“ทำนา” ให้เหมือนเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต “แพนเค้ก” ขอเดินตามรอยศาสตร์พระราชา

นอกจากการทำหน้าที่เป็นนักแสดงที่ดีแล้ว นางเอกสาว “แพนเค้ก – เขมนิจ จามิกรณ์”  ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่สุดภาคภูมิใจ ในการขอเดินตามรอยพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  อย่างมั่นคงและยั่งยืนโดยการเข้าร่วมโครงการ “โคกหนองนา ดาราโมเดล” ด้วยความตั้งใจจะเปลี่ยน “พื้นที่แห้งแล้ง” ให้กลายเป็น “ผืนดิน” ต้นแบบอันอุดมสมบูรณ์ ภายในอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์


.

นางเอกสาวเริ่มต้นเล่าทุกอย่างให้ทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ฟังขณะลงพื้นที่ไป “ดำนา” ภาพเบื้องหน้าของนางเอกสาวและทีมข่าวที่เห็นคือผืนนาสีเขียวขจี ทว่าย้อนกลับไปนับจากจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 3 ปีก่อนหน้านี้ แพนเค้กเล่าว่าที่ดินของเธอแห้งแล้งมาก ยังเป็นแค่ดินเหนียว ทำให้ต้องมีกรรมวิธีในการช่วยปรับหน้าดิน โดยมีอาจารย์ “ยักษ์” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร และคนในพื้นที่มาช่วยกันลงมือทำให้เป็น “โคกหนองนา โมเดล” ตามศาสตร์พระราชา


.

“เกือบ 3 ปีแล้ว ที่เราได้มาดำนา จากพื้นที่แห้งจนมีกระท่อมและมีความเขียวชอุ่มเกิดขึ้น ต่างจากครั้งแรกที่เรามาโดยสิ้นเชิง มันรู้สึกชื่นใจมาก กลายเป็นพลังเล็กๆ ที่อยู่ในเครือข่าย จ.สุรินทร์ ซึ่งมีชาวบ้านมาช่วยกันในพื้นที่ของแพน อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่แพนได้เห็นคือความสามัคคี ถามว่าภูมิใจไหม ภูมิใจมากกับการที่เราตัดสินใจตั้งแรกแรกว่าจะเริ่มต้นทำ เมื่อคิดแล้วเราลงมือทำเลยและค่อยๆ เห็นทุกอย่างเติบโตขึ้นเรื่อยๆ”

.


นางเอกสาวเล่าต่อว่า เมื่อเธอลงลงมาพัฒนาปรับปรุงสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้เธอตระหนักถึงคำว่า “หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน” ว่าเป็นอย่างไร  รวมทั้งเข้าใจถึงความทุ่มเทและความพยายามของคนในพื้นที่ซึ่งตั้งใจพลิกฟื้นผืนดินอันแห้งแล้งให้กลับมาสร้างคุณประโยชน์สูงสุดต่อผืนแผ่นดิน  

.

“ต้องบอกว่าแพนรู้สึกดีใจที่ได้มาเรียนรู้ตามศาสตร์ของพระองค์ท่าน แพนคิดว่าทรงให้ความรู้กับคนไทยที่จะต่อสู้กับความแห้งแล้ง ความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม แพนเชื่อว่าอาวุธที่ท่านให้เรามาจะทำให้เราสามารถอยู่ได้ในสังคมอย่างยั่งยืนจริงๆ ทั้งหมดคือที่มาของคำว่า “พอเพียง” แพนดีใจมากที่ได้เริ่มต้นทำแบบนี้ และช่วยกันบอกต่อทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่ตื่นตัว”

.

นอกจากนี้นางเอกสาวยังเข้าใจถ่องแท้ว่าศาสตร์ของพระราชาคือความยั่งยืนถาวร ช่วยตอกย้ำถึงสิ่งที่เธอต้องการทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จ.สุรินทร์ เห็นว่าการทำนาที่มีสวนผสมอยู่ด้วยเป็นอย่างไร และแตกต่างจากการทำนาเพียงอย่างเดียวตรงไหน 

.

โดยสิ่งที่นางเอกสาวเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการทำนาคือการ “ขุดหลุมขนมครก” เอาไว้ในบริเวณพื้นที่ตัวอย่าง เมื่อฝนตกลงมาหลุมที่ขุดเอาไว้จะสามารถช่วยกักเก็บน้ำและหากพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงมีการขุดหลุมแบบนี้เช่นเดียวกัน จะช่วยให้น้ำไม่ท่วมนา ซึ่งเป็นความตั้งใจที่นางเอกสาวกำลังรณรงค์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ทำตามแบบอย่าง เพราะหัวใจสำคัญคือศาสตร์ของพระราชาจะช่วยทำให้ผืนนาไม่ต้องกลัวหน้าแล้ง  และจะไม่มีคำว่า “แห้งแล้ง” อีกต่อไป 

.

“แพนคิดว่าการลงมือทำให้ทุกคนเห็น เพื่อบอกต่อถึงสิ่งที่เราตั้งใจทำตามรอยศาสตร์พระราชาซึ่งเรานำมาใช้แล้วเกิดประโยชน์จริง เราไม่ได้ต้องการจะบอกว่าสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่เราทำแล้วเห็นผล และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนี้แพนคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเรา” 

.

โดยสรุปนางเอกสาวยังขอฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า  วิธีที่เธอได้ลองทำนั้นอาจจะมีบางคนบอกว่า มันเห็นผลช้าและบางคนอาจจะยังยึดติดในเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือสิ่งที่จะมาช่วยเป็นเครื่องทุ่นแรงต่างๆ ซึ่งไม่ได้มองว่า “ผิด” เพียงแต่อยากให้ลองถอยกลับมาสู่วิถีดั่งเดิม ตามที่พระองค์ท่านเคยบอกให้ “คนไทย” ใช้ทรัพย์บนดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด  เพราะ “ผืนดิน” ของเราเปรียบเสมือน “ซูเปอร์มาร์เก็ต” ในบ้าน ที่แค่เปิดประตูบ้านออกมา เราจะเจอกับอาหารพื้นบ้านนานาชนิดทั้ง พริก, กล้วย, มะนาว ฯลฯ ที่เราสามารถทำกินเองได้โดยไม่ต้องเสียสตางค์

“แพนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความยั่งยืน แพนอยากจะให้ทุกคนเปิดใจ ซึ่งไม่ใช่การเปิดใจเพื่อรับสิ่งใหม่ แต่เป็นการเปิดใจรับวิถีดั้งเดิมที่เราเคยเป็นมาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรไม่เหนื่อย แต่มันคุ้มค่าในสิ่งที่ทำ และแพนคิดว่าเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้จะอยู่ไม่ไกล เพราะแค่ 3 ปี เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแล้ว ต่อให้อีก 4-5 ปี ถ้าเราต้องเสียสละบ้างเล็กน้อย เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า แพนคิดว่ามันคุ้มค่าเพราะสิ่งที่เราทำยังเทียบไมได้กับการที่คนในพื้นที่ได้มาลงมือลงแรงทำจริงๆ  ที่สำคัญที่สุดคือทำให้เรารำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเรามีกิน มีอยู่ มีใช้ ทุกวันนี้ เพราะมีพระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างในฐานะผู้ลงมือทำให้เราเห็นจริง”.- ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 308 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม