เปิดศาสตร์นางงาม! ทำไม “มารีญา” ถึงชวดมง จากกูรูตัวแม่

นับเป็นปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งของประเทศไทยที่สร้างทั้งความตื่นเต้นปนเสียดาย เมื่อมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 “มารีญา พูลเลิศลาภ”  ทำผลงานได้ดีที่สุดคือการเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายจากเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการให้กำลังใจจากคนไทยทั้งประเทศ เพราะปีนี้กระแสของสาวมารีญามาแรงมาก รวมถึงติดเกือบจะทุกโพลนางงามว่าต้องเป็นตัวเต็งสูสีกับ “เดมี่ ลีห์ เนล ปีเตอร์ส” เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2017 จากประเทศแอฟริกาใต้ 


ล่าสุดทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ได้โฟนอิน “หนุ่ม – ประเสริฐ” กูรูนางงามตัวแม่ผ่านรายการ “ตกมันส์บันเทิง” ทาง “ช่อง 9  MCOT HD”  ที่ออกมาวิเคราะห์แซ่บสนั่น มันส์ถึงใจ ถอดศาสตร์นางงามในปีนี้ออกมาว่า อะไรคือสิ่งที่มารีญาอาจพลาดไป และถ้าหากคนไทยอยากมีนางงามจักรวาลคนที่สามจะต้องทำอย่างไรบ้าง



โดยกูรูตัวแม่ตอบชัดว่า “เรื่องนี้ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้าย ในการประกวดนางงามระดับนี้ เพราะรอบนี้ความสวยงามทางกายภาพจะไม่ได้ถูกนำมาคิดเท่าไหร่ ใครที่เอาชนะความกดดันได้ คนนั้นจะทำผลงานออกมาได้ดีที่สุด เพราะเป็นการตอบคำถามผ่านกล้องท่ามกลางคน 600 ล้านคนที่ชมสดอยู่ และมีคณะกรรมการที่จับผิดและคอยให้คะแนนดูอยู่ด้วย  ซึ่งในฮอลล์มีคนนับพันแต่คนที่เชียร์ประเทศเราจริงๆ ก็มีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น”

ส่วนเรื่องกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมรอบ 5 คนสุดท้ายมารีญาถึงดูไม่มั่นใจ กูรูนางงามตัวแม่แสดงความเห็นว่า มารีญาอาจกดดันกับคำถาม เพราะถึงแม้ว่ามารีญาจะเป็นนางแบบตัวแม่ที่เดินแบบมาตั้งแต่อายุ 12-13 ปี แต่สำหรับวงการนางงาม มารีญาคือ “นางงามป้ายแดง”

“มารีญาไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองจะต้องเจอกับคำถามอะไร และไม่เคยต้องมาจับไมค์ตอบคำถามแบบนี้บ่อยๆ ส่วนที่คิดกันว่า คำถามที่มารีญาได้รับอาจจะยากหรือง่ายไปไหม สำหรับเราไม่ได้รู้สึกว่าคำถามยากหรือง่าย เพราะถ้าคำถามง่าย แต่เราตอบไม่ได้นั่นคือคำถามยาก แต่ถ้าคำถามยากแล้วเราตอบได้นั่นคือคำถามง่าย ดังนั้นความยากง่ายสำหรับเรา ไม่ได้เป็นประเด็นเลย”

นอกจากนี้ในเรื่องของทรงผมและชุดจากแบรนด์ดังอย่าง “อาซาว่า” ที่มีกระแสว่าอาจจะไม่ได้ทำให้มารีญาดูสวยโดดเด่นกว่านางงามประเทศอื่นๆ นั้น “หนุ่ม – ประเสริฐ” กล่าวว่า    

“เราไม่ใช่ดีไซเนอร์ เพราะออกแบบเสื้อผ้าไม่เป็น แต่จากการดูประกวดนางงามจักรวาลมานั้น คือเวทีประกวดนางงามส่วนใหญ่จะมืดอยู่แล้ว ดังนั้นชุดสีเข้มอาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ชุดของอาซาว่าชุดนี้สวยนะ แต่ถ้าเป็นเราหากจะเลือกให้นางงามประกวดในระดับนานาชาติ จะเลือกชุดสีสว่างหรือสีที่ทำให้นางงามใส่แล้วมีความโดดเด่น แต่ต้องบอกว่า สำหรับมารีญา ต่อให้เอาผ้าม่านมาคลุมตัว แล้วเดินออกไป ยังไงก็ต้องเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย เราเชียร์สุดใจ เพราะน้องเป็นคนที่มีองค์ประกอบดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าจึงเป็นเพียงองค์ประกอบอย่างหนึ่งเท่านั้น” 

ในเรื่องของชุดว่ายน้ำที่มารีญาใส่วันพีซ ไม่ใส่ทูพีซนั้น กูรูตัวแม่กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่มีผลอะไร เพราะมารีญาผ่านเข้ารอบดังกล่าวไปเรียบร้อย และมารีญาเป็นคนมีรูปร่างเป็นนางแบบคือมีช่วงตัวยาว  ไม่ได้มีสะโพกเย้ายวนใจเหมือนนางงามพิมพ์นิยม เพราะฉะนั้นการใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซอาจจะเป็นการปกปิดจุดด้อย เพื่อให้เห็นจุดเด่นได้มากกว่า

ทั้งนี้กูรูตัวแม่ ยังเผยถึงการที่ “เดมี่-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส” สาวงามจากประเทศแอฟริกาใต้ คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สในปีนี้ไปครองน่าจะเป็นเพราะ “เดมี่” เป็นตัวเต็งมาตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าจะมีช่วงที่สะดุดไปในรอบ “Preliminary” ทำให้หลุดโพลจากตัวเต็ง แต่ตนเชื่อว่ายังไงสาวคนนี้ต้องเข้ารอบแน่นอน 

“นางงามแอฟริกาใต้คนนี้เป็นคนที่มีใบหน้าสวยมาก อาจจะเรียกได้ว่าเป็นใบหน้าแบบจักรวาลก็ว่าได้ เพราะทุกปีที่ผ่านๆ มา จะต้องคัดเลือกผู้หญิงใบหน้าแบบนี้เข้ามาทุกปี  รวมถึงตัวเดมี่ยิ่งจับไมค์พูดยิ่งสวย พูดไปยิ้มไป มีความเป็นธรรมชาติในการตอบคำถาม รวมถึงนางงามจาก “จาไมก้า” ด้วย เขาพูดแล้วมั่นใจในทุกๆ คำ มีการเน้นทุกคำที่พูด รวมถึงสายตาและน้ำเสียงมีพลัง” 

ทางกองประกวดของประเทศไทยควรจะเตรียมตัวอย่างไร เพื่อจะเฟ้นหาสาวงามมาคว้ามงกุฎ “มิสยูนิเวิร์ส” เป็นคนที่สามต่อไป กูรูตัวแม่กล่าวว่า  “จริงๆ ทางกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ทำครบทุกอย่างแล้ว เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา นางงามของไทยที่เข้ารอบก็มีคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนกันเลย บางคนเราเห็นในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า เราจะไปหาสาวไทยที่เพียบพร้อมแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า คือเมื่อผลการโหวตออกมาแบบนี้ เราเชื่อว่าทางกองประกวดจะต้องทำงานหนักมากขึ้น”

สิ่งสำคัญกูรูนางงามชื่อดังยังชี้ให้เห็นถึงจุดด้อยที่จะสามารถเอาไปพัฒนาต่อได้ในปีหน้า คือเรื่องของสติและสมาธิในการตอบคำถามต่อหน้าคนหมู่มาก หรือต่อหน้ากล้องที่ถ่ายทอดสดให้คนหลายร้อยล้านคนชม

“จุดด้อยของสาวไทย ไม่ว่าจะเป็นปีของน้องน้ำตาล (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) หรือน้องมารีญา เราจะมาจอดที่ป้าย  5 คนสุดท้าย หรือ 6 คนสุดท้ายทุกครั้ง ดังนั้นในปีหน้าทางกองประกวดจะต้องใส่ใจตรงนี้ เพราะการพูดต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถือว่าเป็นเรื่องยาก ยิ่งการจับไมค์ตอบคำถามต่อหน้าคนหลายร้อยล้านคน แบกความกดดันและความหวังของคนทั้งประเทศไว้ มันไม่ง่ายเลย ถ้าใจไม่สตรองพอจะทำให้มีโอกาสไขว้เขวได้ ดังนั้นเราคิดว่าทางกองประกวดจะติวเข้มเรื่องนี้มากขึ้นในปีหน้า (2561) แน่นอน” : – ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ขอบคุณภาพจาก : แฮชแท็กทวิตเตอร์ #มงไม่ลงยังคงรักเธอ เฟซบุ๊ก Miss Universe Thailand

เข้าชม 994 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม