“อ้อม” หลั่งน้ำตา! เผยคำพูดสุดท้ายของ “เปี๊ยก พิศาล” ก่อนจากไปอย่างสงบ

บรรยากาศในงานสวดอภิธรรมศพของผู้กำกับ นักแสดงอาวุโส “เปี๊ยก – พิศาล อัครเศรณี”  วัย 73 ปี เจ้าของฉายาพระเอก-ผู้กำกับ “จอมซาดิสต์” ณ วันเทพศิรินทราวาสเป็นไปด้วยความโศกเศร้า หลังผู้กำกับและนักแสดงอาวุโสเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา (4 ธ.ค. 61)  โดย 3 ปีก่อนหน้านี้ผู้กำกับและนักแสดงอาวุโสป่วยหลอดเลือดหัวใจตีบ  มีอาการตัวชาครึ่งซีกและเดินไม่ได้ จนต้องเข้ารับการผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ พร้อมส่งมอบงานผู้กำกับให้ลูกชาย “โอ-อัครพล” ส่วน “อ้อม พิยดา” บุตรสาว ได้ดูแลงานด้านผู้จัดละครให้


โดย 4 พี่น้องบ้าน “อัครเศรณี” ประกอบด้วย  โอ-อัครพล , อ้อม พิยดา , อ๋อ ศิรดา , โอ๊ต นนทพร เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า 


โอ – ท่านบอกว่าหายใจก็ไม่ออกทและก็เริ่มปวดบริเวณด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นโอ๊ตเป็นคนที่อยู่กับคุณพ่อ

โอ๊ต – ก็คือพอคุณพ่อบอกว่าท่านมีอาการปวดมากขึ้น เราก็เลยเรียกรถพยาบาลมารับคุณพ่อที่บ้านเพื่อให้คุณหมอได้ทำการตรวจ จากนั้นพอไปถึงคุณหมอเขาก็ได้ให้ยาแก้ปวดเบื้องต้นและรอดูอาการ ส่วนทางเราเองก็ได้มีการติดต่อไปหาคุณหมอที่เคยทำบอลลูนให้กับคุณพ่อ แล้วจึงย้ายไปยังอีกโรงพยาบาล แต่อาการของคุณพ่อก็ไม่ดีขึ้นจากนั้นท่านก็ไปอย่างสงบครับ


คุณหมอได้ชี้แจงไปว่าอาการทั้งหมดเกิดจากอะไร ?

อ้อม – คือคุณหมอเข้ามาตอนที่อาการค่อนข้างที่จะเหมือนอาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคหัวใจวาย ก็คือแน่นหน้าอกหรือเจ็บหลัง ซึ่งพอตอนหลังหัวใจคุณพ่อท่านก็เหมือนมันช็อกไป แล้วคุณหมอก็มาช่วยปั๊มค่ะ ใช้เวลาปั๊มหัวใจอยู่นานมาก ปั๊มอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง เหมือนรอให้เกิดปฏิหาริย์ แต่ก็ไม่มีสัญญาณชีพเกิดขึ้นเลย

สุขภาพของคุณพ่อในช่วงที่ผ่านมาท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?

อ๋อ – สุขภาพท่านก็แข็งแรงดีค่ะ แต่อาจจะมีเหนื่อยบ้าง เวลาทำงานในช่วงหลังท่านก็เหนื่อยบ่อย

โอ๊ต – ก็คือคุณพ่อจะเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งท่านจะเป็นอยู่ประมาณครึ่งเส้น เพราะคุณพ่อเคยได้ทำบอลลูนไปแล้วหนึ่งเส้น แต่มันเหลืออีกครึ่งเส้นที่คุณหมอบอกว่ายังไม่ต้องทำก็ได้ และให้ใช้วิธีการทานยาแทน ท่านก็เลยมีปัญหาแค่ตรงนี้แหละครับ ตรงที่คุณหมอให้ท่านคุมอาหารและรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณพ่อท่านจะไม่ค่อยได้คุมสักเท่าไหร่และอาจจะทานโน่นทานนี่บ้าง

ระหว่างที่นำตัวคุณพ่อส่งโรงพยาบาล คุณพ่อท่านได้พูดอะไรกับเราบ้างไหม ?

อ้อม – ไม่นะคะ คือไม่ทันตั้งตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วมาก เนื่องจากอาการเริ่มต้นมันเป็นแค่อาการเจ็บหลัง เราก็เลยไม่ได้อะไร และคำพูดสุดท้ายที่เหมือนท่านพูดกับพี่ชายก็คือ “โอ โอ พ่อหายใจไม่ออก” และจากนั้นท่านก็ไปเลย

คุณพ่อเคยมีอาการลักษณะนี้มานานแล้วหรือยัง หรือว่าเพิ่งจะเริ่มเป็นเมื่อวาน ?

อ้อม – เมื่อวานนี้เลยค่ะ ที่ผ่านมาก็ปกติดี

จากข่าวที่ออกมาเหมือนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะการรักษาที่ไม่ถูกวิธี ?

อ้อม – ไม่น่าจะเป็นการรักษาที่ไม่ถูกวิธีนะคะ คือมันน่าจะเป็นปกติทางการแพทย์นี่แหละค่ะ เพียงแต่การสั่งงานมันอาจจะขลุกขลักไปบ้าง เนื่องจากว่าช่วงที่เราไปถึงโรงพยาบาลมันดึกแล้ว และทีมแพทย์ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ให้ความช่วยเหลือกันเต็มที่

ครอบครัวเรายังมีความรู้สึกติดใจอยู่บ้างไหมกับการจากไปของคุณพ่อ ?

โอ – ไม่ครับ เราไม่ติดใจอะไรเลย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทุกคนทำเต็มที่ คงไม่มีใครไม่หวังดีหรอก ทุกคนต่างก็หวังดีกันหมด 

อ้อม – เราเชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ด้วยความหวังดีค่ะ 

ถือว่าเป็นเรื่องกะทันหันสำหรับครอบครัวมั้ย

อ้อม  –  กะทันหันมาก เพราะเดินไปเนอะ เดินเข้าไปได้ปกติ

โอ    – ยังบอกให้น้องชายให้กลับมาพรุ่งนี้เช้าเลย ไม่ต้องนอนเฝ้าหรอก ไปเอาเสื้อผ้ามาก่อน คือปกติมากๆ ครับ”

“หนุ่ม กรรชัย” บอกว่าถ้าเป็นหมอโรคหัวใจจริงๆ จะรู้ว่าการปวดข้างหลังมันมาจากโรคหัวใจ?

อ้อม   – ใช่ค่ะ จริงๆ เราอาจจะไปเข้าโรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งอาจจะยังไม่ได้ทราบสาเหตุขนาดนั้น พอเขารู้แล้วก็เลยย้ายโรงพยาบาล พอดีคุณพ่อโทรไปปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้ พอรู้เรื่องปุ๊บก็เลบรีบย้าย

คุณพ่อยังยกหูโทรศัพท์โทรหาคุณหมอเอบเลยเหรอ?

โอ๊ต  –   น้าเวช ผู้ช่วยพ่อครับ เขามีเบอร์อยู่ แต่ตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว และจริงๆ คุณหมอเจ้าของไข้ก็อยู่เมืองจีนพอดี เลยโทรไปเป็นผอ.เก่าของโรงพยาบาล ก็เลยบอกว่าให้ย้ายมาที่นี่ดีกว่า

เชื่อมั้ยว่าถ้าเจอหมอถูกโรคอาจจะไม่เป็นแบบนี้?

อ้อม  – จริงๆ แล้วอ้อมคิดว่าเป็นเวลาของคุณพ่อมากกว่า ซึ่งจริงๆ เราก็สูญเสียคุณพ่อไป เราก็อยากจะมองในด้านที่ดีมากกว่า เรียกว่าพ่อไปสบายที่สุดเลย เพราะไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร เหมือนเบลอๆ แล้วบอกว่าพ่อหายใจไม่ถนัดนะ แล้วก็ไปเลยภายในแป๊บเดียว 

อ้อมเองก็ไปไม่ทันใช่มั้ย?

อ้อม   – ไม่ทันค่ะ ไปถึงก็คือปั้มแล้วค่ะ

ใครที่ได้อยู่กับอาเปี๊ยกครั้งสุดท้าย

โอ   – ผมครับ คือคุณพ่อมองหน้าแล้วบอกว่าพ่อหายใจไม่ออก ช่วยพ่อหน่อย แค่นั้นแหละครับ นี่คือประโยคสุดท้ายที่พ่อพูด 

อ้อม   – หัวใจล้มเหลวไปแล้วไงคะ หัวใจหยุดการทำงาน หลอดเลือกมันช็อตน่ะค่ะ คุณหมอบอกว่าเหมือนหลอดเลือดมันตีบฉับพลัน ก็ทำให้ไม่จ่ายเลือดเข้าไปในหัวใจ แล้วหัวใจพ่อก็มีปัญหาอยู่แล้ว อย่างที่น้องชายบอกไปว่าเส้นเลือดตีบไปหนึ่งเส้น ซึ่งทำไปแล้ว เหลืออีกครึ่งเส้นซึ่งมันเป็นเอฟเฟ็คพ่อด้วยการที่อาจจะกินอาหารอะไรที่ถูกใจ แต่ว่าอาจจะไม่ถูกกับร่างกาย ก็ทำให้เกิดเอฟเฟ็คตรงนี้

มีเปรยๆ สั่งเสียอะไรมั้ย?

อ้อม   – มีเนอะ ซึ่งเราตกใจมาก อย่างหนังสือที่เราจะแจกตอนเผาน่ะค่ะ พ่อก็ทำมานานแล้ว เป็นหนังสือประวัติเขาเองค่ะ

ตอนนั้นได้ถามมั้ยว่าทำไมรีบทำจัง?

อ้อม  – ตอนนั้นก็เหมือนเขาอายุเยอะแล้ว เขาก็อยากเขียนประวัติตัวเขาเองประมาณนั้นค่ะ

ไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไร?

อ้อม – ไม่มีลางนะเพราะมันนานแล้ว แกอยากเขียน อยากเก็บรวบรวมโปสเตอร์ เรื่องราวของเขา เรื่องลูก เรื่องชีวิตของเขา และพอทำเสร็จเขาก็บอกน้องเลขาที่สนิทว่าหรือจะเอาไว้แจกตอนงานศพเขา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ทำไว้นานแล้วเป็นปีแล้วตั้งแต่ “นาวา” อายุ 7 เดือน แต่รูปเล่มเพิ่งเสร็จตอน 6 เดือนที่ผ่านมานี้เอง

ลูกๆตั้งรับกับความสูญเสียกระทันหันนี้อย่างไรบ้าง?

โอ๊ต – ก็ยังไม่รู้จะตั้งรับอย่างไรเหมือนกัน

นอกจากหนังสือมีคำสั่งเสียอะไรที่พูดกับลูกๆไหม?

โอ – คุณพ่อห่วงลูกทุกคน แต่ตอนนี้ลูกทุกคนก็อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เขาก็สบายใจประมาณนึง

ยังมีอะไรที่อาเปี๊ยกค้างคาแล้วต้องสานต่อไหม? 

อ้อม – เหมือนจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ มีโปรเจ็คที่คิดจะทำแต่ยังไม่ได้เริ่ม มีละครที่ยังไม่ได้ออนแอร์ แต่คุณพ่อก็พูดกับอ้อม นะว่าถ้าเหนื่อยก็อยู่สบายๆ ดีกว่า

คุณพ่อสอนอะไรหรือสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงไหม?

อ้อม – สอนมาตลอดให้เราตรงเวลา และอดทน

โอ – คุณพ่อเป็นคนที่มีความอดทนสูง แต่ก็มีข้อดีและข้อเสียคือ ถ้าเขาไม่เจ็บจริงๆ ขนาดจะต้องเข้าโรงพยาบาลเขาจะไม่บ่น หรือไม่ปริปากเลย มีน้ำอกน้ำทนที่สูงมาก บางทีเลยทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปไม่ทัน

อ้อม – เขาไปเมื่อไม่ไหวจริงๆ เราถึงไม่โทษใคร แต่เขาก็เคยพูดกับอ้อมนะว่าไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเวลาพ่อไปจะไม่ให้ลูกลำบาก พ่อจะตายไปเลยแบบนี้

คุณพ่อยังมีห่วงอะไรบ้างไหม?

อ้อม – ไม่น่ามีแล้วนะ

โอ – ใช่ ช่วงหลังอาจจะเหงาๆหน่อย เพราะลูกๆ ก็กระจายกันทำงาน ไม่ค่อยได้รวมตัวกันเท่าไหร่

อ๋อ  – คุณพ่อสอนเสมอว่าให้เราเกิดมาแล้วอยู่บนดิน ให้คลุกดิน และให้ถ่อมเนื้อถ่อมตัว (ร้องไห้)

โอ๊ต  – คุณพ่อสอนให้มองคนที่ความดี ใครที่ดีกับเราก็ดีด้วย ไม่เกี่ยวว่าฐานะจะยากดีมีจน เราดูแลหมด 

“อ้อม” กับ “โอ” ทำงานในวงการบันเทิง?

โอ – ตอนนี้เฟดมาทำธุรกิจส่วนตัว”

อ้อม  – ก็ยังตามรอยอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็สานต่อไปค่ะ ยังทำงานตรงนี้อยู่ เป็นผู้จัดอยู่ (ร้องไห้) ยังเป็นนักแสดงอยู่

มีอะไรอยากบอกพ่อไหม?

อ้อม –  (น้ำเสียงสั่นเครือ) พวกเราทุกคนจะเป็นเด็กดีอย่างที่พ่อสอนเรา

โอ – พ่อหลับให้สบายไม่ต้องห่วงพวกเรารักกัน จะดูแลกันและกันตลอดไป 

กำหนดการจะขอพระราชทานเพลิงศพไหม? 

อ้อม – น่าจะเผาเลย แต่คงดูอีกทีว่าจะยังไง เราคุยกันถึงแค่วันสวด ส่วนจะเผาวันไหนและจะแจ้งให้ทราบอีกที :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน 

เข้าชม 76 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม