บรรยากาศของเมื่อคืนวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา นับเป็นคืนสุดท้ายของการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ท่ามกลางมวลมหาประชาชน ที่รวมตัวกันเพื่อเดินทางเข้ากราบพระบรมศพในคืนสุดท้าย ก่อนที่ประตูพระบรมมหาราชวังจะปิดลง
.
ภาพความทรงจำในคืนสุดท้าย ถูกส่งต่อผ่านสื่อโซเชียลมีเดียมากมาย ทว่าสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือ แฮชแท็ก #กู้ภัยของพระราชา ข้อความสำคัญที่ติดอยู่ในอินสตาแกรมของนางเอกสาวน้องใหม่จากวิกหมอชิต “เกรซ” พัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์ ซึ่งสวมชุดอาสาสมัคร “ป่อเต็กติ๊ง” เต็มยศ ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณท้องสนามหลวง ผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาสวยระดับนางเอก ทำไมถึงยอมเสียสละเวลา เพื่อจะลงมาทำหน้าที่ตรงนี้ ทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ได้รับการเปิดใจจากนางเอกสาวจิตอาสาสาวสวยคนนี้ว่า
.
เธอเพิ่งเริ่มต้นทำหน้าที่ในฐานะอาสาสมัครของมูลนิธิ “ป่อเต็กตึ๊ง” มาได้ประมาณ 1 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือน กันยายน ที่ผ่านมา จากการเชิญชวนของ “อู๊ด เป็นต่อ” และตัดสินใจทำ เพราะสนใจในงานอาสาสมัครมานานแล้ว
.
“ความตั้งใจแรกของเกรซเลย คืออยากจะเป็นอาสาสมัครเพื่อมาช่วยในงานของพ่อ ซึ่งพอเราได้ลองลงมาทำเต็มตัวกับ ป่อเต็กตึ๊ง เรารู้เลยว่างานหนัก และต้องแอคทีฟตลอดเวลา เพราะเราจะเป็นด่านสุดท้ายที่จะคัดกรองประชาชนเข้าสู่ประตูชั้นในพระบรมมหาราชวัง เพราะฉะนั้นเราต้องสอดส่องสายตาตลอดเวลา ว่าเครื่องแต่งกายของประชาชนถูกระเบียบหรือไม่ บางทีจะชอบมีผู้หญิงใส่กางเกงมา ซึ่งหน้าที่หลักของเกรซจะดูเรื่องระเบียบของแถว และดูเรื่องเครื่องแต่งกายในขั้นสุดท้าย ก่อนที่ประชาชนจะผ่านเข้าประตูไปกราบพระบรมศพด้วย แต่จริงๆ แล้วก็ทำหลายอย่างมาก”
.
นางเอกสาวเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ซึ่งเธอได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ เธอจะไปสนามหลวงเกือบทุกวัน ในช่วงเวลาหลังเลิกงาน และอยู่ทำหน้าที่จนถึงเกือบเช้าของอีกวันหนึ่งมาโดยตลอด แต่บรรยากาศในวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา สาวกู้ภัยน้องใหม่เผยว่า ค่อยข้างวุ่นวายมาก โดยยอดของประชาชน ซึ่งมาในวันที่ 5 ตุลาคม นับได้ประมาณเกือบ 90,000 คน
.
“การลงมาทำหน้าที่นี้ มันไม่ได้อะไรเลย นอกจากความภาคภูมิใจ อย่างน้อยในวันว่างที่เราไม่ได้ไปเดินเล่นสวยๆ แต่เราได้มาอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ร่วมกับพี่ๆ ในมูลนิธิ มันเป็นมิตรภาพที่ดี และการที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ ซึ่งในแต่ละวันจะเจอสถานการณ์ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่”
.
นางเอกสาวยังเผยต่อว่า สำหรับจิตอาสาทุกคน อะไรที่ทำแล้วเรียกว่า “ความดี” ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ให้ทำต่อไป อย่าหยุดทำ “ทำโล้ด ทำไปเลยค่ะ ต้องใช้คำนี้ สำหรับจิตอาสาเวลาทำอะไรต้องทำด้วยจิตทำด้วยใจ เหมือนชื่อที่ตั้งเอาไว้ ไม่ได้ทำเพราะคิดว่าเป็น “แฟชั่น” มาถ่ายรูปแล้วก็กลับ ซึ่งหลังจากนี้เกรซจะทำต่อไปเรื่อยๆ และกำลังจะเข้ารับการอบรมการช่วยชีวิต และการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาทเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งต่อไปในวันที่ว่างจากงาน เกรซจะออกหน่วย คือการไปประจำอยู่ตามสี่แยก คอยดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไร เราจะเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อก่อนเรากลัวความตายมาก ไม่ชอบมองคนเกิดอุบัติเหตุเลยนะ แต่พอเราโตขึ้นมา เราเข้าใจว่าชีวิตมันก็แค่นี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ และพี่ๆ ในมูลนิธิจะช่วยบอกให้เรารู้ว่า ระยะเวลาแค่ 1 นาที มันมีค่าแล้ว สำหรับการช่วยชีวิตคนอื่น”
.
มากไปกว่านั้น สำหรับเธอแล้ว คำว่า “กู้ภัยของพระราชา” ที่สาวกู้ภัยน้องใหม่เพิ่งได้มีโอกาสมาสัมผัส จนเธอให้ความหมายตามความคิดของตัวเองว่า คือหน่วยงานที่ทำงานเพื่อพระราชา และคำว่าพระราชาคือแผ่นดิน เป็นศูนย์รวมใจของประชาชน เพราะฉะนั้นการเป็นกู้ภัยของพระราชา เท่ากับการได้ช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ท่านด้วย
.
“การเป็นกู้ภัยแบบนี้ มีบางคนมาถามเกรซเหมือนกันนะว่า เป็นศิลปิน เป็นนางเอก ทำไมมาทำแบบนี้ล่ะ ไม่อายเหรอ มันเหมือนลดตัวลงมามั้ย แล้วมาทำป่อเต๊กตึ๊ง มันดู ผีๆ นะ คือประชาชนจะถามเราบ้านๆ แบบนี้ (หัวเราะ) หนูก็ยิ้มๆ และตอบกลับว่า ไม่อายนะคะ หนูก็มาช่วยคุณลุงอยู่นี่ไง แต่ลุงก็บอกกลับมานะว่า ลุงไม่ได้ว่าอะไรหรอก ทำไปเถอะ หายากนะแบบนี้ คือคุณลุงแกคงถามเพื่อลองใจเราไปแบบนั้นเอง ว่าเราจะโกรธแกมั้ย”
.
ทั้งหมดน่าจะเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า การทำสิ่งที่ดี ไม่ต้องอายใคร ถึงจะเห็นผลช้าและมีอุปสรรคมาก แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เราได้รับกลับมา คงเป็นความ “สบายใจ” ส่วนผลซึ่งจะได้รับมากไปกว่านั้น คงไม่มีใครรู้หรอก แต่ที่แน่ๆ ถ้า “พ่อ” กำลังเฝ้าดูอยู่ คงอยากบอกลูกทุกคนว่า “ทำต่อไปนะ” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน