นางเอกสาว “ปู ไปรยา” หลังไปทำงานโกอินเตอร์จนได้พบรักกับหวานใจหนุ่มตาน้ำข้าว “แมทธิว บราก” เลยออกปากว่าคิดเรื่องแต่งงาน แต่ไม่อยากพูดเล่น เพราะเป็นคนจริงจังกับความรักมาก และถ้าแต่งก็ไม่อยากหย่า รวมถึงเรื่องของการพัฒนาฝีมือการแสดงที่สาวปูทุ่มเทหนักกับละครเรื่องล่าสุด ถึงกับเครียดและต้องเข้าโรงพยาบาล
“เครียด เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ ปกติในฐานะนักแสดงปูยอมรับว่าปัญหาของปูจะเป็นปัญหาของตัวละคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ปัญหาของตัวในละครกลับมาเป็นปัญหาของชีวิตปู ปูกลับบ้านแล้วปูคลายไม่ออก เพราะตัวละครเขาค่อนข้างมีความแค้น อาฆาต และเครียดสูง ตอนเด็กๆ ที่ปูแสดง ปูไม่เคยมีความรู้สึกพวกนี้ แต่ตอนปูโตปูมีนะ หวง หึง ฆ่า แค้น ครบ มีทุกอย่างเลย จึงเข้าใจว่าตัวละคร ทุกคนมีด้านมืด ปูก็มีด้านมืด”
ครั้งนี้เครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ ?
“ปูเป็นความดันสูงค่ะ มันไม่ใช่แค่องค์ประกอบจากละครหรอก ปูว่าปูเดินทางเยอะ ทำงานเยอะ ไหนจะงานสังคมของปู หรืองานอื่นๆ อีก มันเต็มไปหมดเลย”
หลังจากนี้ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตยังไงบ้าง ?
“ไม่ปรับเปลี่ยน ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ปูทำงานเต็มที่อยู่แล้ว คนเราเกิดมาครั้งเดียวจะคิดอะไรเยอะ”
สาเหตุมาจากเครียดต่อเนื่อง?
“คือความรับผิดชอบปูก็มี ปูรับปากลูกค้าเอาไว้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ไม่ซีเรียส ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คุณแมทเขาเป็นห่วงเพราะเป็นช่วงที่ก่อนบินไปงานแต่งญาติเขา แล้วเราล้มเข้าโรงพยาบาลเลย เขาก็เป็นห่วงค่ะ แต่เขารู้ว่าปูเป็นคนที่ทำอะไรแล้วทำเต็มที่แล้วยังไงเขาก็เบรกไม่อยู่อยู่ดี ตอนนั้นเราอยู่กันคนละประเทศ ซึ่งปูอยู่เมืองไทย”
กังวลมั้ย?
“กังวลค่ะ แต่นี่ไม่ใช่รอบแรก เป็นรอบที่ 4-5 แล้วในปีที่ผ่านมา ก็ค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่เป็นไร สู้ค่ะ เป็นปีแรกที่เข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก ทั้งที่แข็งแรงดี ปูออกกำลังกายมาโดยตลอด ปูตื่นเช้าไปวิ่งเยอะ ตี 5 ก็ตื่นแล้ว แต่นอนเที่ยงคืน อาจจะนอนน้อยไป”
หมอให้ดูแลตัวเองยังไง?
“ปล่อยวางค่ะ ทำใจให้เย็นๆ บ้าง สบายๆ พักบ้าง อย่าเครียดมาก บางครั้งปูไม่รู้ตัวว่าตัวเองเครียด ถามว่าจะมีใครมาบังคับให้ปูทำตามอย่างเคร่งครัด มันไม่มีใครบังคับปูได้ ปูทำงานเซ็นสัญญาตั้งแต่อายุ 13 ตอนนี้ปูจะ 30 แล้ว เพื่อนปูไม่ได้มีเยอะ ครอบครัวก็ไม่ค่อยได้เจอ มีแต่งานแล้วก็สิ่งที่ปูรัก อาชีพของปู และแฟน มีอยู่แค่นี้ ถ้าจะไม่ให้ปูทำงาน มันเหมือนตัดหัวใจปู เพราะปูอยากทำ”
ทำงานเยอะ แล้วแพลนแต่งงานล่ะ?
“รอเขาขออยู่ค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ คือยังไม่มีแพลนค่ะ ตอนนี้เขาอยู่เมืองไทย มาช่วยปูทำงาน และมีโปรเจ็กท์ที่เขาอยากทำที่เมืองไทย เอาจริงๆ ก็มีการพูดคุยถึงเรื่องแต่งบ้าง แต่ปูยังอยากทำงานอยู่ ช่วงนี้น้ำขึ้นให้รีบตัก เพราะเราก็ไม่ได้จะมีงานทุกวัน กอบโกยในช่วงที่เราทำได้”
ถ้าเกิดเขาขอ?
“รอให้ขอก่อนสิ เดี๋ยวถ้าพูดเยอะแล้วไม่เป็นไปตามนั้นจะทำยังไง”
เขาช่วยเราทำงานยังไง?
“ช่วยทุกอย่าง ดูสัญญา ให้คำปรึกษา อยู่เคียงข้าง เราอยู่กันมา 2 ปีแล้ว เขาเป็นซัพพอร์ตที่ดี เราผ่านอะไรมาเยอะ รักข้ามทวีป สำหรับปูเขาคือคนที่ใช่ ครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายโอเคกับความสัมพันธ์ของเรา”
ครอบครัวเร่งเรื่องแต่งงานมั้ย?
“สมัยนี้การแต่งงานต้องใช้วุฒิภาวะสูง ไม่ใช่คำที่จะมาพูดกันเล่นๆ ปูเป็นผู้หญิงอยากแต่งงานแค่ครั้งเดียว ทุกคนรู้ดีว่าปูทุ่มเทกับความรักมาก ถ้าแต่งปูไม่อยากหย่า ปูไม่ได้พูดคำนี้เล่นๆ ไม่ได้คิดแค่เรื่องการจัดงาน การแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ทั้งชีวิต ปูไม่อยากใช้คำนี้มาสร้างกระแส นี่คือสิ่งที่ปูรอให้เกิดขึ้นมาทั้งชีวิต ถ้าเกิดขึ้นจริงก็อยากจะอยู่กับเขาทั้งชีวิต ปูรักคุณแมทมาก เขาเองก็รักปูมาก แต่เรารอโอกาสที่เรามีวุฒิภาวะ มีเวลาที่พร้อมกว่านี้ในการตัดสินใจอะไรที่ยิ่งใหญ่”
คิดว่า 2 ปี เร็วไปมั้ย?
“เร็วนะ บางคนปูยังเคยคบตั้งหลายปีเลย ต้องใช้เวลาอ่ะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรวัดได้ ปูรู้จักคุณแมทดี เขาเป็นคนดี ใจดี และเปลี่ยนแปลงตัวเอง มาอยู่เมืองไทย ซึ่งต่างจากชีวิตเขา”
นี่คือการซื้อใจเราใช่มั้ย?
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เขานั่งวินมอเตอร์ไซค์สบายเลย เขาชอบอาหารไทย เขารักประเทศไทยมาก ปูเป็นลูกครึ่งสวีเดน เขาก็เป็นลูกครึ่งสวีเดน”
ถ้าจะแต่งงานจริงๆเขาก็ต้องอยู่เมืองไทยมั้ย?
“ประชาชนไทยเจอเขาตามถนนก็ดีกับเขาหน่อยนะ(หัวเราะ) ไม่หรอกเขารักบ้านเมืองเขาอยู่ดี มันเป็นเรื่องในอนาคต เขายังไม่ปูภายในปี สองปีนี้หรอก”
ไปเดินพรมแดงที่เมืองคานส์ปีนี้เป็นไงบ้าง?
“กระแสตอบรับดีค่ะ ไปกับแบรนด์ de Grisogono เป็นปีที่ 2 ที่ได้ร่วมงานกับเขา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่เลือกให้เราไปอีกรอบ มีความสุขค่ะ วันแรกตื่นเต้น ใส่ชุดใหญ่ปกติปูไม่เคยใส่ชุดใหญ่ ปูไม่ค่อยมั่นใจ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยใส่ชุดใหญ่ วันที่สองใส่ชุดชิลไปเลย เพราะผู้ช่วยเขาหยิบรองเท้าคู่ผิดไป ปูเลยเลือกชุดนี้ก็สวยค่ะ”
ปีนี้ดาราไปเมืองคานส์กันหลายคนแล้วก็โดนวิจารณเรื่องชุดกันเยอะ แต่ “ปู” รอด?
“ปูว่าเรื่องพวกนี้มันคาดเดากันยาก ในฐานะคนคนหนึ่งเราอย่าไปพูดจาให้ใครเสียใจเลย การทำงานทุกวันเราคาดไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือกระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร ปูเดินออกจากบ้านใส่ชุดเดินไปกินข้าวกับแฟน เราก็ไม่รู้ว่าคนจะชอบชุดนี้ไหม แต่การพูดครั้งหนึ่งมันอาจจะทำร้ายคนๆ หนึ่งไปตลอดชีวิต บางครั้งปูมีทัศนะคติในหลายๆ เรื่อง แต่ปูจะบอกว่าความคิดเห็นเป็นสิ่งสำคัญน้อยที่สุดแต่ความเข้าใจและการกระทำสำคัญที่สุด อยากจะให้คนไทยมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่จำเป็นต้องทำร้ายความรู้สึกกัน เราเป็นชาวพุทธ การกระทำบุญ กรรม มันก็อยู่ตรงนี้ คำพูดควรที่จะระวัง ปูเคยอยู่ในจุดที่เคยวิจารณ์คน พอมองกลับไปบางครั้งคำพูดเราก็จะไปทำร้ายคนอื่นก็ดี และปูว่าทั้งสามคนนี้เขาก็นิสัยดี เป็นรุ่นพี่ปู” :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน