ก่อนจะจูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์หวานรอบสองที่ประเทศไทย ในช่วงเย็นวันนี้(28ก.ย.62) สำหรับนักแสดงหนุ่ม “บอย พิษณุ นิ่มสกุล“ กับภรรยาชาวสวีดิช “อาแมนด้า เพอร์สสัน” ทั้งคู่ได้ควงกันมาแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชน ที่ สเปกทรัม เลาจน์ แอน บาร์ ชั้น 29 โรงแรม Hyatt Regency สุขุมวิท 13 โดย “บอย” เริ่มกล่าวก่อนว่า “จริงๆ จัดที่สวีเดนไปแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้ก็ตั้งใจจะจัดให้ผู้ใหญ่ เพื่อนๆ คนรู้จัก ที่อยู่ไทย ซึ่งเราทั้งคู่ก็ยังตื่นเต้นอยู่เลย เพราะเหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้ออกสื่อด้วยกัน ตอนแรกไม่ตื่นเต้น แต่ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นแล้ว ส่วนบรรยากาศงานแต่งที่สวีเดนก็เรียบง่าย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นครอบครัวของอาแมนด้าที่สวีเดน ครอบครัวของผมกับเพื่อนนิดหน่อย ก็จะอบอุ่นเป็นกันเอง งานจะเป็นซิตดินเนอร์ ถึงเวลาก็จะมีพูดความรู้สึกของแต่ละคน ของคุณพ่อคุณแม่เขา ของผม ของแม่ผม หรือของญาติๆ แล้วก็เข้าโบสถ์กัน”
“ช่วงที่ให้คำมั่นสัญญาโมเมนต์นั้นผมยอมรับว่ามันแปลกประหลาดที่สุดในชีวิตพอสมควร ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้แต่งงาน และได้มีใครอีกคนเข้ามาเป็นคู่ชีวิต ตอนสวมแหวน ยิ่งอยู่ในโบสถ์ด้วย ทุกอย่างเงียบ อยู่ในพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ตื้นตันตอนที่สวมแหวน แต่น้ำตาไหลตอนที่เขาเดินเข้ามาที่โบสถ์”
.
มีคำพูดไหนที่เป็นคำมั่นสัญญาของเรา เจ้าบ่าวเผย “เป็นแค่คำที่ถามว่า จะรับเขาเข้ามาในชีวิตเราไหม เราเคยดูแต่ในหนัง ก็ไม่คิดว่าวันนึงคนอย่างผมจะมีภรรยาเป็นต่าวชาติ เพราะภาษาอังกฤษผมก็โคตรแย่ เราเคยดูแต่ในหนังที่อยู่ในพิธีแต่งงานในโบสถ์ ก็แปลกๆ นิดนึง แต่ก็ประทับใจ”
.
หลังได้ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยามา 3-4 เดือน เป็นยังไงบ้าง บอยกล่าว “ก็ดีครับ ผมว่าการเป็นสามีภรรยา เราก็ต้องห่วงคนที่อยู่ข้างกายเรามากขึ้น อะไรที่เราสนุกสนานลั้นลามากไปก็หายไป และไม่มีความต้องการ ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนชอบกลับบ้านอยู่แล้ว เสร็จงานก็กลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติ ทำกับข้าวทานกัน เขาก็อยู่บ้าน ถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั้ย มันก็เปลี่ยนนิดนึง แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเพราะเราแต่งงาน หรือเปลี่ยนเพราะผมอายุ 40 แล้ว เพราะวัย 30 กับ 40 มันโคตรแตกต่างในเรื่องความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยน เรียกว่า 3-4 เดือนที่ผ่านมาก็มีความสุขดี ส่วนอาแมนด้าก็บินไปกลับสวีเดนบ้าง แต่หลักๆ อยู่ไทย”
.
ตอนเป็นแฟนกับสามีภรรยาแตกต่างกันไหม หนุ่มบอยเล่าว่า “ความรู้สึกยังเหมือนเดิม ไม่ต้องปรุงแต่งมาก แต่จะมีปัญหาหน่อยนึงเพราะเราไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่เข้าใจเขาค่อนข้างเยอะ อาจจะมีแค่บางโมเมนต์ที่เราอยากอธิบายมากๆ มันติดตรงปาก แต่มันอธิบายไม่ได้ มันจะทำยังไงดี เดินหนีแล้วกัน(หัวเราะ) ซึ่งเขาค่อนข้างมีเหตุผลมาก แต่จริงๆ ภาษามันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับชีวิตคู่มาก แค่เรื่องเล็กๆ ในการอธิบายเท่านั้น เราก็ต้องเข้าครอสเรียนภาษาเพิ่ม และรู้สึกประทับใจอาแมนด้าที่เขาค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผล หลักๆ ที่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิตเพราะเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวเยอะพอสมควร เขารักเรา รักครอบครัวเรา รักแม่เรา และเขารักสัตว์ จิตใจดี มีเหตุผล หลายครั้งที่เรามีปัญหากัน จะใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึกในการตัดสินใจ”
.
ถามเรื่องแพลนมีทายาท เจ้าบ่าวคนเดิมเผยว่า “เรื่องนี้เป็นสิ่งนึงที่วัฒนธรรมเรากับเขาที่แตกต่างกัน เขาจะคิดว่าการถามเรื่องลูกมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าคนไทยมันคือเรื่องน่ารัก ความรู้สึกใส่ใจกัน เราก็จะอธิบายให้เขาฟัง คือตอนนี้เราก็พยายามมีลูกเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยไปเช็กสเปิร์มว่ามันยังโอเคอยู่มั้ย ก็ยังได้อยู่ ก็อยากมีเลย ผมตั้งใจว่าจะมี 1 คน แต่เขาคิดว่า 2 คนดีกว่าได้เป็นเพื่อนกัน เพราะส่วนใหญ่คนสวีดิชครอบครัวหนึ่งเขาจะมีลูกสองคน ส่วนเรื่องฮันนีมูน เราไปมาแล้ว ไปฮาวายมา แต่ไม่ได้น้องฮาวายกลับมา น้องไฮแอท รีเจนซี่นี่ล่ะ(หัวเราะ) เราก็พยายามอยากให้ได้เร็วที่สุด อยากเสกเข้าท้องตอนนี้เลย เพราะตัวผมก็ 41 แล้ว อาแมนด้าเขา 32 เขายังมีโอกาส ตอนแรกเขาแพลน 35 โอ้โหช่วยดูลุงด้วย ตอนนั้นเราก็ 45 ตอนนั้นถ้าลูกเดิน เราคงคลานแล้ว ก็จะพยายามให้เร็วที่สุด จริงๆ ผมอยากพึ่งการแพทย์เลย แต่อาแมนด้าไม่อยากกดดันตัวเอง เลยขอธรรมชาติไปก่อนซัก 3-4 เดือน ค่อยลองไปหาหมอ ช้าสุดไปหาหมอน่าจะปีหน้าครับ”
.
ด้านเจ้าสาว “อาแมนด้า” กล่าวว่า “รู้สึกดีมาก ที่มีโอกาสได้กลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด แต่ตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อที่จะพูดภาษาไทย และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนภาษาไทยด้วย(ยิ้ม) บอยคือเนื้อคู่ฉันค่ะ เขาเป็นคนที่จิตใจดีที่สุดในชีวิตคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก เขาเป็นคนใส่ใจคนรอบข้าง ให้เกียรติทุกคน เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ส่วนเรื่องลูกถ้าชายคนหญิงคน ฉันโอเคหมดขอให้ลูกแข็งแรง แต่ฉันมีพี่น้องผู้หญิง 2 คน และฉันก็รักพวกเขามาก เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีพี่น้องโตไปด้วยกัน เลยอยากมีลูกซักสองคน ซึ่งตอนนี้ก็พร้อมที่จะเป็นแม่คนแล้ว”