น้ำพระทัยสู่ดอยสูง “ริชชี่” พาขึ้นดอยปู่หมื่น

นางเอกสาว “ริชชี่ – อรเณศ ดีคาบาเลส” หลานตาของผู้นำชาวเขาเผ่าลาหู่ “จะฟะ ไชยกอ” แห่งดอยปู่หมื่น อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พาชมไร่ชาพันธุ์อัสสัมที่งอกงามจากเมล็ดพันธุ์ชาพระราชทาน เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปยังดอยปู่หมื่น ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2513 และคุณตาของ “ริชชี่” ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิด น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจริงจังเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขา 


.

ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงเผื่อแผ่ห่วงใยไปถึงคนบนดอยสูง ทำให้ทุกวันนี้ชาวเขาที่ดอยปู่หมื่นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพื้นที่ซึ่งในอดีตบางแห่งเป็นภูเขาหัวโล้นเพราะการทำไร่เลื่อนลอย และบางแห่งเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น แต่ปัจจุบันนี้กลับฟื้นคืนชีวิตเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา เป็นบ้าน เป็นความหวัง เป็นชีวิต..ของลูกหลานชาวเขาทุกคน 


.

ริชชี่เริ่มเล่าเรื่องราวในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ของของตระกูล ให้กับ “ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน” ฟัง ขณะพาชมไร่ชาจากเมล็ดพันธุ์ชาพระราชทานว่า  “ริชเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ซึ่งมีโอกาสได้ดูแลและสานต่องานของครอบครัว “ไชยกอ” รู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจมาก เพราะชาต้นแรกที่ได้รับพระราชทานมา นอกจากจะเป็นเกียรติกับครอบครัวของริชแล้ว ยังสามารถช่วยชาวเขาทุกคนที่อยู่บนดอยปู่หมื่นด้วยค่ะ” 

.


นางเอกสาวกล่าวต่อไปว่า เรื่องประวัติความเป็นมาของครอบครัว ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เธอในฐานะลูกหลานชาวเขา รับรู้เรื่องราวมาตั้งแต่เด็ก คล้ายเป็น “นิทาน” ที่เล่าสืบต่อกันมาของครอบครัว “คุณแม่จะเล่าให้ฟังว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงเสร็จมาบนดอยนะ  หรือชาต้นแรกที่ท่านประทานให้ อยู่ตรงไหน ริชจะได้ไปเห็นชาต้นนั้นตลอด  รวมถึงได้เห็นจุดที่เฮลิคอปเตอร์ของพระองค์ท่านลงจอดตอนอยู่บนดอยด้วย  และในตอนเด็กๆ ริชเคยมีโอกาสรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระประชวร สมเด็จพระเทพฯ ท่านจะเป็นคนมาสานงานต่อ ทำให้เราได้รับเสร็จท่านมาเรื่อยๆ”  ริชชี่เล่า

.

ที่สุดแห่งความภาคภูมิใจของริชชี่ คือการมีเชื้อสายชาวเขา และในหลวงรัชกาลที่ 9 เปรียบเสมือนผู้นำทางความคิดของนางเอกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอตั้งใจที่จะทำความดี และตั้งใจเรียน 

“ท่านให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับครอบครัวเรา ตั้งแต่รุ่นคุณตา คุณแม่ และไม่ใช่เรื่องน่าอาย ที่เราจะบอกว่า เราเป็นลูกชาวเขา ริชคิดว่ามันเป็นความภาคภูมิใจมาก ที่เรามีโอกาสได้รับใช้พระองค์ท่าน ได้ดูแลชนเผ่ามาจากรุ่นสู่รุ่น และในเมื่อเรามีโอกาสได้อยู่ในสื่อ ริชอยากจะเป็นตัวแทน บอกให้ชาวเขารุ่นหลังๆ รู้ถึงความรักของพระองค์ท่านที่มีต่อชาวเขาว่า ยิ่งใหญ่แค่ไหน ริชไม่อยากให้เด็กชาวเขารุ่นหลังลืมว่า ประเทศไทยของเรามีสถานที่สวยงาม น่าอยู่ และมีธรรมชาติที่งดงามเพราะใคร ในเมื่อริชมีโอกาสตรงนี้ เราภูมิใจมากที่จะได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ต่อไป” 

.

นอกจากนี้เธอยังเล่าต่อว่า ในฐานะลูกหลานรุ่นที่สี่ ทำให้มีความตั้งใจจะสานต่องานที่จะพัฒนาเรื่องชา เพราะเป็นสิ่งที่ดีต่อชาวเขาทุกคน โดยริชชี่ตั้งใจที่จะต่อยอดในเรื่องของ “การตลาด” เพื่อจะทำให้พันธุ์ชาพระราชทาน โด่งดังไปในต่างประเทศ 

“ตอนนี้มีกลุ่มอาจารย์จากมหาวิทยาลัยหลายท่านเข้ามาช่วยส่งเสริม ในเรื่องกระบวนการผลิตที่ดี ทำให้เราสามารถจะส่งออกชาพระราชทาน ให้เหมือนกับแบรนด์ชาดังๆ ในต่างประเทศได้ เพราะริชอยากทำให้แบรนด์ชาของเราโด่งดังไปทั่วโลกเพราะเป็นชาของพ่อด้วย”

.

ส่วนความตั้งใจ ที่ลูกหลานชาวเขาอย่างเธออยากทำมากที่สุดในชีวิต คือการทำให้พื้นที่บนดอยปู่หมื่น กลายเป็นสถานที่บอกเล่าเรื่องราวของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ว่าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวเขาอย่างไร รวมถึงการอธิบายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขาด้วย   

.

“ตอนที่ริชไปเป็นจิตอาสาในสนามหลวง คนที่เป็นชาวเขาหรือแม้แต่คนที่อยู่ในเมืองเอง เวลาเจอริชจะเข้ามากอดและน้ำตาคลอ เขาบอกว่าขอบคุณมากเลยนะ ที่ริชพูดว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 รักพวกเราทุกคน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เขาบอกว่า เขามีความมั่นใจมากขึ้น  ริชเลยบอกพวกเขาไปว่า เราต้องภูมิใจในตัวเองให้มาก เพราะพระองค์ท่านทรงงานเพื่อพวกเรา ในเมื่อพระองค์ท่านรักเรามากขนาดนี้ เราไม่จำเป็นต้องอาย เราต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อท่านต่อไป”

.

นางเอกสาวยังเล่าต่อว่า แม่ของเธอบอกเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสไว้ว่า อย่าทอดทิ้งชาวเขา ให้ช่วยดูแลและพัฒนาที่ดินแห่งนี้ต่อไป 

“ตอนที่คุณตาของริชเสีย คุณแม่จะเล่าให้ริชฟังตลอดว่า แม่ได้ไปรับเสร็จพระองค์ท่านกับครอบครัว ท่านตรัสว่าเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะ “จะฟะ” เป็นคนดีมาก ขอให้อย่าทอดทิ้งชาวบ้านให้ดูแลชาวบ้านต่อไป และขอให้ลูกหลานทุกคนเป็นคนดีเหมือนจะฟะ  แม่จะบอกเสมอว่าต่อให้คุณตาไม่ใช่คนไทย คุณตาเป็นคนจีนที่อพยพเข้ามา แต่คุณตารักในหลวงรัชกาลที่ 9 มากที่สุดเลยนะ จนถึงลมหายใจสุดท้ายของคุณตา” 

.

คุณตาจะฟะของริชชี่จะบอกลูกหลานตลอดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ชีวิตแก่ชาวเขาทุกคน ด้วยการให้เป็นคนไทยและให้สัญชาติไทย  ทรงให้ชาวเขายกเลิกการปลูกฝิ่น และคุณตาของเธอเป็นคนสานต่อพระราชดำริในเรื่องนี้  ซึ่งในยุคนั้นการทำอย่างนี้ถือเป็นงานอันตราย แต่บรรพบุรุษของเธอยอมทำ เพื่อถวายงานพระองค์ท่าน 

.

“ถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไป แล้วคุณตาของหนูไม่ได้เจอกับพระองค์ก็อาจจะไม่มีหนูเกิดมาด้วยซ้ำค่ะ (ยิ้ม)  ตอนนั้นชาวบ้านลำบากมาก ยังไม่มีทางเดินจะลงจากดอย เข้าไปในเมืองเลยด้วยซ้ำ และถ้าไม่มีพระองค์ท่านมา ชาวบ้านบนดอยนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องแตกแยกไปที่ไหน  พระองค์เป็นผู้สร้างให้พวกเราแล้ว หลังจากนี้พวกเรามีหน้าที่ต้องสานต่อพระราชปณิธานที่ท่านตรัสไว้ ต่อให้วันนี้ท่านจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่สิ่งที่ท่านทำจะอยู่ในใจของเราตลอดไป” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน 

เข้าชม 485 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม