นขณะที่สาวงามจาก 94 ประเทศเดินหน้าทำกิจกรรม เก็บตัวกับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไปตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทั่งผ่านไปแล้วเกือบ 1 สัปดาห์ สาวงามจากอีกหนึ่งประเทศสุดท้าย คือน้องมารี เอสเธอร์ บังกูรา (Marie Esther Bangura) จากประเทศเซียร์ราลีโอน ในทวีปแอฟริกา เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ธันวาคม 61 หลังจากเดินทางจากประเทศบ้านเกิดนานนับสัปดาห์!!
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้มิสยูนิเวิร์สเซียร์ราลีโอน 2018 เดินมาทางถึงไทยล่าช้ากว่ากำหนดไปหลายวัน จนไม่สามารถทำภารกิจร่วมกับเพื่อนนางงามได้เพราะติดเรื่องการเดินทางที่ไม่สะดวกและการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย อีกทั้งเธอเพิ่งได้ตำแหน่งอย่างกระชั้นชิดราวกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ความดราม่าได้บังเกิดขึ้นทันทีเนื่องจากประเทศของเธอไม่มีสถานทูตไทย ทำให้ต้องเดินทางไปขอวีซ่าที่ประเทศไนจีเรียแทน แถมเที่ยวบินที่จะออกนอกประเทศของเธอกลับมาปัญหายกเลิกไฟลท์ทั้งที่ก็มีเที่ยวบินน้อยอยู่แล้ว เธอจึงตัดสินใจขนสัมภาระต่างๆ จำนวนนับสิบใบมาขึ้นเรือที่ท่าเรือในประเทศไนจีเรีย จากนั้นได้เดินทางจากไนจีเรียไปขึ้นเครื่องที่ประเทศเอธิโอเปีย ก่อนจะแลนด์ดิ้งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงบ่ายวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งตอนจะมาถึงก็มีแฟนนางงามที่ทราบข่าวไปรอต้อนรับ “มิสยูนิเวิร์สเซียร์ราลีโอน” ที่สนามบินด้วย
แม้เธอต้องเดินทางทั้งทางรถ มาต่อเรือ ต่อเครื่องบิน แต่สิ่งที่นางงามคนนี้มีไม่น้อยไปกว่าเพื่อนนางงามคนอื่นๆ ก็คือเลือดนักสู้และความพยายามที่ตั้งใจจะเดินทางมาเข้าร่วมประกวดอย่างแท้จริง “น้องมารี เอสเธอร์ บังกูรา” มีอาชีพนางแบบ กระทั่งคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สเซียร์ราลีโอนคนที่ 2 และได้มีสิทธิ์เข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ต่อจาก “ฮาวา กามาลา” มิสเซียร์ราลีโอน 2016
แม้จะมีหลายๆ กิจกรรมที่เธอมาร่วมไม่ทัน แต่เธอก็ตั้งใจมาบอกเล่าเรื่องราวของประเทศตัวเองผ่านเวทีระดับโลกนี้ ซึ่งตอนนี้กองประกวดมิสยูนิเวิร์สยังไม่ตัดสิทธิ์ “มิสเซียร์ร่าลีโอน” ในการประกวดปีนี้ :-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
