หลังพยายามตามหาคุณพ่อแท้ๆ มานาน 54 ปี ล่าสุดนักแสดงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน “มอร์ริส เค” ก็ตามหาคุณพ่อ Isaiah Roberts วัย 80 ปี ชาวอเมริกัน เจอแล้ว โดยขณะนี้อาศัยอยู่รัฐอลาบาม่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า 54 ปีที่รอคอยคือเหมือนฝัน เพราะตนไม่มีเรื่องราวของพ่อเลย ไม่มีชื่อ ไม่มีรูป รู้อย่างเดียวว่าเป็นทหารอเมริกันที่มารบตอนสงครามเวียดนาม ตนพยายามตามหามาตลอดชีวิต เริ่มจากได้เจอแม่เมื่อตอนอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นต้องใช้เวลา 20 กว่าปี จนแม่เสียชีวิตถึงจะได้เจอพ่อ ตนดีใจมากชีวิตนี้ ไม่มีอะไรติดค้างในใจแล้ว
“ตัวคุณพ่อเองเนื่องจากท่านอยู่อเมริกา มีครอบครัวใหม่ เขาไม่ได้ทิ้งดีเอ็นเอไว้ แต่ดีเอ็นเอที่ส่งไปตรวจแล้วเจอตรงกันเป็นของคนอเมริกันที่เป็นญาติกับคุณพ่อ ญาติคนนี้เขาช่วยเหลือผมให้รายละเอียดและตามหาพ่อให้ ในวันที่เขาจะให้ผมคุยกับคุณพ่อ เขาขับรถเป็นร้อยกิโลเมตรเพื่อให้เราได้คุยกัน เขาเมตตากับเรามาก ขอบคุณเขามากๆ มันเป็นความใฝ่ฝันที่ผมอยากได้เจอคุณพ่อและผมได้เจอแล้ว เหลืออีกนิดเดียวคือการได้เข้าไปเจอ ไปกอด และก้มกราบเท้า ขอบคุณที่ให้ชีวิตกับผม ทำให้ผมได้มีชีวิตที่เป็นแบบนี้ อยากให้เขาภาคภูมิใจในสายเลือดของเขาที่อยู่ในตัวผม”
สำหรับขั้นตอนการตามหา มอร์ริส เผยว่า ค่อนข้างยากมาก การส่งดีเอ็นเอไปตรวจไม่ยาก แต่กว่าจะสืบสาวไปหาพ่อค่อนข้างยากมาก และเมื่อได้ดีเอ็นเอที่ชัดแล้วว่าตรงกับญาติใครบ้าง ตนต้องเขียนอีเมล์ไปหาคนนั้นเพื่อให้เชื่อว่าตามหาพ่อจริง ทั้งหมดต้องใช้ภาษาอังกฤษและทักษะในการเขียนค่อยข้างสูง เพราะฝรั่งจะมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ค่อยให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว ญาติที่ตรวจพบว่าดีเอ็นเอตรงกันได้ช่วยเหลือสืบเสาะจากคนในครอบครัวที่มีกัน 20-30 คน ว่าใครที่เป็นคนอเมริกันและเคยมาอยู่ที่เมืองไทยช่วงปี 1964-1966 ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ตนเริ่มส่งอีเมลล์ตั้งแต่เดือนมีนาคม(2562) แต่เรื่องก็เงียบหาย ตนไม่ละความพยายามส่งไปเรื่อยๆ จนในที่สุดญาติได้ติดต่อกลับมา
“ที่ผ่านมาผมไม่มีหวังที่จะได้เจอพ่อเลย ด้วยชีวิตของผมเอง เรื่องของพ่อเป็นเรื่องที่หวังได้น้อยมาก เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย แม่ไม่ได้บอกอะไรเลย เพราะแม่บอกไม่ต้องการจำเราก็ไม่อยากตอกย้ำ รู้แต่ผมเกิดที่ฉะเชิงเทรา สิ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้คือผมมีเพื่อนที่ดี ซึ่งคนที่สืบเสาะเรื่องเหล่านี้ให้คือครอบครัว คุณบี-วรรณิศา(อดีตดารา) เขาช่วยผมจนแทบไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ขอบคุณมากๆ ตอนแรกผมท้อแล้ว ไม่ตามแล้ว แต่บีบอกจะช่วยเองและเขาก็ได้เจอคุณพ่อเขาด้วย เราตรวจด้วยกัน”
นักแสดงอารมณ์ดี ยังยอมรับว่า กลัวว่าตนจะไปเป็นตัวปัญหาให้กับครอบครัวใหม่ของพ่อ ไม่ได้กลัวว่าพ่อจะไม่อยากจำตน จึงพยายามใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ดูไม่คุกคาม ทำทุกอย่างด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
“มีญาติหลายคนต้องการให้ตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง แต่พ่อบอกว่าไม่ต้องการตรวจอีก เพราะดีเอ็นเอของฉันอยู่บนใบหน้าเขา ทั้งหมดที่เรากังวลมาตลอดมันหมดไปเลยในคำพูดที่พ่อพูด ที่สุดของชีวิต ผมมีแผนจะบินไปหาพ่อช่วงคริสต์มาส เพราะเป็นเทศกาลรวมตัวญาติพี่น้องของชาวคริสต์ ผมอยากจะเจอบรรยากาศตรงนั้น”
ถามว่าดีใจหรือไม่ตอนที่ได้โทรเฟซไทม์คุยกับพ่อครั้งแรก มอร์ริส ตอบว่า ตนไม่รู้ว่าพ่อดีใจหรือไม่ แต่มีความรู้สึกว่าสายตาที่มองตน พ่อจ้องหน้าตลอดเวลา มีสายสัมพันธ์ของพ่อลูก ดูมีความสุข ตนเพิ่งเข้าใจวันนี้ เรื่องปมในใจได้หายไปแล้ว
“นี่เป็นปมสุดท้ายที่มีอยู่คือผมมีพ่อแล้วครับ เมื่อก่อนโดนล้อทุกวัน สู้ใครเขาไม่ได้ ต้องสู้ด้วยตัวเอง ไม่มีพ่อมาปกป้องในขณะที่คนอื่นมีพ่อคอยดูแล เราโดนแบบนี้มาตลอดชีวิต แต่สิ่งที่ผมผ่านมามันสร้างพลังบางอย่างให้ผมเป็นคนที่กล้า และดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยที่ได้รับกำลังใจจากคนดีๆ รอบข้าง วันเกิดปีนี้เป็นปีแรกที่พ่ออวยพร ท่านก็ขอให้ผมเป็นคนที่มีความสุข มีพระพรจากพระเจ้าอยู่กับตัวเองเสมอ คือการสอนให้เรารักซึ่งกันและกัน ตอนนี้ก็ติดต่อคุยกับพ่อทุกวัน เพราะกลัวเจอจริงๆ แล้วจะช็อค มีคนเตือนมาให้คุยกับพ่อบ่อยๆ ไปเจอครั้งแรกจะได้ไม่ตื่นเต้น”