ทำเอาแฮชแท็ก #หมดPassion ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 หลังนักร้องและพิธีกรฝีปากกล้า “โอ๊ต ปาโมทย์” ถูกแฟนสาวแอร์โฮสเตส “กิ้น ชาลิสา” ที่คบมา 11 ปี ออกมาเขียนข้อความจุดดราม่าสนั่นในไอจี ไล่เรียงมาว่าความรักของทั้งคู่ได้มาถึงทางตัน เพราะฝ่ายชายพูดว่า “หมด passion” (หมดความหลงใหล) ขออยู่คนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยรับปากจะมาขอแต่งงานหลังจบคอนเสิร์ตใหญ่เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าไม่ทำตามสัญญา และเรื่องเดียวที่ร้องขอคือ “อย่านอกใจ” แต่ “โอ๊ต” ก็ทำให้ไม่ได้
ล่าสุดได้เจอตัว “โอ๊ต” ในงาน “ทำบุญ ก้าวสู่ปีที่ 36 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)” ณ ล็อบบี้ อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ได้รับคำตอบจากนักร้องฝีปากแซ่บว่า
“เอาจริงๆ ผมไม่อยากพูดเลย เพราะเราเป็นผู้ชาย เราต้องให้เกียรติเขา ผมจะผิดจะถูก จะเถียงยังไง คือบุคลิกของผมนะครับ พูดยังไงก็โดนด่า ไม่พูดก็โดนด่า อยู่เฉยๆ ก็โดนด่า จริงๆ คนเลิกกันผมก็เสียใจมากพออยู่แล้ว แล้วผมก็ต้องมาโดนคนอื่นด่าอีก เราก็ช้ำใจอยู่แล้ว คือคนเลิกกันไม่มีใครดีใจหรอก มันก็มีแต่เสียใจ คนคบกันมาเป็นสิบปีเลิกกัน มันผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ฉะนั้นพอเลิกกันผมก็ไม่อยากให้เรื่องของเราที่มันเสียใจอยู่แล้วไปเดือดเนื้อร้อนใจแทนคนอื่นอีกที่มารุมด่าผม”
11 ปีที่ผ่านมาสำหรับเราเป็นยังไง?
“คือคนเราคบกันมันก็มีทั้งดีและไม่ดี ความรักมันขึ้นๆ ลงๆ ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกัน คุยกัน มีปัญหากัน ทะเลาะกัน เลิกกันบ้าง กลับมาดีกันอะไรก็แล้วแต่ มันผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ซึ่งผมก็คิดว่า 11 ปีที่ผ่านมาผมก็ดูแลเขาได้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะดูแลได้แล้วเต็มที่”
สาเหตุที่บอกเลิกเขาเป็นอย่างที่ “กิ้น” บอกมั้ย?
“คือผมจะบอกให้ว่าผมไม่ใช่คนดีนะ แต่ผมก็ไม่ถึงขนาดใจร้ายที่จะเดินไปบอกผู้หญิงคนหนึ่งที่คบกันมา 11 ปีว่า เธอ..เราหมด passion แล้ว เราเลิกกันเถอะ มันใจร้ายเกินไป ไอ้คำว่าหมด passion ผมไม่ได้พูดว่าหมด passion ผมคุยกับเขาว่าก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องแต่งงานกันเนี่ย เราคุยกันก่อนมั้ยว่าไอ้ passion ที่เรามีให้กันตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ผมนะ แต่ที่มันมีให้กันระหว่างเราน่ะมันเพียงพอมั้ยที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่งงานมันไม่ใช่เล่นขายของนะครับ สำหรับผมรู้สึกว่าคนจะแต่งงานกันมันต้อง fulfill (เติมเต็ม) ไปด้วยความรักทั้งสองคน มันไม่ใช่ว่าแต่งงานเพื่อเป็นเครื่องมือให้เราอยู่ด้วยกัน ถูกมั้ย แต่ผมก็ไม่อยากจะไปว่าเขา เพราะเขาก็เป็นคนที่เราดูแลและรักมาตลอด ฉะนั้นหลังจากที่มีข่าวก็ไม่ได้คุยกัน แต่ผมโทรไปหาน้องชายเขาและฝากบอกว่าไม่ได้โกรธเลย และเข้าใจเหตุผลทุกอย่างที่เขาพิมพ์และเขาทำ ก็ขอโทษทุกอย่างถ้าที่ผ่านมาทำอะไรให้ไม่ดีหรือว่าดูแลเขาได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควรครับ”
เหมือน “กิ้น” อยากแต่ง แต่ “โอ๊ต” ยังไม่อยาก?
“ผมว่าเรื่องนี้เก็บไว้เป็นเรื่องของคนสองคนดีกว่า มันละเอียดอ่อนครับ คือคนมันคบกันน่ะครับ การแต่งงานการใช้ชีวิตด้วยกันมันมีรายละเอียดยิบย่อยที่คนอื่นไม่รู้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นต่างๆ นานาในวันที่มันผ่านมา ผมก็เลยขอเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของคนสองคนว่ามันจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาตรงไหน แต่เขื่อเถอะว่าผมสองคนทำดีที่สุดแล้ว”
“กิ้น” บอกว่าพอจบคอนเสิร์ต “โอ๊ต” จะขอแต่งงานล่ะจริงมั้ย?
“อันนี้เราคุยกันมาหลายปีแล้วครับ จริงๆ แล้วเรื่องแต่งงานเราคุยกันมา 5-6 ปีแล้ว 5 ปีที่แล้วผมบอกเขาว่าผมอยากแต่งงาน ผมก็ยอมรับ แต่ว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่มันไม่พร้อม เหมือนกันพอมาวันนี้มันก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังไม่พร้อม รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่มันส่วนตัวมากๆ ที่มันพูดไม่ได้ คือเรื่องที่ผมพูดว่าจะไปขอ ผมก็พูดจริงๆ แต่ก็อย่าลืมว่าพอผมพูดแล้วในระยะเวลากว่าจะไปถึงวันนั้นมันก็ผ่านเหตุการณ์อะไรอีกหลายๆ เหตุการณ์ที่มันทำให้เราต้องมานั่งทบทวนมานั่งคุยกันว่ามันใช่ตอนนี้จริงๆ เหรอ”
แสดงว่ามีตัวแปรที่ทำให้เรารู้สึกว่ายังไม่พร้อม?
“มันไม่มีตัวแปรเลยครับ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่คุยกัน คนอื่นที่ไม่ใช่ผมสองคนไม่มีทางรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจะให้ผมมานั่งอธิบายทั้งหมดมันอธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางบ้าง”
ใช่เรื่องความเจ้าชู้หรือเปล่า?
“ผมเลิกกับเขาไม่ใช่เรื่องคนอื่นเลยครับ อย่าเอามือที่สามมาเกี่ยวเลย ผมดูข่าวผมก็เห็นว่าเขียนกันคือไปลากคนที่เขาไม่เกี่ยวเข้ามาด้วย อย่างน้อยนึกถึงเรื่องเวรกรรมบ้างว่าวันนึงเรามีลูก แล้วคนไปด่าลูกว่าเป็นเมียน้อยเขาเหรอ ไปแย่งเหรอ ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรเลย ผมก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขา ฉะนั้นอย่าไปเอาบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
“โอ๊ต” แล้วรู้จัก “ชยา – ชญานิศ ต.เจริญ” มั้ย?
“ผมรู้จักกันมาหลายปีมากและสนิทกันมาก กลายเป็นว่าทุกวันนี้ต้องขาดการติดต่อกันไปเลย และเจอกันไม่ได้อีกเลย ผมก็โทรไปขอโทษน้องเขาว่าพี่ขอโทษนะ น้องไม่รู้เรื่องเลย พ่อแม่เขาก็โกรธมากเพราะอยู่ดีๆ คนก็มาด่าลูกสาวเขา กลายเป็นว่าผมต้องเสียมิตรภาพไปอีกคนนึง”
เหมือน “กิ้น” ยังติดใจว่า “โอ๊ต” ไปคุยกับคนอื่น?
“คือยังงี้ครับเรื่องที่ผมทะเลาะกับเขาหรือว่าเจ้าชู้มันผ่านมาหลายปีแล้ว ผมก็ยอมรับและผมก็บอกตลอด เวลาผมไปออกรายการผมก็บอกว่าผมไม่ใช่คนดี ผมก็เคยเละเทะ ผมก็เคยนอกใจ ผมก็เป็นมนุษย์ ผมเป็นผู้ชาย ผมเจ้่าชู้ผมก็ยอมรับ อีกอย่างถ้าจะมาถามหาความสมบูรณ์แบบจากมนุษย์อย่างผม ผมก็ไม่มีความสมบูรณ์แบบให้ไง ผมก็เป็นแค่คนตลก คนกะล่อนนั่นนี่ แต่ที่ผมเลิกกับเขา ผมไม่ได้มีคนอื่น และอย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง มันเป็นเรื่องของคนสองคน ผมก็ไม่คิดว่าคนเลิกกันสองคนมันจะเดือดร้อนกันทั้วประเทศ สนุกปากเลย”
ยังรักเขาอยู่มั้ย?
“ผมยังรักและยังเป็นห่วงเขาอยู่เสมอครับ ผมเสียใจมากที่มีคนมาคอมเม้นท์ด่าผมว่าดัง มีเงินแล้วก็ทิ้งเขา ผมจะบอกให้นะ 11 ปีที่ผ่านมาผมดูแลเขาอย่างดีที่สุด ชีวิตผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย ผมดูแลเขามาเป็นอย่างดี ฉะนั้นผมคิดว่าผมทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุดแล้ว”
มีโอกาสกลับมาคุยกันใหม่มั้ย?
“คือตอนนี้ปัญหาไม่ใช่ผมแล้ว ปัญหามันเป็นเรื่องที่บ้านแล้ว แม่ผมอายุ 70 แม่ผมไม่ได้เล่นโซเชียลเลย แต่มีคนเอาข่าวไปให้แม่ผมอ่าน มีคนเอาคอมเม้นท์ไปให้แม่ผมอ่าน คิดดูคนอายุ 70 มานั่งอ่านคอมเม้นท์คนมารุมด่าลูกชายทั้งๆ ที่แค่เลิกกับแฟน ถามว่าถ้าพี่เป็นแม่ผม พี่จะเสียใจมั้ยล่ะ ผมไปทำอะไรให้คนเดือดร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไปขับรถชนคนเหรอ ผมแค่เลิกกับแฟน และเลิกก็ด้วยเหตุผลส่วนตัว ก็ถ้าพี่อยากให้กำลังใจ พี่ไปให้กำลังเขา แต่ถ้าพี่อยากด่ามาด่าที่ผม แต่อย่าด่าถึงพ่อถึงแม่ผม อย่าด่าถึงครอบครัวผม บางคนไปเอาเรื่องครอบครัวผมมาด่า บางคนด่าว่าไอ้อ้วน อัปลักษณ์ หน้าเหมือนหมีควายแล้วยังมั่นใจในตัวเอง โอ้โห! แต่คนอย่างผมโดนด่ามาทั้งขีวิตอยู่แล้ว อะไรก็ได้ด่าผมเลย แต่อย่าด่าแม่ผม อย่าไปทำร้ายคนที่ผมรัก อย่าไปด่าเขา อย่าไปด่าคนที่สาม อยากด่าก็ด่าผมเท่านั้นเอง”
เหมือนตอน “โอ๊ต” กับแฟนเก่าตัดขาดกันเลยมั้ยหรือจะรอให้เขาใจเย็นลงก่อน?
“ตอนนี้ก็คงจะต้องห่างๆ กันก่อน แต่ตอนที่เลิกกันก็ยังไม่ตัดขาดนะ ผมก็ยังคุยกับน้องชายเขา กับน้องชายเขาเราก็ทำธุรกิจร่วมกันทำร้านอาหารด้วยกัน มันกลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำด้วยกันทั้งหมดมันต้องชะงักทั้งหมดเพราะมันมีข่าวขึ้นมา มันก็ทำให้กระทบกระทั่ง ทีนี้มันก็เป็นเรื่องของครอบครัวแล้วล่ะ ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว ผมยังไงก็ได้ ผมโดนด่ามาทั้งชีวิตอยู่แล้ว ผมรับสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ที่ผมเป็นห่วงคือผมเป็นห่วงเขาและผมยังเป็นห่วงเขาตลอด อะไรที่ผมทำได้ อะไรที่ผมรับผิดชอบได้ ผมก็ยังคุยกับน้องชายเขาว่าอะไรที่เราทำได้อะไรที่เราช่วยได้ก็ให้บอกเรา เราก็จะทำให้เต็มที่ เพราะเขาก็คือพาร์ทหนึ่งของชีวิตเราที่เคยผ่านอะไรมาด้วยกันเป็นสิบปี”
คนมองว่าเพราะดังเลยทิ้งแฟน?
“เอาอย่างนี้ ที่ผมทำงานทุกวันนี้ผมไม่ได้แคร์เรื่องตัวเงินเลยนะ ผมเลิกทำงานไปธุรกิจที่บ้านผม ผมก็ไม่อดตายอยู่แล้วครับ ผมทำทุกวันนี้เพราะอยากให้ทุกคนมีความสุข ผมเอาความสุขเป็นที่ตั้งเลย ผมอยากให้คนดูรายการผมมีความสุข ยิ้ม หัวเราะ เรื่องตัวเงินเป็นเรื่องรองเลย ฉะนั้นเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นในวันนี้มันก็มีความดีในความไม่ดีอยู่ตรงที่ว่า ต่อจากนี้ไปมันก็จะคัดกรองได้ว่าคนที่ยังติดตามผมอยู่คือคนที่รักผมจริงๆ คือคนที่รักในผลงานของผม ไม่ได้รักผมแค่ฉาบฉวยหรือจะรอว่าวันนึงอยากจะด่าผม มันก็จะกรองทุกอย่าง”
กลัวเลยมั้ยเวลาสาวๆ เข้ามา?
“เนี่ยน้องๆ เดอะสตาร์จะเข้ามานั่งใกล้ผม ผมยังบอกเลยว่าช่วงนี้อย่ามาใกล้พี่มาก กฐินพี่เยอะแล้วช่วงนี้ กลายเป็นผมต้องระวังตัวมากขึ้นในการที่ผมจะเข้าไปหาคนอื่นหรือทำงานกับคนอื่น เวลาผมทำงานผมให้เกียรติทุกคนนะ ผมไม่ได้ให้เกียรติแค่เพื่อนร่วมงาน สเตจ ช่างไฟผมให้เกียรติหมด กลายเป็นว่าผมก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นไปอีก ต่อไปนี้ผมคงไปกินข้าวกับใครสองคนไม่ได้แล้ว เพราะผมกลัวคนนั้นจะโดนด่า”
ต่อไปจะวางแผนเรื่องหัวใจความรักเรายังไง?
“ผมทำงานอย่างเดียวเลยครับ ผมโฟกัสเรื่องงาน อยากทำทุกอย่างให้เต็มที่ ตอนนี้ก็ขอเวลาให้ตัวเองหน่อย เพราะผมก็ยอมรับว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับหลายวันนะ คือคนเลิกกับแฟนก็ช้ำอยู่แล้ว ยังมาโดนด่าอีก ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ไม่เคยอยู่ในชีวิตผมเลยแต่มาพิมพ์ด่าเหมือนนอนเสื่ออยู่ข้างๆ เตียงผม ผมก็เสียใจครับ แต่เอาเถอะเกิดมาเพื่อโดนด่า”
อยากจะบอกอะไรกับแฟนคลับที่เขายังเชื่อในตัว “โอ๊ต” ?
“ทุกอย่างมันมีเหตุผลเสมอครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผมอยากเลิกก็เลิกก็ไม่ใช่ มันผ่านการกรั่นกรองแล้วว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง ผมอยากให้ทุกคนแยกให้ออกว่าเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน หน้าที่ของผมคือเป็นกรรมกรแห่งความสุข ก็ทำต่อไป แบกปูน แบกหิน สร้างความสุขให้ทุกคน ให้ทุกคนได้เห็นงานที่ผมทำ ฉะนั้นก็ขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ”
สถานะตอนนี้คือโสด?
“โสดครับ” :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน
