ทำเอาแฟนคลับตกใจไม่น้อย เมื่อ “ป๋าเต็ด ยุทธนา” เจ้าพ่อคอนเสิร์ตและกูรูเพลงไทย วัย 51 ปี ถูกหามส่งโรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท กะทันหัน หลังเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ต.ค. 61 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ 15 ต.ค. 61 “ป๋าเต็ด” พร้อม “นายแพทย์ไพฑูรย์ จองวิริยะวงศ์” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจถึงอาการป่วยครั้งนี้ โดยป๋าเต็ดเล่าเหตุการณ์ตอนที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่บ้าน และเกิด อาการแน่นหน้าอก มีเหงื่อออกมาก มีอาการบ้านหมุน จุกหน้าอกจนต้องโทรหาเพื่อนที่เป็นหมอ ซึ่งเพื่อนแนะนำให้ไปตรวจดูคลื่นหัวใจที่โรงพยาบาลโดยด่วน
แต่ตอนนั้นรู้สึกตัวว่าไม่ไหว ไม่มีแรง ภาพที่เห็นคือมันมืดๆ จนต้องตระโกนเรียกภรรยาพาไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งบ้านอยู่สุขาภิบาล3 ซึ่งก็ไกลจากโรงพยาบาลมาก แต่ด้วยความที่ติดวันหยุดยาว รถจึงโล่ง ทำให้เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
เจ้าตัวเล่าต่อว่า ตอนแรกที่ถูกเข็นเข้าไปตรวจ ในหัวตอนนั้นคิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ผลตรวจปรากฎว่า เกิดอาการ “กล้ามหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” ซึ่งอาการนี้แพทย์ให้ข้อมูลว่า เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร สูบบุหรี่ เจ้าตัวยอมรับว่าพื้นฐานของ ตนเป็นคนที่ สูบบุหรี่ และ มีโรคประจำตัวคือ ความดันสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง และเบาหวานอยู่แล้ว จึงทำให้เสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดอาการนี้สูงตามไปด้วย
ในระหว่างเข้ารับการรักษา เจ้าตัวบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะเขาถูกส่งตัวไปต่อที่ห้อง “สวนหัวใจ” เพื่อเตรียมทำบอลลูนหัวใจ โดยคุณหมอได้เจาะส่งบอลลูนผ่านเส้นเลือดใหญ่ ทางด้านขาหนีบขวา โดยใช้เวลาผ่าตัดเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นความโชคดีของชีวิตที่รอดจากการเจ็บป่วยครั้งนี้ได้ และกลับมาคิดได้ว่าชีวิตเข้าใกล้ความตายมากที่สุด และรู้สึกเป็นห่วงคนข้างหลังทั้งภรรยา และ ลูก หลังจากนี้ป๋าเต็ดตั้งใจจะกลับลมารักษาสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อ 5 – 6 ปี ก่อน ก็เคยป่วยมาลักษณะนี้แล้ว แต่เป็นคนที่ละเลย และ เลือกที่ตามใจตัวเอง จนมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้มองอนาคต และ คิดที่จะรักษาชีวิตตัวเองไว้เพื่อครอบครัวดีกว่า
ให้คำสัญญากับตัวเองว่า จะเลิกกินขาหมูติดมัน และ กากหมูในก๋วยเตี๋ยว พร้อมกับลดเรื่อง บุหรี่ ด้วย
“นายแพทย์ไพฑูรย์ จองวิริยะวงศ์” แพทย์เจ้าของไข้เผยว่า ถ้าเกิดอาการแบบนี้แล้วคนไข้ไม่ได้รับการรักษาภายใน 60 ชั่วโมง มีโอกาสเสียชีวิตได้ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องแนวทางการรักษานั้น อนุญาตให้กลับบ้านได้ วันพฤหัสบดีที่ 18 ต.ค. นี้ และแนะนำว่าให้ดูแลสุขภาพร่างกายรวมถึงการควบคุมอาหารด้วย.- ไนน์เอ็นเตอร์เทน