสี่ยงในการติดเชื้อ Covid-19 มาก่อนเลย แต่สุดท้ายผลตรวจก็พบว่าติดเชื้อ หรือคนไข้บางคนมีการปกปิดประวัติตนเองอีกด้วย เอาจริงแค่ชุดสีขาวที่ใส่อยู่ การจะหายใจเข้า-ออกแบบปกติยังหายใจได้ลำบากเลย เชื่อจากใจว่าพวกเราบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนทำเต็มที่สุดความสามารถทั้งแรงกาย และแรงใจให้ทั้งหมดที่เรามี ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกการช่วยเหลือที่ร่วมกันบริจาคทั้งหน้ากาก และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ พวกเรารับรู้ได้ถึงความรักและความเป็นห่วง ขอบคุณนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเช่นกันนะคะ เจี๊ยบรู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และหลายคนรู้สึกกลัว แต่เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันนะ สู้ๆ ต้องสู้ ! ตอนนี้ทุกคนสามารถช่วยพวกเราได้โดยการอยู่บ้าน หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก งดสังสรรค์แล้วจะปลอดภัยที่สุด ขอฝากเรื่องสำคัญมากๆอีกหนึ่งเรื่องคือ ถ้าเราไม่เจ็บป่วยฉุกเฉินจริงๆ อย่าเพิ่งมาที่ห้องฉุกเฉินกันเลยนะคะ เนื่องจากมีเคสฉุกเฉินที่ต้องดูแลเป็นจำนวนมากแล้ว หากไม่ฉุกเฉินขอให้รอมาใช้บริการห้องตรวจปกติในวันและเวลาราชการเพื่อประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย ขอให้ห้องฉุกเฉิน เป็นพื้นที่สำหรับเคสผู้ป่วยฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้นนะคะ ขอบคุณค่ะ ❤️ This rain won’t last forever. We will get through it together.” โดยมีแฟนคลับรวมถึงคนในวงการบันเทิงเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังกันเป็นจำนวนมาก.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน



เข้าชม 57 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม