เมื่อเข้าสู่ช่วงหนึ่งของมนุษย์วัยทำงาน จากร่างกายที่เคยแข็งแรงมากถึงไหนถึงกัน ทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่หลับไม่นอน แถมปาร์ตี้ต่อก็ยังไหว เพราะ “ใจ” กำลังคึกเต็มที่ “ไฟ” ในตัวลุกโชน แต่พอเวลาผ่านไป ต่อให้ใจอยากจะโหมทำทุกอย่างตามต้องการ แต่สัญญาณเตือนภัยจาก “ร่างกาย” กลับดังสนั่นว่าให้ “หยุด” แล้วหันมาใส่ใจตัวเองบ้าง คนดังในวงการบันเทิงบ้านเราก็เช่นเดียวกัน ต้องประสบกับ “โรคภัย” ที่ไม่อยากเจอ มีทั้งโรคที่เกี่ยวข้องกับ “ร่างกาย” และ “จิตใจ”
รายล่าสุดกับกับสาว “ออม สุชาร์” ที่โหมงานหนักทั้งในไทยและแดนมังกร จนเกิดอาการ “วูบ” เป็นลมล้มพับ และต้องหามส่งโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งทั้งในงานอีเว้นท์ และที่กองถ่ายละคร โดยสาเหตุของปัญหาดังกล่าว นางเอกไซส์มินิออกมาเปิดใจว่าเกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติของโรค “Panic Disorder” หรือ “โรควิตกกังวลขั้นรุนแรง” จนทำให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ เหงื่อออกมือ เพราะระบบอัตโนมัติในร่างกายเราทำงานโดยที่ไม่ต้องมีสิ่งกระตุ้น จนวูบอย่างที่ทุกคนเห็น ซึ่งสาวออมกำลังรักษาตัวด้วยการกินยาตามหมอสั่งอย่างต่อเนื่อง
ด้านสาว “แตงโม นิดา” ทำงานในวงการบันเทิงมานานร่วม 20 ปี ผ่านงานแสดงมาแล้วเกือบทุกรูปแบบ ก่อนหน้านี้ “แตงโม” ยอมรับว่าป่วยเป็นโรค “ซึมเศร้า” ก่อนจะเยียวยาตัวเองจนทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น ล่าสุดนักแสดงสาวประกาศพักงานเพราะ “ร่างกาย” ส่งสัญญาว่า “ไม่ไหว” ออกมาเตือน พร้อมรับป่วยเป็นโรคเดียวกับสาว “ออม สุชาร์” (Panic Disorder) และอีกหนึ่งโรคล่าสุดคือ “ต่อมหมอกไตล้า” ที่นักแสดงสาวรับว่ากระทบต่อการใช้ชีวิตมาก เพราะเกี่ยวกับฮอร์โมนของผู้หญิงที่ปกติจะถูกผลิตขึ้นมาเพื่อจัดการกับระดับความเครียดในร่างกายเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ แต่ฮอร์โมนตัวนี้ในร่างกายของสาวแตงโมต่ำ ทำให้เครียดง่าย สาเหตุเพราะทำงานหนักติดต่อกัน เหนื่อยแล้วไม่พัก หลับนอนไม่เป็นเวลา ที่สำคัญส่งผลกระทบต่อความจำด้วย
ไม่ต่างจากนักร้องรุ่นใหญ่ “ต้อม ไกรวิทย์” ซึ่งออกมายอมรับว่าป่วยด้วยโรค Panic Disorder เช่นเดียวกันแถมเป็นมาเกือบ 3 ปี ที่สำคัญโรคนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโรค “ซึมเศร้า” ซึ่งนักร้องรุ่นใหญ่ ยอมรับว่ามีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ตนยังต้องพบแพทย์และทานยาคลายเครียดอยู่อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งอ่านหนังสือธรรมะช่วย และทำงานให้น้อยลง
โดยโรค Panic Disorder เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ (automatic nervous system) ทำงานผิดปกติไป การรักษาที่ได้ผลดีและตรงกับสาเหตุคือการรับประทานยา เพื่อช่วยปรับสมดุลการทำงานของสารเคมีในสมอง จนอาการเหล่านี้หายไปได้ (บทความส่วนหนึ่งโดย พญ.นิดา ลิ้มสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์)
ส่วนเหล่านักแสดงที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชีวิตส่วนตัวและการทำงานจนกลายเป็นโรค “ซึมเศร้า” มีทั้งที่รักษาจนหายแล้ว และที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ อาทิ “แคทรียา อิงลิช” , “ทราย เจริญปุระ” , “พลอย เฌอมาลย์” , “ทีเจ – จิรายุทธ ผโลประการ” , “แวร์ โซว” , “เจ เจตริน” , “เอิน กัลยกร” ฯลฯ ด้านโรค “ไบโพลาร์” หรือ “โรคอารมณ์ 2 ขั้ว” ร็อกใจสั่งมา “เสก โลโซ” ก็ป่วยเป็นโรคนี้มานานนับ 10 ปี แต่ไม่หายเพราะไม่ติดตามรักษาอย่างต่อเรื่อง ล่าสุดเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลหลังรักษานานร่วม 1 เดือน เตรียมกลับมารับงานคอนเสิร์ตอีกครั้ง
ในชีวิตการทำงานนอกจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อความสำเร็จแล้ว บางครั้งสิ่งที่นำมาซึ่งความสุขแท้จริง อาจหมายรวมถึงการมี “สุขภาพ” ดีทั้งกายและใจด้วย อย่าลืมแบ่งเวลาเพื่อดูแลใส่ใจ “ตัวเอง” :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน