เจ้าของร้านเพชร โต้ “ลูกตาล” เงิน 8.4 แสนบาท เป็นสินน้ำใจไม่เกี่ยวหนี้ 1.4 ลบ.

หลังจากคลิปร้อนว่อนโซเชียล เผยเหตุการณ์เจ้าของร้านเพชร “จุ๋ม ฐิตาภัสร์ อัครศักดาภิรมย์” บุกทวงหนี้ 1.4 ล้านบาท จากนางแบบดังเจ้าของฟิตเนต “ลูกตาล ชโลมจิต” ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินขึ้นรถหรูไปแบบไร้เยื่อใย เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2563 สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตเป็นวงกว้าง กระทั่งเมื่อวานนี้(4ก.พ.2563) อดีตนางแบบควงทนายส่วนตัว ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันว่าจ่ายเงิน 7 หมื่นบาทมาหนึ่งปี รวมเป็นเงิน 845,000 บาท แต่ยอดเงินกู้ 1.4 ลบ. กลับไม่ลด แถมฝ่ายเจ้าของร้านเพชรยังได้ยึดทรัพย์สินที่นำไปค้ำประกันไว้ ทั้ง เครื่องเพชร มอเตอร์ไซค์ อื่นๆ รวมแล้วกว่า 3 ล้าน ไปเรียบร้อยแต่ยอดหนี้ก็ไม่ลด


.

ล่าสุดวันนี้(5ก.พ.2563) “จุ๋ม ฐิตาภัสร์” เจ้าของร้านเพชร พร้อมลูกสาว ได้มาเปิดใจผ่านรายการ ‘โหนกระแส’ ถึงปมเงินกู้ 1.4 ลบ. โดยเล่าว่า ตนกับลูกตาล มีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกัน รู้จักมานานสมควร เชิญให้ไปงานแต่งงาน ไปเปิดตัวฟิตเนส เราก็เป็นแขกในงานนั้นๆ ด้วยความสนิท มีช่วงที่เขาเกิดภาวะประสบปัญหาธุรกิจฟิตเนส เลยมาขอยืมเงิน 1.4 ลบ. ครั้งแรกที่โทรมาตนปฎิเสธ บอกไม่สะดวก ผ่านไป 2 อาทิตย์ โทรมาครั้งที่สอง ว่าให้ช่วยหน่อย เดือดร้อนมาก เวลาผ่านไปก็โทรกลับมาเป็นครั้งที่ 3 อ้อนวอนตน ยื่นข้อเสนอให้ ซึ่งตอนนั้นตนมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ เลยนำเงินหมุนเวียนในบริษัทให้เขา ซึ่งต้องกู้จากธนาคารแต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยกับธนาคาร ซึ่งตนให้ไป 5 แสนบาท , 4 แสนบาท และ 5 แสนบาท รวมแล้ว 1.4 ลบ. ตกลงกันว่าเอาเงินสดไป คุณต้องจ่ายดอกเอง ซึ่งเขายื่นข้อเสนอให้ เขาจะจ่าย 7 หมื่นต่อเดือน ส่วนดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หมายถึงวงเงินสินเชื่อกับแบงค์ ตนไม่เคยคำนวนว่าถ้าหักแบงค์แล้วตนเหลือเท่าไหร่ 


.

เรื่องแหวนที่ลูกตาลอ้างว่าซื้อมาจากร้านตน คือก่อนหน้านี้มาซื้อจริง เป็นแหวนสั่งทำ ราคา 2.3 แสนบาท ไม่ใช่ล้านกว่าบาท คือสั่งทำที่ร้าน 2 วงเท่านั้น ราคาแหวน 2.3 แสนทั้งสองวง แต่สร้อยเพชร ไม่ได้ซื้อร้านตนแต่มาดิสเครดิตตน ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ที่ฝากไว้เอากลับไปเลย รบกวนคืนเงินสดที่ยืนไปด้วย อยากให้นึกถึงวันแรกที่โทรมายืมเงินตน แต่การที่มาบอกสื่อว่าตนยึดทรัพย์คือไม่จริง อีกอย่างที่ตนช่วยเหลือเพราะความสงสาร ไม่ได้ให้เพราะความยินดี ให้ในฐานะในเพื่อน 

.


สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ทางลูกตาลบอกว่าราคา 6.5 แสนบาท แต่ตนขายได้จริงๆ แค่ 2 แสนบาท เท่านั้น ส่วนทำไมตนถึงขายได้ เพราะมีเอกสารระหว่างผู้กู้กับผู้ให้กู้ ถ้าภายใน 15 วัน ยังขายไม่ได้ ผู้ให้กู้จะมีเอกสิทธิ์ในการขาย นับแต่วันที่แจ้งให้ทราบ แต่เขาพูดใส่ร้ายตน ไม่ได้พูดความจริง เอกสารฉบับเดียวกัน แต่พูดไม่ตรงกัน แต่ที่วันนี้ไม่ได้ตัดสินใจมานั่งคุยกับลูกตาลในรายการแบบเผชิญหน้า เพราะคิดว่าตนมีอาชีพขายเพชร ไม่ได้มีอาชีพมานั่งคุยกับเขา

.

คนมองว่าเป็นหนังคนละม้วน เจ้าของร้านเพชรกล่าวว่า “เขาตกลงจ่ายให้เดือนละ 70,000 บาท เป็นสินน้ำใจที่จะให้เอง ไม่ได้หักต้น ไม่ได้หักดอกเบี้ย ยอมรับว่าเราพลาดตรงที่ไม่มีเอกสาร เพราะเขาโทรมาขอร้อง ไม่มีการบอกดอกเบี้ย แต่ใส่ร้ายว่าเราเป็นเจ้าหนี้ดอกโหด ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดเป็นหลักประกัน แต่รถมอเตอร์ไซค์ หลังจากขายได้ 2 แสนบาท หักหนี้เงินต้นแล้วเหลือ 1.2 ลบ. ส่วนเครื่องเพชรยังอยู่ มาเอาทรัพย์สินคืนไป เราไม่อยากได้ เราอยากได้เงินสด ที่ผ่านมาต้องชำระดอกเบี้ยแทนตลอด ทั้งปี 2562 อยากบอกว่าเสียดายวันเวลาที่สนิทสนมกัน เสียใจในความเป็นตัวของตัวเอง แต่การที่คุยกับเรา บอกเรามีบุญคุณ แต่วันนั้นคุณวิ่งจะเข้ามาตบเรา ทำให้ลูกสาวต้องรีบหยิบโทสับมาถ่าย มองว่านิทานเรื่องนี้เหมือนชาวนากับงูเห่า”

.

ด้านทนาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เสริมว่า “กรณีไปทวงหนี้อย่าไปประจานลูกหนี้เพราะจะผิดกฎหมาย ทางที่ดีมาเจรจาร่วมกัน เขามีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล หรือนัดมาตกลงกันอีกที ส่วนเรื่องสินน้ำใจ ต้องมาทำความเข้าใจว่าเป็นดอกเบี้ยด้วยหรือเปล่า”

.

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าของร้านเพชรเปิดใจในรายการเสร็จ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนอีกครั้ง ระบุว่า “ที่อีกฝ่ายบอกไม่ได้จะทำร้ายร่างกาย แต่นางเดินตรงปรี่มา จะทำร้ายกายเลย ถ้าลูกสาวหยิบกล้องไม่ทันเราก็คงโดนตบไปแล้ว เลยรีบไปแจ้งความข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย ตอนนี้รอตำรวจเรียก และวันนั้นที่ไปฟิตเนสเพราะตั้งใจจะไปบอกว่าขายมอเตอร์ไซค์แล้ว 2 แสน หักลบหนี้จะเหลือ 1.2 ลบ.  แต่ลูกตาลไม่ฟัง ไม่เปิดโอกาสอะไร เราไม่ได้จะยึดของกลาง เราอยากได้เงินสดแล้วจะเอามอเตอร์ไซค์มาล้าหนี้ได้ยังไง ยืนยันไม่มีอาชีพปล่อยเงินกู้”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 236 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม