นักร้องชาวสีม่วงรุ่นใหญ่ “ต้อม-ไกรวิทย์” วัย 53 ปี เปิดใจถึงเรื่องเครียดหลัง ต้องต่อสู้กับอาการป่วย “โรคแพนิค” (panic attacks) คือโรควิตกกังวลอย่างหนัก ชอบคิดว่าตนเองป่วยตลอดเวลานานกว่า 3 ปี โดยทุกวันนี้นักร้องคนดังเผยว่าเวลาที่อยู่คนเดียวจะชอบคิดไปว่าตัวเองป่วยหนัก รวมถึงคิดมโนว่าตัวเองมีปัญหาชีวิตทั้งที่ยังไม่ได้เกิด ทำให้มีอาการมือไม้สั่นเกร็งชาจนต้องกินยาตามแพทย์สั่ง รวมถึงเข้ารับการปรึกษาทีมจิตแพทย์เพื่อดูแลรักษาโรคอย่างใกล้ชิด
“แค่ไปทำฟันแล้วฉีดยาชาก็ไม่ได้ เพราะว่าใจสั่นและตัวสั่นไปหมด รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ความดันขึ้นจนหมอต้องบอกว่า คุณไกรวิทย์ ถ้าคุณแพ้ยาชา ผมต้องฉีดยาแก้แล้วพาคุณส่งโรงพยาบาลแล้ว เพราะมันไม่ได้เป็น หมอจะสอนให้เราคุมสติมากขึ้น เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ถ้าเรายิ่งคิดและกังวลมากจะยิ่งมีผลต่อร่างกาย เลยต้องไปพบจิตแพทย์และทานยาคลายเครียดด้วย เพราะโรคนี้สามารถนำไปสู่อาการซึมเศร้าและทำร้ายตัวเองได้ เพราะมีวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นแล้วเราร้องไห้เกิดความคิดที่เป็นลบกับตัวเองตลอดเวลา ในตอนที่ผมเริ่มเป็นโรคนี้ใหม่ๆ จะวิ่งหาหมออย่างเดียวเลย จนได้รู้จักกับหลายๆ คนที่เป็นอย่างพี่แหม่ม (พัชริดา วัฒนา) ที่ให้คำปรึกษาว่าต้องพยายามคิดแต่สิ่งดีๆ เอาไว้ เพราะมันยาก แต่ต้องพยายาม” ต้อมกล่าว
ถามต่อว่ากลัวตัวเองจะคิดสั้นเพราะโรคนี้บ้างหรือไม่ นักร้องรุ่นใหญ่กล่าวว่า “กลัว” แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ไปถึงจุดนั้น บางครั้งจะมองแต่เรื่อง “ท้อ” อย่างเช่นเรื่องเพศภาพของตนว่าคนอื่นรับได้หรือไม่ โชคดีที่คนรอบข้างเข้าใจมาก “พ่อแม่” รับได้ ขออย่างเดียวคืออย่าทำตัวไม่น่ารัก
.
ส่วนข้อดีอย่างหนึ่งคืออาการของตนยังไม่หนักจนเข้าไปเชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้ามาก เพราะตนยัง “รู้ตัว” และเตือนสติตัวเองเสมอว่าต้องบังคับตัวเองให้ “ออกกำลังกาย” และคิดบวกไว้ด้วยการดูแลจิตใจให้มาก ถ้าเมื่อไหร่เริ่มคิดไปเองว่าจะไม่สบาย ต้องหากิจกรรมทำให้เร็วที่สุดเพื่อเบนความสนใจจากเรื่องที่กำลังหมกมุ่นอยู่ โดยนักร้องชาวสีม่วงรุ่นใหญ่จะกินยาคลายเครียดเพื่อบรรเทาอาการป่วย :- ไนน์เอ็นเตอร์เทน
