จากกรณีนักศึกษาสาววัย 22 ปี โพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าถูกดาราหนุ่ม อักษรย่อ ฟ. พร้อมเพื่อน 1 คน มอมยา ด้วยการยื่นเจลลีจากแคลิฟอร์เนียให้รับประทาน จนทำตนมีอาการมึนงง โลกหมุน หัวใจเต้นเร็ว กระทั่งผลตรวจปัสสาวะนักศึกษาสาว พบว่ามีสารเสพติดกัญชาที่เชื่อว่าทำให้เกิดอาการมึนงงอยู่ในร่างกายจริง แต่ไม่ยืนยันสารกัญชาดังกล่าวว่ามาจากเจลลี่หรือวัตถุอื่นใด ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
.
ล่าสุดวันนี้(28พ.ย.62) “ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์” มาร่วมงานอีเวนต์พร้อมออกมาตอบคำถามสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังถูกโยงข่าวดังข้างต้น เผยว่า ที่ผ่านมาตัวเองอยู่ในฐานะพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยออกมาให้ปากคำกับตำรวจ ยอมรับว่าตนไปรับประทานอาหารจริง ไปคนเดียวและไม่รู้จักกับน้องนักศึกษาเป็นการส่วนตัว รู้จักแต่เพียงน้องชายอีกคนแต่ไม่สนิทขนาดนั้น แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีพฤติกรรมเจตนาอะไรตามที่โดนกล่าวอ้างเลย ไม่มีการยื่นเจลลี่ให้น้องตามที่เป็นข่าว อย่างสถานการณ์ตอนนั้น น้องนักศึกษาบอกว่ามีอาการหน้ามืดและรู้สึกหนาว รุ่นน้องอีกคนก็พาออกไปข้างนอกแค่นั้น รู้สึกงงที่มันเกิดขึ้นและมีการพาดพิงถึงตน ซึ่งการออกมายืนยันว่าไม่ใช่ตนเองเป็นเพราะอยากรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงตัวเองไว้ อย่างซองขนมที่มีรูปกัญชาตามข่าว ก็ไม่มีอยู่จริงเลย แต่เป็นคนที่พกขนมติดตัวอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีเจลลี่หรือสารคล้ายกัญชาที่ตัวเองแน่นอน
.
ส่วนจะมีการฟ้องน้องนักศึกษาสาวกลับหรือไม่ ดาราหนุ่มกล่าวว่า รอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เพราะชื่อเสียงของตนก็เสียไปหมดแล้ว ทั้งงานพรีเซ็นเตอร์ต่างๆ ที่ผ่านมาอาจมีการทำข้อตกลงกันใหม่ แต่จะแคนเซิลเลยมั้ย อยู่ที่ผู้จัดการ ตนไม่ทราบ รวมถึงกระทบต่อจิตใจคนในครอบครัวมาก เพราะที่ผ่านมาเป็นคนคอยสร้างเสียงหัวเราะมาตลอด พอมีเรื่องเกิดขึ้นก็ต้องเข็มแข็งที่จะฝ่าฟัน
.
สำหรับการพบสารกัญชาในตัวนักศึกษาหญิงในมุมตน อันนี้ตนไม่ทราบปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาหารบนโต๊ะไม่มีเจือปนสารกัญชาแน่นอน เพราะอาหารมาจากทางร้านต่างคนต่างสั่ง ไม่รู้ว่าน้องอาจจะแพ้ หรือไปกินที่ไหนมาก่อนก็ไม่ทราบ และไม่รู้จริงๆ น้องต้องการอะไร ซึ่งตนยืนยันเป็นเพียงแค่พยานเท่านั้น รวมถึงที่ผ่านมากับการออกมาให้สัมภาษณ์ช้าเนื่องจากติดถ่ายละคร 4 เรื่อง ไม่มีเจตนาหลีกหนีหรืออุบเงียบแต่อย่างใด
.
พอถามว่าเข็ดมั้ยเกิดเรื่องแบบนี้ หนุ่มฟรอยด์เผยว่า ส่วนตัวเป็นคนเซฟตัวเองอยู่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องยาและผู้หญิง หน้าอย่างผมจะไปมอมยาได้ไง จากเหตุการณ์นี้อาจเป็นสิ่งทำให้เราแข็งแรงขึ้นและโตขึ้น แต่เราไปบังคับความคิดคนอื่นไม่ได้ จากนี้อาจทำให้ต้องระวังตัวเรื่องการไปเจอคนอื่นมากขึ้น.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน