ทำเอาช็อกโซเซียล เมื่ออดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก “สมรักษ์ คำสิงห์” และภรรยานางเสาวนีย์ คำสิงห์ มีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่องคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยระบุว่า บ. บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ จำเลยที่ 1 นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 2 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลย
ทั้งนี้อธิบดีกรมบังคับคดี ระบุสมรักษ์และภรรยา ยังไม่ถือว่าเป็นบุคคลล้มละลาย เพราะเป็นเพียงขั้นตอนพิทักษ์ทรัพย์สิน ยังไม่มีคำตัดสินของศาล ซึ่งในขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายเปิดโอกาสให้ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์สามารถขอประนอมหนี้กับฝ่ายเจ้าหนี้ได้ ในวันที่ 25 ก.ย.นี้
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวได้เจอตัว “เบสท์ – รักษ์วนีย์ คำสิงห์” ลูกสาว “สมรักษ์ คำสิงห์” ยอมรับรู้สึกตกใจเมื่อทราบข่าว ซึ่งตอนนี้คุณพ่อกำลังเคลียร์ตัวเอง รวมถึงกระแสข่าวเรื่องที่สมรักษ์อาจต้องออกจากราชการ ที่มีตำแหน่งเป็นนายทหารประจำกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กองทัพเรือ (ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์) หรือไม่นั้น เบสท์เผยว่าเรื่องนี้ ยังไม่ได้ถูกให้ออกจากราชการ แต่ทั้งหมดตนไม่แน่ใจ ซึ่งเท่าที่ทราบการจะถูกให้ออกจากราชการต่อเมื่อทำให้ “กรมทหารเรือ” เสียหาย แต่กรณีนี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้กระทบกับงาน และคุณพ่อกำลังเข้าไปอธิบายให้ทางกรมเข้าใจ ซึ่งตอนนี้พ่อยังทำงานตามปกติ
ก่อนเผยต่อว่าส่วนตัวไม่ทราบเรื่องในรายละเอียดล้มละลาย รู้แค่ว่าเป็นเรื่องธุรกิจที่คุณพ่อเคยทำตั้งแต่ตอนที่ตนเป็นเด็ก ออกปากพ่อมาบอกว่า คนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาขอโทษพ่อแล้ว
“สถานการณ์ในครอบครัวปกติ ถามว่าที่มีข่าวมันรุนแรงมั้ยก็รุนแรง มันก็ทำให้ช็อกไปนิดหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมาปกติ ตอนนี้ก็ให้กำลังใจกันมากกว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมารายได้ในครอบครัวก็มีช็อตบ้าง ถามว่าจะไปประนีประนอมกับเจ้าหนี้ไหม เรื่องนี้เราไม่รู้เหมือนกัน ในฐานะเป็นลูกคงช่วยได้ในการทำงาน ถ้าช่วยได้ก็อยากจะช่วยพ่อ อยากจะเป็นกำลังหลักให้กับครอบครัวอีกแรงหนึ่ง เพราะอายุ18ปีแล้ว ถ้าได้มาเป็นเสาหลักมันก็ดีในอนาคต” เบสท์เผย
ก่อนย้ำที่ผ่านมาครอบครัวมีฐานะปานกลาง และรู้ว่าพ่อเป็นคนจริงใจกับคนอื่น และกลับมีเพื่อนพ่อบางคนที่หวังร้าย “เราไม่รู้จะอธิบายยังไง ตัวเราไม่รู้อะไรลึกขนาดนั้น แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือคุณพ่อเป็นคนจริงใจและเป็นคนแมนจริงๆ แต่พอเราจริงใจไปแล้วเรากลับได้คนไม่จริงใจกลับมา คุณพ่อก็เป็นคนสู้ คือพ่อหนูแมนมาก ถามว่าเรียกว่าพ่อเราโดนหลอกใช่มั้ย เราไม่รู้ว่าจะเรียกแบบนั้นได้มั้ย แต่ในมุมของเราเรียกแบบนั้นได้ เหมือนโดนเพื่อนหักหลัง ไม่รู้ว่ามันแรงไปมั้ย” เบสท์กล่าว
พร้อมย้ำเรื่องทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับครอบครัวฟุ้งเฟ้อ เพราะคุณแม่เป็นคนเคี่ยวเรื่องเงินมาก จึงยากที่จะใช้เงินฟุ้มเฟือย รับคุณแม่เครียดมากกว่า กังวลจะทำอย่างไรต่อไป แต่ “คุณพ่อยังยิ้มได้” :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน