คลิปหลุดสุดสยิวในอดีตที่หนุ่มสูงยาวเข่าดี “ก็อต อิทธิพัทธ์” เคยออกมายอมรับเป็นของตัวเองจริง พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับมือปล่อยคลิปไปเมื่อปลายปี 2560 ล่าสุดกลับหลุดออกมาผ่านโลกโซเชียลมีเดียอีกครั้ง
โดย “ก็อต” เปิดใจถึงกระแสคลิปหลุดดังกล่าวกับกองทัพสื่อในงาน “คนบันเทิงไทยช่วยภัยฝุ่นพิษ” เพื่อแจกหน้ากากอนามัย N95 จำนวน 2,000 ชิ้น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยอมรับว่าตนได้ก้าวผ่านจุดนั้นมาได้สักพักแล้ว มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องในอดีตที่ถูกนำมาเล่าใหม่จึงไม่ได้รู้สึกซีเรียสหรือเสียใจอะไร และตนยังคงเดินหน้าใช้วิธีทางกฎหมายตามหาตัวคนปล่อยคลิปต่อไป เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน
ตอนนี้มีภาพและคลิปหลุดของเราถูกปล่อยมาอีกแล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่มันยังไม่จบไม่สิ้น ?
“เอ่อ…จริงๆ ตอนที่ได้เห็น ผมก็ไม่ได้รู้สึกตกใจหรืออะไรนะครับ แค่งงมากกว่าว่ามันเกิดขึ้นอีกแล้วเหรอ ซึ่งผมต้องบอกเลยว่าสำหรับเรื่องนี้มันคือเรื่องเก่าที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปเมื่อ 2 ปีก่อน รายละเอียดเหมือนกันหมด เพียงแต่มันอาจจะมีสงสัยอยู่นิดหนึ่งว่าคนที่เขาปล่อยออกมาเขาต้องการอะไร หรือเขาไม่หวังดีกับเรากันแน่ เพราะเอาจริงๆ หากคำนวณระยะเวลาดู มันก็ผ่านมานานถึง 7-8 ปีแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้มันก็ยังไม่จบไม่สิ้น ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้เข้าไปแจ้งความเอาไว้กับทาง ปอท. และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องต่อไปครับ”
แสดงว่าตอนนี้เราเองก็กำลังตามหาตัวคนที่นำคลิปนี้มาเผยแพร่ ?
“ใช่ครับกำลังตามหา เพราะอย่างที่บอกเรื่องมันไม่จบไม่สิ้นสักที แต่ถามว่าผมรู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้ คือผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะครับ ผมเข้าใจได้ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว และสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็คือเรื่องเดิม เป็นเรื่องในอดีตที่เขาเอากลับมาพูดถึงอีกครั้ง”
คิดว่าคนที่ปล่อยคลิปนี้ออกมาคือคนที่เรารู้จักอยู่แล้วหรือเปล่า ?
“ไม่น่าจะเป็นคนรู้จักนะครับ ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นมิจฉาชีพมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าเขาพยายามที่จะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร”
สิ่งที่เกิดขึ้นมันหลอกหลอนหรือรู้สึกมันเป็น “ตราบาป” ในชีวิตเราเลยไหม ?
“ตราบาปเลยเหรอครับ (หัวเราะ) ไม่ขนาดนั้นครับ ไม่ขนาดนั้น คือผมมองว่าเป็นเพราะเราโตมาในยุคโซเชียลมากกว่า และถ้าหากเราเผลอทำอะไรผิดพลาดไป สิ่งนั้นมันก็จะยังอยู่เท่านั้นเอง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกซีเรียส ไม่ได้รู้สึกว่ามันหลอกหลอนอะไรเลย ทุกวันนี้ผมยังนอนหลับฝันดี มันเหมือนผมก้าวข้ามจุดนั้นมาแล้วมากกว่า”
กังวลไหมว่าในอนาคตข้างหน้ามันจะมีคนปล่อยคลิปอะไรแบบนี้ออกมาอีก ?
“เอ่อ…พอเหตุการณ์ครั้งแรกมันเกิดขึ้นไปแล้ว ผมก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรจะเสียอีก และที่สำคัญผมเองก็เคยให้สัมภาษณ์ไปหมดแล้วด้วย ผมพูดไปหมดแล้วว่ามันคือความผิดพลาดในวัยเด็ก ความคึกคะนองในอดีต ซึ่งในปัจจุบันเราก็ใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้น ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีแบบนั้นแล้วครับ ส่วนในอนาคตหากจะมีอะไรตามมาอีกผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะผมเชื่อว่าตำรวจไทยเก่ง เขาคงทำอะไรได้สักอย่างหนึ่งครับ”
เหมือนเราค่อนข้างที่จะปล่อยวางได้แล้วสำหรับเรื่องนี้ ?
“อย่างที่บอกครับมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และก็เป็นเรื่องเดิมๆ ด้วย ดังนั้นผมจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันเข้ามากระทบจิตใจผมสักเท่าไหร่ และหลังจากนี้เราก็แค่ก้าวข้ามมันไป ทำงานของเราให้เต็มที่”
พอจะบอกได้ไหมว่าสำหรับคนที่ปล่อยคลิปออกมา เราจะดำเนินการกับเขายังไง เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยหรือเปล่า ?
“ถ้าหากทางตำรวจได้เจอตัวคนร้ายหรือคนที่ทำผิดจริงๆ ผมก็คงจะต้องให้เขานำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรแล้ว เท่าที่ผมถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็บอกว่าการนำมาแชร์ต่อมันก็มีบทลงโทษนะครับ”
แฟนคลับของเราเขาเข้าใจและให้กำลังใจเรายังไงบ้าง ?
“แฟนคลับทุกคนยังคงให้กำลังใจผมเสมอมาครับ นับตั้งแต่ครั้งนั้นจนมาถึงครั้งนี้ เช่นเดียวกันกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจผมเช่นกัน คอยปลอบผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว”
ส่วนตัวเราเองเคยร้องไห้กับเหตุการณ์นี้บ้างไหม ?
“ในตอนแรกที่เจอกับเรื่องนี้ก็ร้องไห้ครับ แต่ก็ไม่ได้โทษใครหรือโทษตัวเองนะครับว่าทำไมเรื่องนี้มันถึงเกิดขึ้น ผมแค่รู้สึกเฉยๆ ว่าทำไมคนเราถึงได้น่ากลัว ซึ่งตอนเด็กๆ ผมกลัวผีมากกว่านะ แต่พอโตขึ้นมาผมถึงได้รู้ว่า “คน” เราน่ากลัวกว่าเยอะ”
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เราก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ ?
“ผมเชื่อว่าการที่เราได้เจออะไรแบบนี้มากๆ มันทำให้เราโตขึ้น รวมถึงกำลังใจจากแฟนคลับ พ่อแม่ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ส่งเข้ามาถึงผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับที่จะทำให้เราก้าวต่อไปและทำงานของเราให้ดีที่สุด”
สุดท้ายเรามีอะไรอยากจะบอกกับคนที่ปล่อยคลิปบ้างหรือเปล่า ?
“ไม่มีครับ ไม่มี เพราะผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่าผมใส่ใจเขา หากเขาอยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ก็ตามนั้นครับ ตามกฎหมาย”