จากเหตุการณ์ที่ดารานักแสดงหนุ่ม “เหม ภูมิภาฑิต นิตยารส” วัย 31 ปี ตัดสินใจจบชีวิตคาห้องพักที่ย่านลาดปลาเค้า โดยแฟนสาวซึ่งพักอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นผู้พบศพ ให้การว่าผู้ตายมีความเครียดเรื่องภาวะการเงิน และป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อช่วงเย็นวานนี้(25ก.ย.62)
.
ล่าสุดวันนี้(26ก.ย.62) ได้มีการเคลื่อนย้ายศพของนักแสดงหนุ่มไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดลาดปลาเค้า ศาลา 12 ซึ่งก่อนจะเริ่มพิธีรดน้ำศพ “เมย์ ณัฐนพิน” น้องสาวของเหม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ทราบเรื่องพี่ชายป่วยซึมเศร้ามาบ้าง เขาเคยบอกว่าไปหาหมอแล้วได้ยามากิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้ เวลาคุยกับที่บ้านก็ปกติ ไม่ค่อยคุยปัญหาอะไร รู้แค่เขามีเรื่องหนักใจแต่ไม่รู้เรื่องอะไรบ้าง ส่วนเรื่องจดหมายลาตายเรารู้แต่เราไม่อ่าน เพราะเขาส่งรูปมา เราก็คุยกันตามประสาพี่น้อง ว่าอย่าทำแบบบนี้ คือเขาก็ส่งสัญญานแบบนี้เรื่อยๆ ส่วนสภาพจิตใจพ่อแม่ตอนนี้แย่ กำลังใจคงทำได้แค่กอดกัน พูดอะไรมากไม่ได้ ก็บอกว่าเข้มแข็ง ที่ผ่านมาพี่เหมเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด ถึงจะอารมณ์ร้ายบ้างในตอนเด็กๆ ที่เวลาทะเลาะกันตามประสาพี่น้อง พี่ชายน้องสาว แต่โดยรวมแล้วดี ก็อยากบอกพี่ว่า ไม่ต้องห่วง เป็นกำลังใจให้เมย์ด้วย”
.
ด้าน “โม พัชรกันย์ ไพรสันเทียะ” ผู้จัดการส่วนตัวของผู้ตาย เผยว่า “เราไม่ทราบว่าน้องมีปัญหาเรื่องเงิน เขาไม่เคยมาหยิบยื่มเงินเรา แต่เชื่อว่าเขาจากไปเพราะภาวะซึมเศร้า ส่วนเรื่องงานในวงการไม่มีปัญหาแน่นอเพราะทิศทางไปในทางที่ดีมากๆ โมได้ได้คุยกับครอบครัวและแฟนน้องเหม แฟนน้องค่อนข้างช็อก เพราะเราเพิ่งเจอ 2-3 วันที่ผ่าน เขาก็ดูรักกันดี ไม่มีทีท่าอะไรเลย ส่วนเรื่องแว่นดำ ปกติเขาใส่แว่นอยูีแล้ว คิดว่าไม่มีอะไรพิเศษ”
ผู้จัดการคนเดิม กล่าวว่า “เรื่องจดหมายลาตาย เราไม่เคยเห็น เพิ่งรับทราบเมื่อวาน(25ก.ย.62) ว่าน้องมีการเขียนแบบนี้ น้องไม่เคยเล่า เวลาเขามีทุกข์ เขาไม่ค่อยเล่ารายละเอียดเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเราเป็นห่วงเขามาก คิดว่าเพราะรู้ว่าเรารักเขา เลยไม่เอาเรื่องทุกข์มาบอก ทุกวันนี้เขามีแค่อาการนอนไม่หลับอย่างเดียว แต่เรื่องยอมรับความจริงงเวลาผิดหวัง เขาเข้าใจมากขึ้น เราถึงสบายใจว่าเขาดีขึ้น ยอมรับว่าช็อกมากจริงๆ วินาทีที่น้องไม่ไหวแล้ว เรายังนั่งรอน้องอยู่เลย ส่วนเรื่องที่เขามีคดีฟ้องร้องกันอยู๋ คิดว่าไม่น่าใช่ต้นเหตุของการจากไป”
ส่วนสภาพจิตใจคุณพ่อคุณแม่เหม “ไม่ดีเลย ตอนที่เรารู้เราก็โทรบอกคุณพ่อเลย พ่อบอกรู้แล้ว น้องไม่อยู่กับเราแล้ว พ่อเองก็ไม่ทราบและไม่มีสัญญานมาก่อน แต่พ่อทราบว่าเหมมีโปรเจ็กต์คุยงานกับเราตอน 4 โมงเย็นวานนี้(25ก.ย.62) ส่วนคุณแม่เป็นโรคหัวใจ เหมห่วงคุณแม่มาก ทั้งคู่เพิ่งได้เจอหน้าลูกไม่ถึงเดือน เหมจะโทรหาพ่อแม่บ่อยมาก มีปัญหาอะไรเขาจะโทรหาพ่อก่อน”
“สำหรับคนที่อยู่กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งที่โมปฎิบัติกับเหมตลอด 2-3 ปี เราเคยไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ป่วย เราทำทุกอย่างปกติ ไม่ซ้ำเติม ให้กำลังใจกันไป ไม่เคยขึ้นเสียงกับน้อง เชื่อว่าเขาคงอยากได้ผู้ฟังที่ดีคอยอยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้น้องเหนื่อยแล้ว น้องสู้ไม่ไหวแล้ว เราเคารพในการตัดสินใจของน้อง พวกเรารักน้อง ไม่ว่าน้อจจะทำออะไร เรามีหน้าที่อยู่ข้างๆ และซัพพอร์ท คือน้องพยายามอย่างสูงที่สุดในการต่อสู้กับโรคซึมเศร้า แต่สู้ไม่ได้เท่านั้นเอง” ผู้จัดการเหม กล่าวทิ้งท้าย
