จากกรณี นางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 40 ปี นักธุรกิจ แจ้งความจับนางอุไร ฉิมหลวง หรือ “นกน้อย อุไรพร” อายุ 61 ปี หมอลำชื่อดังวงเสียงอิสาน เบี้ยวหนี้ 3.8 ล้านบาท หลังยืมโฉนดที่ดิน 33 ไร่ มูลค่า 49 ล้านบาท ไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ ผ่านไปเกือบ 3 ปี ยังไม่ได้โฉนดคืน และไม่มาตามนัดเคลียร์หนี้คืนโฉนดตามนัด ทั้งที่นายทุนได้ยอมไกล่เกลี่ย ลดหนี้ให้เหลือ 2.1 ล้านบาท ทำให้คู่กรณีต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับอเมริกาเป็นครั้งที่ 6 โดยวานนี้ (8 ต.ค.61)ทางตำรวจนัด ได้นัดให้นกน้อยฯ มาพบ ซึ่งตลอดทั้งวันมีผู้สื่อข่าวรอทำข่าว ไม่ปรากฎร่างของนกน้อย แต่กลับมาพบตำรวจช่วงเย็น หลังไม่มีผู้สื่อข่าวอยู่ที่โรงพักแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ “นกน้อย อุไรพร” พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดี ตามหมายเรียกที่ให้มาพบ ในวันที่ 8 ตุลาคม เวลา 10.00 น.
โดยทางนกน้อยฯ ให้ปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” รับว่าเป็นการร่วมลงทุนด้วยกัน ซึ่งวันนี้ (10 ต.ค.61) ทางนกน้อยจะเดินทางไปทำการแสดงที่ จ.นครพนม
ต่อมาเวลา 14.00 น. วันนี้คู่กรณี นางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 40 ปี นักธุรกิจ เจ้าหนี้ของ นกน้อย อุไรพร ได้เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อนำเอกสารหลักฐานให้กับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งให้ปากคำเพิ่มเติมอีก โดยการสอบปากคำใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นได้เข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอทราบแนวทางการดำเนินการ หลังจากที่ทาง นกน้อย มาพบพนักงานสอบสวน แล้ว
ก่อนให้สัมภาณ์ว่า วันนี้มาตามข่าวที่แม่นกน้อยเข้าพบตำรวจเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ให้ปากคำกับตำรวจบอกว่า เป็นการร่วมลงทุน ทั้งที่ไม่ได้ที่ว่าจะร่วมลงทุน ตนเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ถ้าจะร่วมลงทุนทำไมต้องหอบเงินไปให้เขา
“เมื่อร่วมลงทุนแล้ว ทำไมเขาต้องมารับสภาพหนี้ เรามีหลักฐานทุกอย่าง ที่เราจะนำไปใช้ในชั้นศาล รวมทั้งคลิปเสียง หลักฐานต่างๆ เรามีหมด ต่อไปก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปก่อน ให้ทางตำรวจดำเนินตามขั้นตอน ที่คงต้องฟ้องร้องกันไป หากเขามาปฏิเสธอย่างนี้ โดยเรากก็ต้องยอมเสียเวลา ทั้งเสียความรู้สึกมาก ๆ แม่นกน้อยก็เป็นคนใจบุญชอบทำบุญ แล้วทำไมคนที่เคยมีบุญคุณกับเขา กลับมาทำกันขนาดนี้ ทุกอย่างรู้อยู่แก่ปาก อยากอยู่แก่ท้อง 4 ปีแล้วที่เราทวงคืน เราทวงเองยังไม่ได้ ทั้งที่คนต่าง ๆ รอบข้างทุกคนก็รู้กันหมด แล้วยังมาปฏิเสธไม่ได้เอาเงินไป“
นางสุดารัตน์ฯ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้โลกโซเชียลไม่มีคนโง่แล้ว พร้อมสาบานต่อหน้าพ่อปู่ศรีสุทโธ ว่าถ้าตนพูดความจริงของให้เจริญขึ้น ถ้าพูดปดขอให้มีอันเป็นไป หรือหากใครโกหกก็ขอให้มีอันเป็นไปในเร็ววัน เพราะตนบริสุทธิ์ใจ
ด้าน พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ความจริงเรื่องนี้น่าจะไกล่เกลี่ยได้ทั้ง 2 ฝ่าย แต่หากทางผู้เสียหาย ต้องการที่จะฟ้องคดีแพ่ง สามารถใช้หลักฐานต่างๆ ที่มี ดำเนินการฟ้องเองได้ :- สำนักข่าวไทย