“ทราย เจริญปุระ” ร่ายยาวความในใจ หลังดูหนัง ‘ฮาวทูทิ้ง’

เพิ่งจะเข้าโรงฉายเมื่อวาน(26ธ.ค.62)เป็นวันแรก สำหรับภาพยนตร์ “ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ของค่าย GDH แต่ก็เป็นกระแสในสังคมโซเชียลไม่น้อย เพราะได้ทั้งนักแสดงมากฝีมืออย่าง “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” และ “ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง” ผลงานกำกับของ “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” มาการันตีเรื่องราวความสนุก


.

และล่าสุดนักแสดงสาว “ทราย เจริญปุระ” ที่มีโอกาสได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนั้น ก็ได้เขียนระบายความรู้สึกจากใจ ว่า “ฉันดูแล้วโกรธ โกรธที่ฉันเองคือข้าวของในถุงดำ ไม่ใช่แค่ถูกทิ้ง แต่ยังถูกซุกไว้ในมุมลึกที่สุดของถุงดำมืด ปิดบังมิดชิดเหมือนไม่เคยมีเราอยู่ในนั้น ทิ้งฉัน แล้วให้ฉันเดินทางผ่านเส้นทางของขยะมีชีวิตด้วยตัวเองลำพัง ดิ้นรนบ้าง ละเลยบ้าง เมามาย ร้องไห้ ใช้น้ำตาหัวใจร่างกายเปลืองเปล่า แล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมหัวใจและร่างกายที่ไม่เคยเต็ม


.

เป็นหนังที่ดูแล้วเกรี้ยวโกรธแต่เป็นความโกรธที่มาจากความเศร้า เพราะโดนสิ่งที่หลบหนีมาครึ่งชีวิตเผยตัวให้เห็นต่อหน้า จงรับรู้, ว่าเขาก็แค่ทิ้ง ถ้าไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับตัวเองเขาก็ไม่มีวันกลับมา คนที่ทิ้งก็คือทิ้งแล้วเดินผ่านไป จะมีใครสักกี่คนบนโลกนี้ที่หันมามองถังขยะ ในช่วงท้ายของชีวิตพ่อและแม่ ทั้งสองคนได้ทอดทิ้งความทรงจำไปนานแล้ว วิธีสื่อสารสูญหายตกหล่น จุดหมายปลายทางเหลือแค่วันที่จะหยุดหายใจ น่าเศร้าที่ความทรงจำท้ายๆ ถึงสิ่งที่แม่สื่อสารกับฉันคือมะม่วง และเป็นมะม่วงที่จริงๆ หมายถึงฝรั่ง

.


คนเราต้องทิ้งไม่งั้นข้าวของขยะทรงจำจะเบียดบังตัวตนเราไปเรื่อยๆ จนเลือนจาง ร่างกายและความจำอัดแน่นไปด้วยอดีตที่ผ่านเลยไม่หวนคืน ตัวตนในปัจจุบันเพียงอาศัยในโลกแค่วันต่อวัน ไร้จุดหมาย ไม่มีฝัน ไม่มีอะไรให้รอ แค่มีหน้าที่ต้องอยู่ต่อตามคำสาปของชีวิต ที่พร้อมจะโยนอะไรเข้ามาให้เรารับมืออีกและอีก ฉันนั่งมองกล่องของและถุงผ้าที่ซุกอยู่ใต้เตียง ไม่มีอะไรอยู่ในถุงดำ ชีวิตคนที่เคยผ่านการยซุกไว้แบบนั้นเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวด และความทรงจำล้ำค่าที่แม้จะไม่เหลืออยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

.

ฉันจำข้าวของในนั้นได้โดยไม่ต้องเห็นมันจริงๆ ด้วยซ้ำ โคมไฟทรงกลมดวงเล็ก ที่ฉันซื้อมาตั้งบนหัวเตียงฝั่งฉัน เพื่อให้ฉันได้อ่านหนังสือเงียบๆ โดยแสงไฟจะไม่ไปรบกวนตาเธอ โคมไฟน้อยๆที่เมื่อความง่วงมาเยือน ฉันเพียงเอื้อมมือกดปิดสวิตช์ ให้ความมืดห่มคลุม นำเราเข้าสู่นิทราราตรีไปพร้อมๆกัน ทุกวันนี้ไม่มีโคมไฟ ไม่มีเตียงฝั่งของใคร มีแต่ความจริงเจิดจ้า ว่าเขาไม่ต้องการฉันแล้ว และเป็นฉันเองที่ต้องเก็บโคมไฟนั้นกลับมาซ่อนซุกอยู่ใต้เตียง อับแสงไปตลอดกาล

.

เวลาไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าสิ่งสุดท้ายที่แม่สื่อสารกับฉันคือฝรั่งที่เรียกว่ามะม่วง สิ่งสุดท้ายที่พ่อสื่อสารกับฉันก็โหดร้ายกว่านั้น วันเวลาของคนป่วยไม่ได้เป็นเส้นตรงไปข้างหน้า แต่หมุนเป็นวงกลมเบี้ยวๆ ย้อนไปใกล้บ้างไกลบ้าง บางวันพ่อก็จำฉันไม่ได้ พ่อแน่ใจว่ามีลูกชื่อเดียวกับฉัน แต่เด็กคนนั้นยังไม่โตเท่านี้และในบางวันที่พ่อยอมรับว่าฉันโตแล้ว สิ่งทรงจำของพ่อก็คือชื่อของชายที่ฉันเคยพาเข้ามาสวัสดี มากินข้าวที่บ้าน 

.

ผู้ชายที่เคยยืนจับมือกันริมทะเล บันทึกภาพเราแตกพร่าด้วยกล้องโทรศัพท์รุ่นแรกพ่อจะถามแบบหยั่งๆ เหมือนไม่แน่ใจก่อน ว่าพี่เค้าอยู่ไหน ก่อนจะออกเสีงชื่อชัดเจนในประโยคต่อมาที่จะถามสารทุกข์สุขดิบ เขาเป็นยังไงบ้าง เขามาเจอพ่อหรือเปล่า เขาเห็นพ่อแล้วรู้สึกอึดอัดหรือเปล่า พ่อขอโทษนะ พ่อคะ, เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณพ่อป่วย

หรือถึงรู้ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ทรายไม่ใช่ใครคนนั้นของเขาแล้ว เมื่อบอกว่าไม่ใช่ก็จากกันไปแค่นั้น ใครจะเป็นตายร้ายดียังไงเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง เขาผ่านแล้ว เขารอดแล้ว เหลือแต่ลูกสาวของพ่อที่ต้องต่อสู้กับความทรงจำ ทั้งทรงจำเกี่ยวกับเขา ทั้งทรงจำของพ่อที่ไม่มีลูกสาวปัจจุบันอยู่ในนั้น มีแต่คนที่ฉันเคยเป็นในอดีต

.

และทั้งที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำอยู่เสมอ ฉันกลับต้องมาเป็นคนจัดการกับอะไรๆ ที่เป็นเศษซากเหลือมาจากชีวิตผู้อื่น รู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอจะจัดการกับมันเองได้ ฉันก็จ้างคนมาจัดการ เขาหยุดยืนมองข้าวของแล้วถามกลับ “คุณให้เอาไปหมดเลยเหรอครับ” -ใช่- อะไรที่อยู่นอกเขตที่ฉันขีดไว้ เอาไปได้เลย ถ้ามันยังซ่อนอยู่แบบนั้น ก็หมายความว่าฉันไม่เคยต้องการมัน เพราะมันไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้ และถ้าไม่เคยนำมาใช้ ก็ไม่มีอะไรสำคัญ ห้องสะอาดโล่งอย่างที่ฉันตั้งใจ ทิ้งไป จบกัน ฉันจะได้ใช้ชีวิตต่อ

.

แต่อดีตย่อมตามหาเราจนเจอเสมอ เพื่อนฉันไปพบกองข้าวของที่มีรูปต่างๆ จากครอบครัวฉันกองขายปะปนอยู่กับหนังสือและเอกสารเก่าๆ ในตลาดมือสอง ส่งมาถามว่าฉันยังต้องการไหม คำตอบแรกในใจคือ-ไม่- ฉันไม่ต้องการ แต่น่าจะเพราะมารยาท หรือสิ่งที่เรียกไม่ถูกว่าคืออะไร แต่มันคงดูแย่ถ้าฉันไม่สนใจอดีต ทิ้งขว้างมันไปขนาดนั้นและจนมันพยายามหาทางกลับมาเจอฉัน ก็ยังจะโดนปฏิเสธ ส่งมาก็แล้วกัน เดี๋ยวจัดการค่าส่งให้ แล้วมันก็กลับมา เหมือนไม่เคยจากไปไหนเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วเราก็ไม่เคยทิ้งอะไรได้จริงๆ รูปอาจหายไป ฉีดขาด ถูกเผาทำลาย แต่มันยังคงตั้งแสดงอยู่เสมอ ในโถงแห่งความทรงจำของเรา ห้องแสดงภาพที่ถูกละเลยจากชีวิตอื่นรกไปด้วยความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ภาพเดี่ยวๆ ของผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งจากความทรงจำของทุกคน

ทั้งพ่อ แม่ และผู้ชายที่เธอเคยรัก “ฮาว ทู ทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ผลงานภาพยนตร์โดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์, gdh, เวรี่ แซด พิคเจอร์ส 2562″

เข้าชม 478 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม