“ทนายปู”ชี้ไม่โปร่งใสจุดแตกหัก “มะตูม”ขอพึ่งศาลชี้ชัด

ทนายความ ยืนยัน “ปู ไปรยา” เป็นแค่พรีเซนเตอร์ เผยจุดแตกหักเพราะพบความไม่โปร่งใส ยอดขายไม่ตรงกัน ชี้เป็นคนบอกเลิกสัญญาก่อน เตรียมฟ้องกลับหวังนำเงินเยียวยาตัวแทน ด้าน “ดีเจมะตูม” ซัดกลับปูเป็นทั้งบอสและพรีเซนเตอร์ เหตุได้ผลประโยชน์เท่าหุ้นส่วนทุกคน เชื่อว่าไม่มีใครพูดให้ตัวเองดูแย่ ขอพึ่งศาลเป็นผู้ตัดสินใครผิดใครถูก 


.

ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนจับตามอง กรณีความขัดแย้งในธุรกิจอาหารเสริมของ “ต้นหอม –มะตูม- ปู ไปรยา” หลังนางเอกสาว “ปู ไปรยา” ออกมาเปิดใจถึงการถอนตัวออกจากธุรกิจที่ยืนยันว่าไม่ได้ลงเงิน เพียงแค่ใช้ชื่อเสียงมาช่วยดึงยอดขาย จนกลายเป็นความขัดแย้งผ่านสื่อ จน “ต้นหอม ศกุนตลา” ต้องออกมาเปิดใจกลับทันท่วงทีถึงสาเหตุที่ต้องถึงขั้นฟ้องร้องกัน


.

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา(28 เม.ย.2561) ทั้งสองฝ่าย “ดีเจมะตูม-เตชินท์” และ ทนายความของปู ได้ออกมาแถลงข่าวถึงปมแตกหักธุรกิจที่เกิดขึ้น โดยนายบวรสิษฐ์ นิติยวาณิชย์ ทนายความและที่ปรึกษากฏหมายของ “ปู ไปรยา” ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ที่โรงแรมไฮแอท เพลซ กรุงเทพ สุขุมวิท (Hyatt Place Bangkok Sukhumvit) กล่าวถึงสาเหตุที่เลือกแถลงข่าวในวันและเวลาเดียวกับ “ดีเจมะตูม เตชินทร์” เป็นเพราะต้องการให้เกิดความยุติธรรม ยืนยันปูไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบริษัท ซึ่งในครั้งแรกบริษัทได้แจ้งอยากให้เป็นบอส แต่ทางตนและปูไม่โอเค จึงเปลี่ยนเป็นสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ เนื่องจากปูเป็นบุคคลสธารณะ รูปภาพ หรือชื่อ สามารถใช้เป็นการพานิชย์ได้ ไม่ว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากธุรกิจจะต้องตกเป็นของปูแต่เพียงผู้เดียว เครื่องหมายการค้า(Trademark) ต้องได้รับการจดชื่อเป็นชื่อของปู และมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย โดยได้มีการกำหนดกติกากันว่า หากทุกเดือนมีการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี บริษัทจะต้องบันทึกข้อมูลให้รับทราบ

.


“ถ้าปูเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์จริง จะต้องได้ร่วมบริหารการขาย จะต้องรู้รายจ่าย แต่ปูไม่ได้ทำในจุดนี้ เป็นเพียงสัญญาการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์และแนบพ่วงกับพรีเซนเตอร์ คำว่า บอสไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเพียงไดอะล็อกเพื่อการสร้างแรงจูงใจในระบบการขายตรง การกำหนดแผนโฆษณาต้องทำตามผู้ประกอบการในแต่ละขั้นตอน บอสในสัญญากับความเข้าใจไม่ตรงกัน”

.

ในส่วนประเด็นปัญหาที่ต้องเลิกสัญญานั้น ทนายความส่วนตัวนางเอกสาว กล่าวว่าา เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดความไม่โปร่งใสในบัญชี เมื่อพบว่ายอดขายและการแจงบัญชีไม่ตรงกัน สิ่งที่ตกลงมีความคลาดเคลื่อน นั่นคือมีการจดเครื่องหมายการค้าที่ไม่ใช่ชื่อของปู กระทั่งเดือน 17 ก.ค.2561 ทางปูได้รับหนังสือเตือนเพื่อให้โพสต์ข้อความโฆษณาเพิ่มเติมในอินสตาแกรม แต่ขณะนั้นเกิดปัญหาขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงขอบอกเลิกสัญญาโดยตนได้ส่งหนังสือไปที่บริษัท เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2561 ซึ่งปูได้บอกเลิกสัญญาก่อน แต่ภายหลังบริษัทของดีเจมะตูมก็ได้ส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญามาเช่นกัน และสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2561 ตนจึงได้ทำหนังสือชี้แจงค่าเสียหายกลับไป และไม่ได้มีการฟ้องร้องใดๆ เพราะปูเห็นใจตัวแทน จนปูถูกบริษัทฟ้องร้องในคดีแพ่ง กรณีผิดสัญญา

.

“ก่อนหน้านี้คุณศกุนตลา(ต้นหอม) ให้สัมภาษณ์ว่า เราไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย คือไม่ใช่ ตอนนี้การฟ้องร้องเขาเรียกร้องค่าเสียหายมา การประนีประนอมนั่นหมายความ คือผมต้องจ่ายเงิน แต่จุดยืนเราคือ เราไม่ได้ทำผิดสัญญาเลยและต้องยืนยัน เรามองในเรื่องความถูกต้อง ไมได้คาดหวังเรื่องค่าเสียหาย คุณปูตั้งใจตั้งแต่แรกที่เรียกให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายแล้วว่าจะนำเงินนั้นมาช่วยเยียวยาตัวแทน”

.

ทนายความ ปู ไปรยา ยังกล่าวแทนด้วยว่า ปูต้องการให้สังคมเข้าใจจุดยืน เพราะขมขื่นมาก และเมื่อมาถึงขั้นนี้ จึงคาดว่าจะมีการฟ้องร้องกลับเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงยังกระทบถึงภาพลักษณ์แบรนด์อื่นที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ด้วย ตนจึงมาชี้แจงแทนให้เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น และเป็นผู้ดูแลมาตั้งแต่ต้น 

.

ในขณะที่ “ดีเจมะตูม เตชินท์” ได้ออกมาเปิดใจในขณะที่ไปร่วมงานอีเวนท์ ที่บีซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ยืนยันเช่นกันว่า สิ่งที่ “ต้นหอม ศกุนตลา” ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ถูกต้อง มีเพียงสิ่งเดียวที่คลาดเคลื่อน นั่นคือเรื่องไลน์แชทที่บอกว่าตนได้บอกกับปูว่าเป็นการเอาดีเข้าตัว ซึ่้งในความเป็นจริง ตนได้บอกไปว่า คุณพูดในสิ่งในสิ่งที่ต้องการแล้ว คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ก่อนที่ปูจะไลน์มาขอโทษ 

.

“บริษัทของตูม มีสินค้าหลายตัวมาก คำพูดที่ใช้พูดออกสื่อ เขาเป็นทั้งบอสและพรีเซนเตอร์ คำว่า พรีเซนเตอร์ หมายความว่าคุณต้องพรีเซนต์สินค้า ทุกคนจึงเป็นพรีเซนเตอร์ของตัวเอง และเป็นมากกว่าคือเป็นบอส เพราะได้ผลประโยชน์ชัดเจน ปูเป็นพรีเซนเตอร์เยอะมาก เขามาทำธุรกิจกับเรา เขาบอกเองว่าเขาจะเป็นบอสเลยนะ ทำให้เข้าใจมาตลอด ผลประโยชน์ทุกอย่างหารเท่ากัน รับผิดชอบเท่ากันในสัญญา เรามีหุ้นส่วน 4 คน ซึ่งผลประโยชน์ได้เท่ากันหมด ปูเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์เพราะได้ผลประโยชน์มากกว่า”

.

ในเรื่องกรณีความไม่โปร่งใส ดีเจมะตูม ยืนยันว่าพร้อมให้ตรวจสอบ โดยให้ฝ่ายปูติดต่อไปยังฝ่ายบัญชีและทนายความของบริษัท ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นผู้ยกเลิกสัญญาก่อน เชื่อว่าไม่มีใครพูดให้ตนเองดูแย่ ฝั่งปูและทนายความเชื่อมั่นในเอกสาร ตนก็เชื่อมั่นในบริษัทของตน เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครมาตัดสินได้ ฉะนั้นเมื่อถึงจุดนี้รอให้ศาลพิจารณาว่าใครผิด ใครถูกกันแน่จะดีกว่า

.

“ยอมรับว่าตูมฟังคำสัมภาษณ์ของปูแล้วเสียความรู้สึก ตูมกับปูไม่เคยตีกันเลย แต่ครั้งนี้เขาพูดทำให้เราโมโห เราเลยแชร์คำสัมภาษณ์ของเขาให้ตัวแทนเห็น ทำไมเราถึงไม่ประนีประนอมคุยกันหลังบ้าน วันนี้เราทุกคนกลายเป็นขี้ปากโซเชียล คนโดนหนักสุดคือคนที่เกรดล่างสุด นั่นก็คือ ตูม โดนตัดสินไปแล้ว 

.

เรื่องบริษัทตูมพูดไม่ได้มาก เนื่องจากเป็นปัญหาในการฟ้องร้องแล้ว ให้ทนายความจัดการแทน ให้มาพิสูจน์ตรวจสอบกัน สำหรับตูมอยากจบ ไม่อยากมาสาดน้ำลายใส่กันในโลกโซเชียลอีกแล้ว ปูไม่ควรมีข่าวด้านลบแบบนี้ เขาไม่ได้อยากสนิท เราก็ไม่ได้อยากสนิท วันที่เข้ามาสนิทเพราะผลประโยชน์ วันนี้ผลประโยชน์หมดไปแล้ว ถ้าเราผิดศาลต้องเป็นคนบอก เรื่องการจดเครื่องหมายการค้าเช่นกันก็ให้ศาลตัดสิน วันนี้ไม่รู้ว่าทิศทางธุรกิจที่สร้างมาจะไปทางไหน ตูมไม่เคยคิดทำร้ายใครอย่างแน่นอน เรื่องกระทบภาพลักษณ์บริษัท กระทบอยู่แล้ว คุณภาพสินค้าให้ผู้บริโภคตัดสิน”  .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 63 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม