“นกน้อย อุไรพร” โต้ข่าว! ตกอับยืมโฉนดที่ดินจำนอง ยันแค่ร่วมลงทุน

หลังเกิดกรณีที่นางสุดารัตน์ ภูผานี วัย 46 ปี เดินทางเข้าแจ้งความ ที่ สภ.อุดรธานี ให้ดำเนินคดีหมอลำระดับตำนาน “นกน้อย อุไรพร” วัย 60 ปี เจ้าของคณะหมอลำชื่อดัง “เสียงอิสาน” ฐานยืมโฉนดที่ดิน 33 ไร่ มูลค่าสูงถึง 49 ล้านบาทไปจำนองกับเจ้าหนี้นอกระบบแลกกับเงิน 3.8 ล้านบาท แค่ 2 เดือนเพื่อนำมาเปิดวงเดินสายแสดง แต่ผ่านมาเกือบ 3 ปี ยังไม่ได้รับโฉนดคืน ล่าสุดได้ติดต่อจะคืนเงิน จึงต้องเดินทางมาจากอเมริกา สุดท้ายไม่ได้เงินแถมติดต่อไม่ได้ จึงมาแจ้งความดำเนินคดี ส่วนหมอลำดังปิดบ้านเงียบไม่พบสื่อมวลชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุดบ่ายวันนี้ ( 25 ส.ค.2561) “นกน้อย อุไรพร” ได้เปิดบ้านเลขที่ 55 บ.หนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ยอมรับตนรู้จักกับคุณสุดารัตน์จริง เพราะเคยมาจ้างงานคณะเสียงอิสาน และต่อมามีการพูดคุยเพื่อร่วมลงทุน ด้วยการจัดตั้งบริษัทของนางสุดารัตน์ รับจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ รวมถึงการจ้างงานของคณะเสียงอิสานด้วย  ซึ่งบางงานอาจจะมีการขาดทุนบ้าง แต่ถ้าอีกฝ่ายร้อนเงินทางคณะแม่นกน้อยก็จะดูแล เรียกว่าเข้า-ออกที่นี่เหมือนคนในครอบครัว 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วนำไปสู่เรื่องจำนองที่ดินได้อย่างไร แม่นกน้อยเปิดใจว่า คุณสุดารัตน์ได้นำที่ดินไปกู้ยืมเพื่อนำเงินมาเปิดบริษัท แต่ยังไม่มีการเคลียร์กันจบว่า ใครต้องจ่ายใครเพิ่มหรือต้องทอนเงินให้กันเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยไปยืมโฉนดที่ดินใครแน่นอน และในสัญญากู้ยืมเงินก็ไม่มีชื่อของตน รวมถึงการเปิดบริษัทครั้งนี้ไม่ได้มีชื่อของแม่นกน้อยร่วมเป็นหุ้นส่วน  โดยเฉพาะเรื่องไปทำสัญญาขายฝากกับนายทุน เรื่องนี้แม่นกน้อยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง คู่สัญญาที่ทำขายฝากเป็นการทำระหว่างนางสุดารัตน์ฯ กับทางผู้รับซื้อฝาก ทางแม่นกน้อยไม่ได้เป็นผู้รับมอบอำนาจ หรือลงลายมือชื่อในนิติกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น โดยการทำสัญญาขายฝากก็ไปทำที่ สนง.ที่ดิน และถึงวันนี้สัญญาขายฝากก็ยังไม่สิ้นสุด ที่สามารถไถ่ถอนได้ 

ซึ่งหลังจากเกิดเป็นข่าวใหญ่ยังไม่มีการติดต่อจากอีกฝ่าย แต่ในวันจันทร์ (27ส.ค.2561) ทนายความจะเดินทางไปยัง สภ.อุดรธานี และจะมีการไกล่เกลี่ยหรือไม่ ขอยกให้เป็นหน้าที่ของทนายความ  ส่วนการที่นางสุดารัตน์ มาแจ้งความดำเนินคดีกับแม่นกน้อย ข้อหา “ฉ้อโกง” ถือว่าไม่ใช่ความจริง เพราะเงินที่ร่วมลงทุนกัน แม่นกน้อยมีการโอนเงินรายได้ไปให้นางสุดารัตน์ โดยมีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน การกล่าวหาดังกล่าว ทำให้วงเสียงอิสานและแม่นกน้อย ซึ่งทำความงามความดีให้กับประเทศชาติ ทำให้เสียหายจากเรื่องเล็กที่เป็นข่าวใหญ่  เสียหายเป็นอย่างมาก อาจจะมีการฟ้องกลับนางสุดารัตน์ 

แต่สำหรับเงินก้อนจำนวน 3.8 ล้านบาทนั้น แม่นกน้อยยอมรับว่า เพิ่งได้รับจากนางสุดารัตน์จริงแต่เงินจำนวนนี้จะต้องมาคุยกันอีกครั้งว่า ระหว่างจัดจ้างคณะเสียงอิสาน งานนั้นขาดทุน งานนี้กำไรหรือที่โอนกันไปนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องหักลบกลบหนี้กันทางบัญชีเพราะเป็นส่วนที่ร่วมลงทุน ทนายความยังเสริมต่ออีกว่าถ้าจะแจ้งความน่าจะต้องไปทางแพ่ง แต่นี่เป็นการแจ้งความในคดีอาญาทำให้ชื่อเสียงของแม่นกน้อยเสียหาย

ส่วนสภาพจิตใจของสมาชิกวง ตอนนี้ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับมากมาย พร้อมยืนยันยังดำเนินกิจการเหมือนเดิม ไม่มีการยุบวง ไม่ล้มวง ยังมั่นคงและตนจะทำให้คณะเสียงอิสานยิ่งใหญ่กว่าเดิม ขณะที่บริษัทท็อปไลน์ มิวสิคก็มาร่วมยืนยันว่าคณะเสียงอิสานยังเปิดรับงานแสดง ไม่มีการล้มวงแน่นอนแม้จะมีข่าวแง่ลบออกมา  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ กับ “นกน้อย อุไรพร” ทั้งสิ้น  ส่วนอนาคตจะยังร่วมธุรกิจกับคุณสุดารัตน์ต่อไปหรือไม่ ยังตอบไม่ได้จริงๆ ขอรอเจรจากันก่อนเพื่อให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี  :-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 

เข้าชม 71 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม