“ตาย..ก็เอาอะไรไปไม่ได้” เสียงของ “โตโน่” สู่แรงบันดาลใจ “เดินตามรอยพ่อ”

“การทำความดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว” พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  


.

การเดินตามรอยพ่อ ในเรื่องของการทำความดี ที่หนุ่มตี๋เลือดอีสาน “โตโน่ ภาคิน” น้อมนำมาปฏิบัติตามจนสามารถทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ส่งผลดีต่อผู้อื่นและประเทศชาติในอนาคตได้ คือโครงการปลูก “ป่าพะยูง” ที่หนุ่มโตโน่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว  “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ถึงแรงบันดาลใจที่ได้เดินตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 และสิ่งที่ได้รับกลับมาจากการกระทำครั้งนี้ว่า 


.

“สำหรับผมแล้วพระองค์ท่านไมได้จากไปไหน พระองค์ท่านแค่เปลี่ยนที่อยู่ จากอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ คอยเฝ้ามองดูลูกหลาน ดูคนไทย ดังนั้นสำหรับผม มีแต่ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพราะพระองค์ท่านขึ้นไปมองเราอยู่จากข้างบน เพราะฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองให้ท่านเห็น”


-ที่ผ่านมา โตโน่ ได้ทำอะไรที่ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 บ้าง  

“สิ่งที่ผมทำตามพระองค์ท่าน คืออะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์อย่างการ “ปลูกป่า” หรือการช่วยเหลือผู้อื่น เป็นสิ่งที่คนไทยและมนุษย์ทุกคนควรทำ แต่ถ้าเป็นกิจกรรมที่เราทำต่อเนื่อง หรือทำเองจริงๆ จะมีเรื่องของการปลูกป่าพะยูง ซึ่งตอนนี้ผมปลูกได้หลายหมื่นต้นเหมือนกันและทุกอย่างเริ่มต้นมากจากการที่ผมคิดว่า เมื่อก่อนเราจะไปช่วยเด็กกำพร้า ไปช่วยสัตว์พิการ  แต่เรามาคิดอีกทีว่า อะไรคือสิ่งที่เราทำแล้วคนได้ประโยชน์จากมันจริงๆ และตัวคุณแม่ของผมเป็นคนชอบทุกบุญ ผมเลยคิดว่า อยากซื้อพื้นที่ให้วัดและสร้างป่าจะดีกว่า”

.

“ไม่ต้องไปสร้างตึกหรืออาคาร เพราะตึกหรืออาคารไม่กี่ปี่ก็เก่า แต่ป่า 20 ปี 30 ปี หรือ 50 ปี จะมีแต่ยิ่งโต ยิ่งสวยงามมากขึ้น คนจะได้ใช้ประโยชน์จากป่า สัตว์มีที่อยู่ อากาศดี ดินดี ผมเลยคิดว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ยั่งยืนและคนในแถบเอเชียหรือประเทศของเรา บางครั้งจะมีความเชื่อเรื่องไม้มงคล เลยตัดต้นพะยูงไปทำสิ่งต่างๆ เราเปลี่ยนจากการตัดมาเป็นการสร้างต้นพะยูงและห้ามตัด เพื่อให้สัตว์และพืช มีพื้นที่เจริญเติบโต” 

.

“ตอนแรกผมคิดว่าจะสร้างป่าพะยูงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่พอทำไป ได้แค่ 1 ปี มีคนช่วยเยอะ ไม่ว่าจะเป็นแฟนๆ เป็นชาวบ้าน พี่ทหาร พี่ตำรวจ เลยทำให้พื้นที่ปลูกต้นพะยูงมีเยอะมาก ในเวลา 1 ปี ที่ผมทำ มีพื้นที่ป่าพะยูง เกิดขึ้นแล้ว 300 ไร่ ปลูกได้หลายหมื่นต้นแล้ว ผมเลยคิดเอาไว้ว่า จะสร้างป่าพะยูงให้ใหญ่ที่สุดในโลกไปเลย ทำไปเรื่อยๆ”

-โตโน่ต้องซื้อพื้นที่ มาปลูกป่าเยอะขนาดไหน 

“ตอนนี้หลายร้อยไร่แล้วนะครับ แต่ไม่ใช่พื้นที่ของผมนะ ผมซื้อให้วัด ผมไม่ได้ซื้อเป็นตัวของผมเองเลย ทุกอย่างที่ผมทำวันนี้ คือของคนไทยทุกคนนะครับ ใจผมอยากจะให้เป็นป่าของคนไทย เป็นป่าของทุกคน เป็นอุทยาน ผมตั้งใจเอาไว้แบบนั้น เพราะตัวผมไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว ตอนนี้ที่ผมอยากให้คือ อยากตอบแทนคนไทย ตอบแทนชาติ ตอบแทน แผ่นดิน ตอบแทนในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอบแทนคุณแม่ คุณพ่อ อยากทำให้พวกเขามีความสุข อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ผมจะพยายามทำ  แต่อะไรก็ตามที่ไม่ดี ผมจะพยายามลด”

-การดำเนินรอยตามในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้อะไรกับ “โตโน่” บ้าง 

“ทำให้ได้เห็นคนอื่นมีความสุข ได้เห็นคนไทย มีป่า มีน้ำ มันคือความสุข และผมได้ความสุขกลับมา บางทีความสุขของคนเรา อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เราทำแล้วได้อะไร แต่มันคือการทำแล้วเห็นคนอื่นยิ้ม ซึ่งคือความสุขของเราเหมือนกัน อันนี้เป็นความสุข เป็นความภูมิใจของผม ถึงวันหนึ่งที่ไม่มีผมอยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ป่านี้จะยังคงอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ยังได้ใช้ประโยชน์ และสามารถช่วยกันสายต่อได้ ผมคิดว่า ตอนนี้ผมเริ่มทำในวันที่ผมยังมีแรงอยู่ดีกว่า”

-ทำไมโตโน่ถึงอยากทำในเมื่อทำแล้ว ไม่ได้สบาย มีแต่ความลำบาก

“อย่างสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ก็ไม่ได้อะไรเหมือนกัน ผมคิดว่าถ้าเรายังหายใจอยู่ แล้วเราไม่ได้ทำเพื่ออื่น ก็ไม่รู้ว่าเราจะเกิดมาทำไม ในเมื่อเรายังมีแรง เราต้องทำเพื่อคนอื่น ไม่ได้สำคัญหรอกว่าเรารวย เราดังหรือเราจะอยู่บนโลกใบนี้นานขนาดไหน มันสำคัญว่าตอนที่เราอยู่ เราทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง เราทำอะไรเพื่อชาติ หรือเพื่อแผ่นดินบ้าง”

-โตโน่ เคยคิดหรือไม่ว่า บางครั้งเงินก็เสีย เหนื่อยก็เหนื่อย แล้วทำไมเราต้องทำ

“ก็ผมมีความสุข ถ้ามองว่าสิ่งที่ผมทำมันเหนื่อย ใช่ผมเหนื่อย ผมเสียเงิน แต่ว่ามีคนอื่นมีความสุข ถึงผมจะเหนื่อย แต่คนอีกกี่หมื่นคนหรือกี่แสนคน ที่เขามีความสุข มันคุ้มมากกับสิ่งที่ผมเหนื่อย สิ่งที่ผมสูญเสียไปเพราะสิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือรอยยิ้มของคนอื่น แต่ตอนนี้ต้นไม้ที่ผลปลูก มันอาจจะเป็นแค่ต้นที่สูงประมาณ 1-2 เมตร แต่ผมมีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งผมไม่ได้คิดเลยว่า ผมจะได้อะไรกลับมาหรือไม่ ผมแค่อยากทำไปเรื่อยๆ ผมมองว่า มันเป็นโครงการที่ค่อนข้างแข็งแรง เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร แค่เราอยู่บนแผ่นดินนี้ เราจะได้ใช้ประโยชน์จากต้นไม้เหล่านี้เหมือนกัน”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 153 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม