ช็อก!! วงการบันเทิง เมื่ออดีตนางสาวไทย “อร-อรอนงค์ ปัญญาวงศ์” ออกมาประกาศว่าได้หย่าขาดกับสามีที่อยู่กินกันมาถึง 26 ปี เหลือสถานะร่วมกันเพียงแค่พ่อและแม่ของลูกชายทั้ง 2 คน และแน่นอนว่า ต่อจากนี้เธอจะต้องเดินหน้าลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อลูกๆ เช่นเดียวกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรองในวงการบันเทิงหลายๆ คนที่สามารถกลับมายืนได้อย่างสง่างามและทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม พวกเธอผ่านจุดเลวร้ายที่สุดในชีวิตคู่นี้มาได้อย่างไร ใครที่กำลังประสบปัญหาอยู่ เรียนรู้ปรับใช้ไปพร้อมกัน
คุณแม่สุดสตรอง “ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ”
“คนจะถามว่า ตุ๊กผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร ตุ๊กจะออกตัวเสมอ ว่าค่อนข้างเป็นคนโชคดีที่จะดูเอ๋อๆนิดนึง พอมีเรื่องอะไรเข้ามาจะไม่รู้สึกลึกมาก และจะผ่านไปได้เร็ว ช่วงที่เลิกกันใหม่ๆจำได้เลยว่ากินข้าวไม่ได้แค่ 10 วันแล้วจากนั้นชีวิตปกติเลย สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญคือคำพูดของพี่ดู๋ สัญญา คุณากร ที่พูดให้ฟังว่า “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา” แค่นั้นแหละ ตุ๊กได้ฟังคิดได้ มันจริงที่สุด ถ้าเราเชื่อว่าทุกอย่าเงปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จะไม่คำว่า ทำไมเลย เมื่อเกิดไปแล้วก็คือเกิด เวลาเราสุข เราไม่รู้หรอกจะสุขอีกกี่นาที เวลาทุกข์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะอีกกี่นาที อย่าไปจมกับมัน สุขเศร้าจะขยับผ่านไป ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเดียว ตุ๊กเองไม่ได้ทำได้ดีทุกเรื่อง เพียงแต่เข้าใจมากขึ้น”
“แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” สติและไม่ดราม่าทุกอย่างจะผ่านไป
“สิ่งที่เกิดขึ้นแอฟถือเป็นประสบการณ์ชีวิต จริงๆ ถ้าไม่ได้มีลูก สถานการณ์ก็อาจพลิกกลับเป็นเรื่องเล็กสำหรับคนที่เป็นแฟนแล้วเลิกกัน แต่พอมีลูกจึงทำให้ดูรุนแรง มีผลกระทบเยอะ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้วเราผ่านไปได้ทุกเรื่องแหละ ถ้ามีสติ ไม่อินหรือดราม่ามากเกินไป คือแอฟไม่ได้เป็นคนโลกสวยแบบเวลามีความสุขแล้วเหมือนฝันหวาน เพราะฉะนั้นเวลาลงจึงลงได้โดยที่เข้าใจ แต่ไม่ใช่ไม่เสียใจเลย ก็มีช่วงที่เสียใจ แต่แอฟไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเสียใจลงไปมากๆ เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องมีความรักให้กับตัวเองด้วย อย่างเวลาคนถามว่า ทำไมพูดเรื่องหย่าได้โดยไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ไม่รู้สึกนะ ย้ำว่าเรื่องจบมานานแล้ว วันที่ออกมาพูดจึงไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แอฟจึงใช้ชีวิตได้อย่างโล่ง สบาย พร้อมลุยต่อไป ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องลูก”
“ษา-วรรณษา ทองวิเศษ” คุณแม่ที่ต้องแกร่งคูณสอง เมื่อลูกชายสุดรักมีสถานะเป็นเด็กพิเศษ
“จริงๆ ษาเป็นคนเครียด คิดมาก เล็กๆ น้อยๆ คิดหมด เราเป็นคนแคร์คำพูดของทุกคน ก็จะเก็บมาคิดคนเดียวโดยที่ไม่ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันเครียด แต่ในเมื่อถ้าเราคิดตกผลึกแล้วว่าช่างมันเถอะ มันคงเป็นไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว หรือเราทำได้แค่นี้ก็คือแค่นี้ แล้วก็ขอโทษตัวเอง การที่เราคิดมากมันทำให้สุขภาพเราแย่ เมื่อก่อนษาคิดจนเป็นไมเกรน ปัจจุบันก็ยังมีแต่น้อยลงเยอะ ถามว่าปล่อยวางมากขึ้นไหมก็ไม่ได้ปล่อยวางนะ คิดแค่ว่าช่างมันเถอะ จริงๆ มันไม่ง่ายหรอก ค่อนข้างเป็นชีวิตที่ตกผลึกแล้ว ด้วยความที่เราผ่านอะไรมาเยอะ พ่อของลูกก็คือพ่อของลูก อย่ามารื้อฟื้น จากแผลที่เป็นสะเก็ด มันจะกลายเป็นแผลสดเหมือนเดิม เรารู้กันสองคนว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำให้ต้องแยกกัน ชีวิตคุณคือของคุณ ชีวิตฉันคือของฉัน ถ้าคุณอยากแชร์เรื่องลูกคุณบอกแค่นั้นพอ”
“บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” สถานะแม่ต้องเข้มแข็ง…อะไรไม่ดีดันออกไป
“บุ๋มก็อยากจะลัคกี้ทั้งอินเกมและอินเลิฟนะ แต่ถ้าไม่ดีรีบเลิกดีกว่า คือจะไม่ประคองจนกระทั่งทะเลาะกันหรือเกลียดกัน จะพยายามทำให้วันนี้มันดีที่สุด ถ้าวันนี้ไม่ดีที่สุดก็ถอนกันออกมาเพื่อให้วันพรุ่งนี้มันดีกว่านี้ บุ๋มขอรักตัวเอง ขอรักลูก รักสังคมที่บุ๋มทำ อะไรวันนี้ที่มันไม่ดี บุ๋มจะดันมันออกไป นี่คือสิ่งที่บุ๋มเป็น บุ๋มไม่กล้าสอนคนอื่น เพราะตัวบุ๋มก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก ส่วนกับลูกบุ๋มพยายามที่จะทำตัวเข้มแข็งให้เขาเห็นมากกว่า คือพูดไปก็เท่านั้นถ้าแม่ทำไม่ได้ ทุกวันนี้ทำให้เขาเห็นว่าแม่ไม่เอาความรักเป็นตัวเดินนำชีวิต แต่เอาหนูเป็นตัวนำชีวิตแม่ ความรักที่แม่มีให้หนูนี่คือเต็มเปี่ยม ไม่ว่าแม่จะเป็นม่าย หรือแต่งงานใหม่ จะไม่มีความเศร้าให้ลูกเห็น เพื่อให้เขาเห็นว่าผู้หญิงควรมีชีวิตและรักตัวเองให้มากที่สุด วันหนึ่งที่เขามีความรัก เขาต้องไม่ฟูมฟายเช่นเดียวกับแม่”
“หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบูรณ์” คุณแม่ “นาย-ณภัทร” จะผ่านพ้นร้องไห้หลายรอบ
“ตอนนั้นหมูไม่ได้คิดเลยว่าใครจะคิดยังไงกับเรา คิดอย่างเดียวว่าหมูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูก ตอนนั้นหมูตั้งใจลาออกจากวงการบันเทิงเพื่อมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว แต่พอครอบครัวไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน หมูก็ต้องเข้มแข็งและเลี้ยงดูลูกคนเดียวให้ได้ ถึงหมูจะเลิกกับพ่อน้องนาย หมูก็ไม่ได้มองว่าผู้ชายร้ายเหมือนกันทั้งโลก เพราะอย่างน้อยหมูก็มีป๊าของหมูเป็นต้นแบบ ป๊าเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงหมูมา ตอนนั้นแอบไปนั่งร้องไห้เสียใจบ่อยมากแต่ก็พยายามเลี้ยงน้องนายอย่างเต็มที่ พยายามเติมในสิ่งที่เขาขาดหายไป นอกจากความรักแล้ว ยังต้องให้เวลากับลูกด้วย วางตัวเป็นเหมือนเพื่อนกัน ให้เขาตัดสินใจเอง ปลูกฝังความเป็นผู้นำให้ ซึมซับความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองไปโดยอัตโนมัติ”
และทั้งหมดคือแง่คิดจากหญิงแกร่งในวงการบันเทิงที่ผ่านช่วงชีวิตที่เลวร้ายที่สุด ครอบครัวไหนที่กำลังประสบปัญหาถึงทางแยกก็หวังว่าจะเดินหน้าต่อได้อย่างแข็งแกร่งเช่นพวกเธอเหล่านี้