“เจมส์ เรืองศักดิ์” เผยประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง เมื่อ 20 ปีก่อน กับเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบิน TG261 นำผู้โดยสารบินจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี สภาพอากาศมีฝนตกหนักและทัศนวิสัยไม่ดีเนื่องจากพายุดีเปรสชัน นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนครั้งที่ 3 เครื่องยนต์เกิดชะงัก ทำให้เครื่องบินตกกระแทกพื้น หางเครื่องฟาดหอบังคับการบินบางส่วน เครื่องเสียการทรงตัวพุ่งตกลงไปในป่ายาง มีผู้เสียชีวิต 101 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน หนึ่งคนที่รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้นก็คือ เจมส์ เรืองศักดิ์ ซึ่งเจ้าตัวได้เล่าถึงเรื่องชวนขนลุกผ่านอินสตาแกรมว่า
“ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในรูปเคลื่อนไหวมือขึ้นลง ผมพยายามขยี้ตาตัวเอง เพราะคิดว่าคงเป็นอาการเบลอของสายตา หรืออาการงัวเงียจากการทำงานหนักในช่วงนั้น แต่สิ่งที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มและทำให้ผมกลัวคือ ผมรู้สึกว่ามือผมกำลังถูกทำให้ขยับตามท่าทางในรูป และเหมือนอยู่ในภวังค์ วันนั้นผมตกใจมาก แต่สักพักอาการทั้งหมดก็ค่อยๆหายไป จนผมสามารถนอนหลับได้ ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่เล่าให้ใครฟังเลย เพราะผมเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่าง 100% เเละเชื่อว่ามันมีคำอธิบายในทางการแพทย์ของอาการเบลอ หรืออาการมองเห็นภาพแปลกๆ เฉกเช่นเดียวกับอาการผีอำ ที่มีคำอธิบายในทางการแพทย์”
“วันที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตก ผมตื่นขึ้นมาหลังจากสลบเพราะเครื่องกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและเเตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนที่นั่งใกล้ๆผม อยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้..ในขณะที่ผมออกจากตัวเครื่อง เดินเข้าไปในป่าที่มืดจนรู้สึกกลัวจนต้องย้อนกลับมาที่คันดิน นั่งรอสักพักจึงมีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ ผมจำได้ว่าตอนที่อยู่หลังรถกู้ภัยผมอยากหลับ ในสถานการณ์น่ากลัว แต่ผมกลับรู้สึกสบายหากได้หลับ หลับตาลงเมื่อไหร่จะเห็นแสงสีขาวๆเหมือนตัวเองลอยๆ แต่ในขณะที่ผมรู้สึกแบบนี้ ผมได้ยินเสียงเรียกใกล้หูพูดช้าๆ ว่า “ตื่น ตื่น” อยู่ตลอดเวลา ผมเข้าใจว่าเสียงนั่นน่าจะเป็นเสียงของกู้ภัย แต่ลืมตามากลับไม่เห็นใครกำลังพูด และไม่ได้อยู่ใกล้หูผมด้วย รวมถึงแอร์โฮสเตสที่อยู่ข้างๆผม (ทราบว่าปัจจุบันเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว จากอาการป่วยอย่างอื่น) เธอก็อยู่กับอาการบาดเจ็บของตัวเอง ผมได้ยินเสียงนี้อยู่ 2-3 ครั้ง ในขณะอยู่ท้ายรถกู้ภัย”
ผ่านเวลาไป 2 ปี หลังจากที่ผมหายจากการพักรักษาตัว ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย จนวันนึงมีรุ่นพี่ท่านนึงที่ผมเคารพโทรมาหาผม และบอกผมว่า
“คืนนั้น ท่านมาหาเจมส์จริงๆ นะ”
“คืนไหนพี่??” ผมถาม
“คืนที่เจมส์มองรูปท่าน และท่านแสดงตัวให้เห็นน่ะ”
“ท่านช่วยเจมส์ไว้นะ และจะคอยดูแลเจมส์อีกหลายปี”
สิ้นประโยคนี้ ผมขนลุกซู่ และผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะพูดไม่ออก รู้สึกพิศวงว่าพี่เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ในใจก็เถียงว่าไม่จริง แต่ผมก็ยังหาคำอธิบายกับปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ ด้วยความอยากรู้ผมจึงตัดสินใจ ไปนั่งคุยกับรุ่นพี่ท่านนี้ สิ่งที่พีคที่สุดคือ เขาพูดถึงคำว่า ตื่น ตื่น ซึ่งผมไม่เคยพูดที่ไหน!! ผมพูดเรื่องมีคนปลุกช่วงปีหลังๆ นี่เอง และผมก็ไม่เคยพูดถึงเสียงปริศนานี้ ใครถามผมจะบอกว่าคนในรถปลุก เพราะไม่อยากให้เกิดกระเเสว่างมงาย จากวันนั้นผ่านมา 20 ปี พอดี รูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนั้นยังอยู่ที่บ้านผม แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์น่าพิศวงแบบนั้นอีกเลย หลายปีที่ผ่านมา มีหลายสำนักพูดถึงเหตุการณ์เครื่องบินตกและบอกว่าผมคล้ององค์นั้น องค์นี้ถึงรอด แต่ในความเป็นจริง วันนั้นผมไม่ได้คล้องอะไรเลยครับ ถ้าจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับความเหนือธรรมชาติ ก็คงมีแต่เรื่องรูปสิ่งศักดิ์สิทธิรูปนี้รูปเดียวครับ
ภาพจาก : อินสตาแกรม jamesruangsak.co.th