จูงมือเข้าพิธีวิวาห์เรียบร้อยแล้ว สำหรับคู่รักมาราธอนอีกคู่ของวงการบันเทิง “ซาร่า เล็กจ์ – เอ็ม สืบสกุล” พร้อมทั้งเปิดใจซึ้งๆ ตั้งแต่เริ่มคบ จนรักลงล็อคจูงมือกันแต่งงานกันอย่างชื่นมื่น เมื่อวานนี้ (25 ม.ค. 2562) พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย แลพเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการที่มาร่วมเป็นสักขีพยานรักให้กับทั้งคู่
เอ็ม – ครับผม ก็ขอบคุณทุกๆ ท่านมากๆ ที่มาร่วมงานแถลงของเรา
ซาร่า – 15 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะพี่เอ็ม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราสองคนสัมภาษณ์คู่ใช่ป่ะ
เอ็ม – ดูจะเป็นอย่างนั้น 15 ปีที่ผ่านมาเราก็โตมาด้วยกัน และอยู่กับน้องมาตั้งแต่น้องยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผมเริ่มเป็นดีเจครั้งแรก และเราก็ผ่านทุกอย่างมาด้วยกัน และเราก็เรียนรู้ทุกอย่างมาด้วยกัน และโตมาด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
(รู้สึกอย่างไรบ้าง)
ซาร่า – รู้สึกมันเร็วมาก ตอนฟังเป็นตัวเลขก็แอบรู้สึกว่ามัน 15 ปีแล้วเหรอ ทุกอย่างมันเร็วมากและก็โตขึ้นมาด้วยกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
(รู้สึกอย่างไรจากแฟนมาเป็นสามีภรรยา)
ซาร่า – สำหรับซาร่า ตื่นเต้น คือเรายังไม่ชิน ก็ตื่นเต้นในทางที่ดี ว่าเราต้องเปลี่ยนสรรพนามเป็นสามีภรรยาก็มีความสุข เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เขิน (หัวเราะ)
(บรรยากาศเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง )
ซาร่า – เป็นวันที่มีความสุขมาก ก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะตื่นเต้นได้มากขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเราจัดงานค่อนข้างเล็กและอบอุ่น และค่อนข้างเน้นคนในครอบครัวจริงๆ เพื่อนๆ ที่มาก็เป็นเพื่อนที่เราสนิทด้วย เขาก็จะเห็นเรา 15 ปีที่ผ่านมา เขาก็จะรู้เส้นทางความรักของเรา เขาก็จะเข้าใจเรา ก็จะมีน้ำตาเยอะมากทั้งเพื่อน ทั้งซาร่า ครอบครัวจะร้องไห้เยอะมาก
(พี่เอ็มก็ร้องไห้ใช่ไหม)
เอ็ม : “ร้องไห้ครับ เป็นน้ำตาที่มีความสุขมากครับ”
(ตื้นตันเพราะได้รับคำอวยพรมากมายเลยใช่ไหม)
เอ็ม : “คือจริงๆ ร้องไห้ครั้งแรก ตอนที่เดินเข้ามาหาเจ้าสาวครับ คือตั้งแต่เช้าไม่เจอกันเลย ไม่ให้ผมเห็นชุดของเขาเลย เขาก็มานั่งรออยู่ แล้วผมก็ผ่านขันหมากมาทั้งหมด ก่อนเข้ามาเขาก็จะมีการ์ดให้อ่าน เขาเขียนน่ารักมาก ผมอ่านเสร็จก็น้ำตาไหลครับ”
ซาร่า : “ร้องไห้เต็มที่เลย เพื่อนทุกคนตกใจ ร้องไห้ตามกันหมดเลย”
เอ็ม : “หลังจากนั้นก็เหมือนเปิดก๊อก ไหลกันทั้งวันเลยครับ(หัวเราะ)”
(หลังจากนี้วางชีวิตคู่ไว้อย่างไรบ้าง)
ซาร่า : “จริงๆ เราสองคนก็วางแพลนกันมาเรื่อยๆ อยู่แล้วนะคะ แล้วเราก็ซื้อบ้านไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ก็ทำอะไรไปเรื่อยๆ ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ”
(จดทะเบียนสมรสหรือยัง)
ซาร่า : “เราแพลนว่าจะจดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ค่ะ ซึ่งเป็นวันที่เราสองคนเจอกันวันแรก”
เอ็ม : “ครับ ก็ 15 ปีที่แล้วครับ”
(จะมีลูกเลยไหม)
เอ็ม : “จริงๆ ก็ (หัวเราะ) ผมพูดตรงๆ ว่าผมอยากมี ก็อยากมีลูกครับ รู้สึกว่าการมีลูก ในอนาคตเราจะทำอะไรก็ทำให้มีความหมาย แต่ว่าก็ต้องรอว่าเจ้าสาวผมเขาจะพร้อมเมื่อไหร่ครับ(ยิ้ม)”
ซาร่า : “จะขอเวลาอีกสักปีหนึ่งค่ะ ตั้งตัวแป๊บหนึ่ง”
(มีคำมั่นสัญญาให้กันว่าอย่างไรบ้าง)
ซาร่า : “จริงๆ เราไม่ได้มีคำมั่นสัญญาอะไรตายตัว แต่ว่าเราให้กำลังใจกันตลอดเวลา แล้วมีอะไรดีๆ เราก็แนะนำกันเสมอ เราบอกกันเสมอว่าไม่ว่าเราทะเลาะกันยังไง สุดท้ายผลลัพธ์ก็อยากให้เราสองคนดีขึ้น ทุกปัญหาที่เรามี มันก็เลยเป็นท้าทายที่เราจะต้องทำให้มันดีขึ้น เป็นบทเรียนไปเรื่อยๆ”
เอ็ม : “ผมว่าอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของการเปิดใจ และก็ความเข้าใจกัน ทุกปัญหาเวลามันเกิดขึ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดใจ ฟังว่าเขาคิดยังไง เราก็เรียนไปด้วยกัน สุดท้ายมันก็ทำให้เราโตขึ้นไปเรื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมกับน้องพูดตลอด ว่าเราโตมาด้วยกัน เรามีปัญหาด้วยกันทุกครั้งเราก็เปิดใจกัน แล้วก็แก้ไปด้วยกัน มันก็เลยทำให้เราสตรองขึ้นเรื่อยๆ ครับ”
(มีแพลนฮันนีมูนหรือยัง ?)
ซาร่า – “ตอนแรกก็ไม่ได้ซีเรียส เราเที่ยวกันอยู่เรื่อยๆ พอเรามาลองจัดเตรียมงานก็รู้สึกว่า เข้าใจแล้วที่เขาไปฮันนีมูนทันทีหลังจัดงานเสร็จมันควรมากๆ เลย เพราะเราก็อยากจะรีแล็กซ์ แต่ไปๆ มาๆ เหมือนจะมีงานเข้าค่ะ ก็อาจจะไปทำงานก่อนแล้วไปด้วยกัน”
(แหวนแต่งงานกีกระรัต ?)
ซาร่า – “กำลังดีเป็นไซส์สวยงามกำลังดี เหมาะค่ะ(ยิ้ม)”
เอ็ม “สำหรับสินสอดก็กำลังเหมาะดี เหมือนเพชรครับ 18 กระรัต ก็ยังสาวอยู่เหมือนเดิมครับ(หัวเราะ)”
(งานฉลองในค่ำคืนเป็นธีมอะไร ?)
เอ็ม – “จริงๆ เรื่องงานอยากพูดตั้งแต่เมื่อวาน เป็นความภูมิใจมาก เจ้าสาวผมเก่งมาก ภาพที่เห็นเมื่อวานเจ้าสาวเขาช่วยคิดช่วยทำ เราสองคนจะมีคนมาช่วยรันงาน และทำอะไรต่างๆ ไม่ได้มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ แต่ว่าน้องเขาเห็นอะไรที่ดี เห็นดอกไม้แบบนี้สวย หรือเห็นคนนี้ตกแต่งออกมาดี เขาติดต่อเอง เช่น เรื่องเพลงและวงดนตรี เราก็คุยกันว่าจะเอาวงไหนมาเล่น ซึ่งเราเองสุดท้ายก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมดเลย ภาพที่เห็นไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านไหน น้องเป็นแรงบันดาลใจ และคุยกับทีมงานเอง”
ซาร่า – “เราก็เลยมีความสุขกับทุกช็อตที่เดินไป เพราะเราอยากให้มันเป็นงานที่เป็นตัวของเราสองคนจริงๆ เป็นโมเมนต์ที่เราอยากจะจำทุกอันเลย”
(มีวิธีการครองรักยังไงให้เหนียวแน่นตลอด 15 ปี )
เอ็ม – “จริงๆ ก็เป็นเรื่องของการเปิดใจเรียนรู้กัน เวลาคนเราโตมา ตอนนั้นน้องอายุประมาณ 21-22 ปี ตอนนั้นผมก็อายุ 24 -25 ปี เราโตมาไม่เหมือนกัน พอมาเจอกันก็ต้องเกิดการเรียนรู้ ซึ่งก็ขึ้นกับว่าเราพร้อมที่จะอยู่กับคนนี้ขนาดไหน ถ้ามั่นใจว่าคนนี้เป็นคนของคุณ คุณก็พร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้เขา แล้วเราก็โตไปพร้อมๆ กัน สุดท้ายก็ได้มาแต่งงานกันครับ”
(เห็นว่าเอ็มต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ด้วย)
เอ็ม – “ใช่ครับ ผมต้องย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์ประมาณปีครึ่ง แล้วเขาก็ให้ย้ายกลับมา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนั้นเราก็ไปมาหาสู่กันตลอด แทบจะเจอกันเกือบทุกอาทิตย์ ก็เลยไม่ได้ห่างกันมาก ทำให้เรามั่นใจกันมากขึ้น ความห่างไกลไม่ได้ทำให้ความรักของเราเปลี่ยนไป”
ซาร่า – “จริงๆ ช่วงนั้นเริ่มคิดแล้วว่าเราจะเปลี่ยนสถานะ หรือ แต่งงาน เขาก็เริ่มแพลนว่าต้องกลับมาเตรียมนั่นเตรียมนี่ด้วย จังหวะก็เลยพอดี”
(สุดท้ายแล้วทั้งคู่มีอะไรอยากจะบอกกันและกันไหม?)
เอ็ม – “ครับ ก็อยากขอบคุณเขาครับ เพราะว่าตั้งแต่อย่างที่พี่ๆ รู้ เราไม่เคยมีแฟนด้วยกันทั้งคู่ เป็นคู่แรกของกันและกันหลังจากที่เขาเข้ามาโลกมันก็เปลี่ยนไป โลกไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างเดียว แต่ว่ามันดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวผมเองหรือความรักที่เรามี ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็อยากขอบคุณเขาที่เขาเข้ามา แล้วมาทำให้ทั้งโลก ทั้งตัวเอง ตัวเขาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเนี่ยมันดีไปหมดเลยครับ(ยิ้ม)
ซาร่า – “เขินเลย โอเคค่ะ ของซาร่าก็อย่างที่บอกว่าเราโตมาด้วยกัน ซาร่าอยากจะบอกพี่เอ็มว่าซาร่าโชคดีมากที่ได้มาเจอพี่เอ็ม เหมือนกับชีวิตคนหนึ่งที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ละกัน ได้มาเจอพี่เอ็ม และได้ใช้ชีวิตที่เหลือ ได้เจอคนคนนี้ ซาร่าโชคดีมาก ขอบคุณที่พี่เอ็มดูแลซาร่ามาอย่างดีมาก มีอะไรหลายๆ อย่างที่พี่เอ็มพิสูจน์”
เอ็ม – “ขอบคุณเช่นกันครับ” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน