“อเล็กซ์” เผยร่วมงาน “เต้ย” ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ลั่นเจอกันมีแต่เรื่องดี

หลังจากที่ได้มาแชร์โมเมนต์มิตรภาพดีๆ ผ่านทางอินสตาแกรมไปก่อนหน้านี้สำหรับพระเอกหนุ่ม “อเล็กซ์ เรนเดลล์” กับคนเคยรักอย่างนางเอกสาว “เต้ย จรินทร์พร ที่ถึงจะเลิกรากันไปหลายปีแล้ว ทั้งคู่ก็ยังร่วมกันทำโครงการช่วยเหลือสังคมด้วยกันอยู่ตลอดอย่างไร้ปัญหา แถมหนุ่มอเล็กซ์ยังโพสต์ขอบคุณสาวเต้ยที่มาช่วยตนเอง ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับของทั้งคู่เป็นอย่างมาก ล่าสุด (12 มี.ค. 2563) หนุ่มอเล็กซ์ก็ได้เผยการร่วมงานกับสาวเต้ยพร้อมเล่าถึงโครงการที่กำลังทำอยู่ว่า 


“วันนี้ก็มาร่วมงานมันก็เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ตรงกับงานที่เราทำอยู่ ก็เป็นการช่วยเรื่องของ PM 2.5 เรามาร่วมงานก็รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งครับ”

– สิ่งที่เราทำอยู่ก็เกี่ยวกับเรื่อง PM 2.5 เหมือนกัน 


“ก็ด้วยครับของเราจะทำเรื่องของสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว อย่าง PM 2.5 มันก็ไม่ใช่แค่ในเมืองอย่างเดียวที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ มันคือผลของการใช้ชีวิตของเรา ของคนที่​อยู่ไกลๆ ด้วย มันหลายปัจจัยนิดนึง ผมก็อยากจะมีส่วนร่วมในจุดที่เราจะสามารถพอจะร่วมได้ ส่วนของเราเมษายนปีนี้จะครบ 5 ปีที่เปิดองค์กร แต่เราทำมาก่อนหน้านั้นประมาณ 2 ปี รวมกันแล้วก็เกือบๆ 7 ปีครับ”

– ได้ตามเป้าที่เราหวังไหม

“เราไม่ได้มีเป้าอะไรขนาดนั้นตั้งแต่แรก เราทำเพราะความชอบ คือเราก็มีเป้าหมายนะว่าเราอยากจะทำอะไร เราอยากจะทำแบบไหน แต่ทุกอย่างมันมาเร็วและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราก็ไม่นึกว่าเราจะมาเร็วขนาดนี้”


– โตเร็วแบบนี้ปรับตัวทันไหม

“ก็เหนื่อยนิดนึงกับสิ่งที่ต้องเจอ แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดี และงานช่วงหลังๆ มันก็มีแต่งานดีๆ ทั้งนั้น คนก็เห็นเราในอีกมุมมากขึ้น ภาพของเรามันชัดเจนขึ้น ถ้าเติบโตในงานของสิ่งแวดล้อมมันเติบโตอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่ามันมาส่งผลให้เติบโตในวงการบันเทิงด้วย”

– ล่าสุดก็ประสบความสำเร็จมาก มีคนคอมเมนต์ชื่นชมเยอะ

“มันเป็นโปรเจ็กต์ที่เราตั้งใจจะทำและอยู่ในความคิดของเรามาหลายปีแล้ว เราทำงานด้านสิ่งแวดล้อมเราก็จะเห็นตรงนั้นตรงนี้ เราก็เลยอยากที่จะมีอะไรที่เป็นของเราที่เราคิดกันมา และอยากจะชวนคนเข้ามากันเยอะๆ ซึ่งเราเหนื่อยกับโปรเจกต์นี้มาก และคิดว่าเราจะทำไปอีกอย่างต่ำ 18 เดือน ก็คือได้เป็นโมเดลแล้ว ปอดทะเลมันเกิดขึ้นแล้ว และมีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยสนับสนุนทำให้มันไปได้ไกลกว่าที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรก เราก็ยอมที่จะเหนื่อยและทำมันให้เต็มที่ พยายามจะตัดสินใจให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องมีคนช่วย พอมันเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้เราก็ไม่ได้มีเวลาเยอะมาก”

– เป้าหมายต่อไปจะเป็นยังไง

“เราก็จะเอาประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างเรื่อง PM 2.5 เราก็จะเอาเข้ามาร่วมด้วย แต่ในทางไหนคงต้องขอเวลาในการแพลนนิดนึง แต่ไอเดียคือการที่เราไปบรรยายมีเวทีทั่วประเทศไทย และเอาสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราเรียนรู้มาบอกต่อให้คนอื่น ทำหลายอย่างและทำอย่างนี้ไปอีกหลายๆ ที่นะครับ เรากำลังวางแผนกันอยู่ครับ 18 เดือนหลังจากนี้ชีวิตของเราน่าจะอยู่กันอย่างโอเคค่อนข้างเยอะ”

– เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ เป็นพาร์ทเนอร์หลักด้วยใช่มั้ย

“ใช่ครับ เต้ยเป็นพาร์ทเนอร์ ก็มีคุยกันปรึกษากันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็คิดว่าถ้าเกิดเราทำคนเดียวมันก็อาจจะได้แค่ 50% แต่ถ้าเต้ยเข้ามาร่วมมันอาจจะได้อีก 50% มันไม่ใช่โปรเจ็กต์ที่เราอยากจะให้เป็นเรื่องของคนใดคนนึง เพียงแต่เราก็ต้องทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของโปรเจ็กต์ของเราเองให้คนมาสนใจ แต่จริงๆ เราอยากให้ทุกคนมาร่วมกัน”

– มีลงขอบคุณเต้ยด้วย

“ใช่ คือเขาก็ช่วยเราเยอะจริงๆ เบื้องหลังเขาช่วยเราเยอะมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาออกสื่อหรือออกมาบอกใคร คือมันเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเสียหายหรือเป็นเรื่องที่ไม่ดี เขาก็เป็นพาร์ทเนอร์ของเราตั้งแต่แรก พอเขามาร่วมรอบนี้มันก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ส่วนคอมเมนต์ก็ได้อ่านอยู่บ้าง ตั้งแต่ลงไอจีมาคอมเมนต์น่าจะเยอะสุดก็อันนี้ (ยิ้ม)​ ไปไหนก็มีแต่คนทักเรื่องโพสต์นั้น แต่จริงๆ เราไม่ได้ต้องการให้มันไวรัลอะไรขนาดนั้น แค่เป็นส่วนนึงที่เราประทับใจเกี่ยวกับโครงการนี้ เราก็ลงเกี่ยว​กับอาสาของเรา เกี่ยวกับความประทับใจ”

– แต่ก็มีดักๆ ใส่แฮชแท็กไว้เหมือนกัน

“ใช่ๆ คือพื้นที่ของผมคือผมมีสิทธิที่จะเลือก ในไอจีของเราก็ไม่อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นของอะไร คือมันไม่ใช่กระทู้ ไม่ใช่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นทางลบ และเป็นจุดเริ่มต้นให้คนมาลบต่อ ผมก็ลบออกเลย ต่อให้ดีหรือไม่ดีไม่รู้ ผมลบก่อน แต่รอบนี้ไม่มีต้องลบเลยนะ แต่คอมเมนต์ของผมแนวนี้ไม่มี เพราะถ้าผมเห็นแล้วไม่ชอบผมก็ลบเลย ผมอยากให้เพจของผมที่ที่บวก เราอยากให้มันเป็นแบบนี้ไว้ ไม่ต้องการให้คนมาคอมเมนต์เป็นพัน มันไม่ใช่เหตุผลที่เราเล่นมัน” 

– แต่เต้ยก็ลงเหมือนกัน

“ใช่ครับ คือสิ่งที่เราลงมันไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่รับรู้กันเลย แต่เป็นสิ่งที่เราแค่อยากจะขอบคุณ และอยากพูดอะไรดีๆ ให้กัน จริงๆ ผมเขียนไว้สักพักแล้ว แต่พอดีงานเยอะแล้วมันยังเขียนไม่เสร็จก็เลยยังไม่ได้ลง ถ้าจำไม่ผิดผมไปคอมเมนต์ของเขาก่อนบอกว่าเดี๋ยวเรากำลังจะลงเรื่องของยูนะ”

– แคปชั่นนั้นคิดอยู่​กี่วัน

” จำไม่ได้ครับ มันมีหลายแคปชั่น คืองานมันไม่ได้มีแค่ผมกับเต้ย มันยังมีผู้ใหญ่ใจดีที่น่ารักกับเรามาก และวันนั้นเรารู้สึกว่ามันเป็นวันที่ประสบความสำเร็จขององค์กรของ​ผมกับเต้ยมากๆ เราก็เลยอยากจะขอบคุณ เราอยากจะน้ำตาไหลหลายรอบ แต่ก็ต้องฮึดสู้ เหนื่อยก็เหนื่อย นอนก็ไม่ได้นอน ต้องทิ้งงานอื่นเป็นอาทิตย์ ทีมงานของเราก็เครียดกดดันกันทุกคน แต่พอมันประสบความสำเร็จกลับมามันก็โล่งมาก”

– พอมันออกมาแบบนี้ต่อไปการร่วมงานกับเต้ยก็สบายใจมากขึ้นไหม

“จริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามีอุปสรรคกับการทำงานกับเต้ยเลย และไม่เคยรู้สึกว่าต้องปิดบังหรือต้องรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เจอกันทีไรก็มีแต่เรื่องดีๆ ครับ”

เข้าชม 64 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม