รู้จัก “ดาวี ไชยคีรี” คนข่าวตัวจริงช่อง 9 เจ้าของฉายา “นักข่าว 4 คูณ 100″(มีคลิป)

เรียกเสียงชมและเสียงฮือฮาจากคอข่าวและชาวเน็ตได้สนั่นโซเชียลเพียงแค่ข้ามคืน ภาพนักข่าวสำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD วิ่งไม่คิดชีวิตหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา แก่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 


โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่สื่อมวลชนแต่ละสำนักกำลังรายงานข่าว โดย สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT HD ก็ได้มีการรายงานสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงจากสำนักข่าวไทย ซึ่งระหว่างที่ สุธิดา ปล้องพุดชา ผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวบริเวณรถถ่ายทอดสดที่จอดตรงข้ามประตูศาล ดาวี ไชยคีรี ผู้สื่อข่าวอาวุโส สำนักข่าวไทยที่ได้เข้าไปฟังคำพิพากษาอยู่ในห้องพิจารณาคดี ก็วิ่งออกจากประตูศาลพร้อมเอกสารข่าว เพื่อมารายงานข่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เพราะพยายามวิ่งออกจากศาลมาเพื่อให้ผู้ชมได้รับผลการตัดสินได้รวดเร็ว และถูกต้องที่สุด 


ซึ่งหลังจากที่ผู้ประกาศร่วมช่อง นายสุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ได้นำภาพและคลิปข่าวดังกล่าว โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ได้มีคนแชร์ภาพเหตุการณ์นี้ไปกว่า 600 ครั้ง และยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก รวมถึงยังแซวอีกด้วยว่าวิ่งเร็วเหมือนนักวิ่งลมกรด 4 คุณ 100 จนถูกยกฉายาให้เป็น “นักข่าว 4 คูณ 100” ในชั่วข้ามคืน


เบื้องหลังการทำงานที่รวดเร็ว ถูกต้อง มืออาชีพ “ดาว ดาวี ไชยคีรี” ผู้สื่อข่าวอาวุโส วัย 36 ปี สำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD ได้เปิดเผยอย่างหมดเปลือก พร้อมให้แง่คิดในการทำงานข่าวกับทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” 

รู้ก่อนหรือไม่ว่ามีการรายการสดอยู่ด้านหน้าศาล

– ไม่ทราบเลย ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวไทย ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรายงานข่าวนี้ ว่าจะต้องรายงานสดทันทีเมื่อทราบผล แต่ในช่วงที่เข้าไปฟังคำพิพากษา ไม่สามารถที่จะพกโทรศัพท์ เครื่องอัดเสียง ใดๆเข้าไปได้เลย ตลอดเวลาที่นั่งฟัง 4 ชั่วโมง ก็ได้จดข้อความสำคัญไปด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีเอกสารของศาลแจกหรือไม่ และไม่รู้เลยว่าด้านนอกกำลังรายการสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงอยู่

ตอนนั้นไม่รู้แล้วเหตุใดจึงต้องวิ่งไม่คิดวชีวิตขนาดนั้น

– คือเพราะแผนที่วางไว้คือพอรู้คำพิพากษาต้องรายงานสดทันที ตอนนั้นผู้สื่อข่าวทุกคนที่เข้าไปฟังต่างก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกันหมด เราเองก็เช่นกัน พอวิ่งออกไปเจอแผงกั้นถนนอีก เลยต้องวิ่งอ้อมภาพที่เห็นเลยออกมาฉุกละหุก ระหว่างนั้นมองไปเห็นทีมงานที่รถถ่ายทอดสด ก็คิดว่า ผู้ประกาศเตรียมตัวเข้ารายการเลยรีบตะโกนบอกพร้อมส่งเอกสารที่ได้มา เพราะคิดว่าผู้ประกาศจะได้อ่านทำความเข้าใจก่อนเข้าสด แต่มันไม่ใช่ กลายเป็นว่าช่วงนั้นถ่ายทอดสดอยู่แล้ว 

แล้วรู้หรือไม่ว่าต้องเข้าไปร่วมรายการด้วย

– ไม่รู้เลย พอส่งเอกสารให้เสร็จ พี่โปรดิวเซอร์(พิษณุ แป้นวงศ์) ก็บอกว่าเปลี่ยนแผนให้เข้าไปรายงานด้วยเลย โอ๊ย..ตอนนั้นหน้าก็ไม่ได้แต่ง วิ่งมา ประมาณ 100 เมตร เราตัวใหญ่ น้ำหนักก็เยอะ เหนื่อย หอบไปอีก น้องผู้ประกาศก็คาดหวังว่าเราออกมาพร้อมคำพิพากษา เราก็ต้องรวบรวมสติ ในขณะที่ด้านหลังคนอื่นก็ยังวิ่งกันอยู่ 

รู้สึกอย่างไรที่มีกระแสชื่นชมเข้ามาอย่างมาก

– ขอบคุณมาก เราก็พยายามทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ข่าวนี้เป็นข่าวที่สังคมอยากทราบ อีกทั้งเรายังต้องแข่งกับสื่อโซเชียล ในขณะที่เวลาอยู่ในศาลเราไม่สามารถรายงานสดออกมาได้ ที่สำคัญนอกจากจะเร็ว ยังต้องให้ข้อเท็จจริง ครบถ้วน ถูกต้อง พอมีคนแชร์ภาพออกไป สื่อมวลชนกันเองก็แซว เพื่อนๆก็ฮาแล้วขำ ตัวเราเองช่วงเวลานั้นซีเรียส แต่พอมาย้อนดูแล้วก็ขำเหมือนกัน

ที่ผ่านมาในการทำงานข่าวเคยเจอเหตุการณ์อะไรที่ตื่นเต้นแบบนี้หรือไม่

–  หลายครั้งมาก ด้วยความที่เราเป็นผู้สื่อข่าวการเมือง ที่ผ่านมาอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนม็อบ นปช. ตอนนั้นต้องไปประจำที่จุดเซ็นทรัลเวิลด์ เจอทั้งเหตุการณ์เผาเมือง ต้องหนีระเบิด วิ่ง ปืนรั้วผ่านมาหมด แต่ก็จะคนละแบบกับเหตุการณ์ที่หน้าศาล 

ย้อนกลับไปอยากให้เล่าว่าก้าวมาทำงานข่าวได้อย่างไร

– ถึงวันนี้ก็ 14 ปีแล้ว ย้อนกลับไปตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เป็นเด็กที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร พอได้โอกาสเริ่มต้นทำงานที่สถานีวิทยุไอเอ็นเอ็นก็ลองทำดูแล้วก็รู้สึกสนุก เป็นงานที่ไม่จำเจ มีความท้าท้าย คนละอารมณ์กับการทำงานในออฟฟิศ ลองทำมาเรื่อยๆ ทำอยู่ตรงนั้นได้ 4 ปีก็ย้ายมาทำงานกับสำนักข่าวไทย ปีนี้ก็ 10 ปีแล้ว เราอยู่สายงานนี้ไม่ได้ทำงานการเมืองอย่างเดียว บางคร้ังยังได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวเหตุการณ์ทางการเมือง น้ำท่วม วิกฤติต่างๆ ได้เจออะไรหลายๆอย่าง 

เป็นผู้หญิงกลัวหรือไม่ ดูงานการเมืองจะซับซ้อนและสุ่มเสี่ยง

– ก่อนหน้านี้ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ทั้งปืนกำแพง รั้ว เจอระเบิด ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เริ่มเข้าใจคำว่ามีคนรออยู่ข้างหน้า ก็จะคิดก่อน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีอะไรหดหู่ไปกว่าการรายงานข่าวในช่วงม็อบที่มีเหตุคนตายจำนวนมาก ทำงานท่ามกลางความเครียด

คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในการทำงานข่าว

–  จะต้องถูกต้อง ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วน ไม่บิดเบือน เมื่อก่อนไม่มีสื่อโซเชียล ข้อมูลจะเป๊ะ เดี๋ยวนี้เราต้องสู้กับสงครามโซเชียล เราต้องหาข้อมูล ข้อเท็จจริงมายืนยัน เพราะมีข้อมูลบิดเบือนกันเยอะ  

มองเป้าหมายในการทำอาชีพนี้ไว้อย่างไร

– การทำข่าวมีเสน่ห์ ยังคงอยากทำไปเรื่อยๆ เป็นความท้าทาย เป็นงานที่มีอะไรให้ลุ้นตลอด เรายังสนุกกับอะไรใหม่ๆ ในวิชาชีพ โดยที่เราคาดเดาไม่ได้ 

ฝากอะไรถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากมาทำงานในสายอาชีพนี้

– เด็กรุ่นใหม่บางคนอยากจะมาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว เพราะอยากมีชื่อเสียง อยากมาอยู่หน้าจอ อยากมีตัวตน เพื่อต่อยอดไปทำงานด้านอื่น อยากจะบอกว่ากว่าจะมายืนตรงนี้ได้ ต้องสั่งสมประสบการณ์ ความสามารถ ไม่อยากให้มองอาชีพนี้ฉาบฉวย อยากให้มาด้วยความชอบจริงๆ และทำหน้าที่ตัวเองอย่างสุดความสามารถอยู่ในจรรยาบรรณอาชีพนี้

และนี่คือคำทิ้งท้ายจากนักข่าวตัวจริง ตามแนวคิดที่ว่า “เป็นกลาง น่าเชื่อถือ มืออาชีพ”

  

เข้าชม 880 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม