ออกมาเขียนข้อความระบายในไอจีส่วนตัว ในทำนองว่าถูกนางฟ้าใจดี ที่กลายร่างเป็นนางมารร้าย เอาหนามแหลมแทงข้างหลัง ทำให้เสียรู้เรื่องธุรกิจร้านกาแฟ “Creadzcafe” ของนักร้องหนุ่มน่ารัก “ริท เรืองฤทธิ์” ล่าสุดนักร้องหนุ่มออกมาเปิดเผย ถึงความคับข้องใจทั้งหมดว่า มีปัญหากับเจ้าของพื้นที่ให้เช่าทำร้านกาแฟ และหากคุยกันไม่ลงตัวจริงๆ ตนจะเป็นฝ่ายยอม ถึงแม้จะต้องสูญเสียเงินค่าทำร้านไป 1-2 ล้านบาทก็ตาม
.
“จริงๆ ริท เปิดร้านกาแฟ เราไม่ได้มีความคิดในการจะล้มเลิก ทำร้านของเรา แต่อาจจะขยับขยายพื้นที่ เพราะมันมีปัญหาอย่างอื่นเข้ามาอีก สำหรับตัวริท เราไม่เคยเจอเนอะ เราทำธุรกิจเป็นมือใหม่ เราก็เข้าใจว่า ทุกคนที่อยู่แวดล้อมเรา ถึงแม้ว่าจะอยู่แวดล้อมด้วยการติดต่อซื้อขายอะไรกันก็ตาม เราเข้าใจว่าทุกคนคือมิตร เพราะว่าทุกคนยิ้มให้กัน เข้าใจมั้ยอ่ะ คือตอนอยู่ด้วยกัน มันก็คุยกันดี ยิ้มแย้มกันดี แต่เราไม่คิดว่า พอข้างหลังไป ทุกอย่างมันจะกลายเป็นธุรกิจเกินไป จนไม่มองเห็นมิตรภาพ หรือนึกถึงความรู้สึกกันขนาดนี้เลย เราเลยรู้สึกว่า ไม่รู้สิ! มันไม่ใช่ คือริทไม่ทราบว่าเหตุผลจริงๆ ของเขาคืออะไร แต่คืออาจจะตีความเป็นว่า เขาอาจจะทำเองหรือเปล่า ส่วนเรื่องสัญญามันเป็นเรื่องของกฏหมาย และพอถึงเวลาจริงๆ
.
ต้องเอาสัญญามาว่ากันไป ถามว่าตอนแรกริทประกาศจะเซ้งร้าน ใช่ครับ คือตอนแรกเราประกาศจะเซ้งร้าน แต่ว่าเหมือนเขา ไม่ให้เราเซ้ง จริงๆ ตามหลักคือ ถ้าเราจะเซ้ง ต้องเป็นผู้เซ็นสัญญาคนเดิมมาทำกิจการต่อ เราเข้าใจว่า ทำไม่ได้แล้ว ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าถ้าเราจะทำต่อ ก็ต้องเป็นสิทธิ์ของเราตามสัญญาที่คุยไว้ ริทไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เป็นความเสียใจมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงิน หรือเรื่องที่ขัดแย้งกัน แต่เราแค่รู้สึกว่า เฮ้ย! เหมือนริทรู้จักกับพี่ (นักข่าว) แล้วริทคิดว่า พี่คือคนที่ดีกับริทมาตลอด ช่วยเหลือริทมาตลอด คิดว่าเราคือคนที่ดีต่อกัน เราช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อกันมาตลอด แต่เราไม่คิดว่าพอมาเป็นเรื่องแบบนี้ มันจำเป็นจะต้องไม่ดีต่อกันขนาดนี้เลยเหรอ ริทไม่เข้าใจตรงนี้เท่านั้นเอง ซึ่งมันอาจจะเป็นที่ตัวริทที่เป็นมือใหม่ และเราไม่ได้คิดว่านักธุรกิจเขาจะจริงจังกับเรื่องเงินๆ ทองๆ จนไม่ได้สนใจมิตรภาพของเราขนาดนี้เลยเหรอ จนกลายเป็นความรู้สึกที่ริทเสียใจแค่นี้เอง”
.
นอกจากนี้นักร้องหนุ่มยังยอมรับว่า ตนมองโลกในแง่ดีเกินไป เลยรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“จะบอกว่าริทมองโลกในแง่ดีเกินไปมั้ย ก็จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ อย่าว่าแต่เรื่องทำธุรกิจเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกริท 3 คน ที่ร่วมหุ้นกันเปิดร้านกาแฟ สิ่งแรกที่พวกริทคุยกันเลยคือ ไม่ว่าร้านจะเป็นยังไง จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นเราห้ามทะเลาะกัน เพราะมิตรภาพหรือความเป็นเพื่อนต้องมาก่อน อย่าเราเรื่องเงินมาเป็นเรื่องหลัก คือพวกริทตั้งต้นมาจากตรงนี้ มันเลยทำให้เสียใจด้วยว่า ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เรา 3 คนไม่ได้มีปัญหา หรือคิดจะล้มเลิกร้าน เราวางแผนที่จะทำอะไรต่อไป แต่ว่ามันเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมา ตอนนี้คงรอเวลา แล้วค่อยมาว่ากันด้วยเรื่องของสัญญาอีกที ซึ่งสัญญาจะหมดในช่วงกลางปีหน้า”
.
เมื่อถามต่อว่าจะเอาเรื่องของกฏหมายเข้าสู้หรือไม่นั้น หนุ่มริทกล่าวว่า ตนไม่คิดถึงขนาดนั้น
“ไม่ถึงกับต้องเอากฏหมายเข้าสู้ เพราะสัญญามีการระบุเอาไว้ชัดเจนรอยู่แล้ว ว่าต้องเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องมาตีความสัญญากันมากกว่า ถ้าหาคุยกันไม่ลงตัว ริทก็จะยอม ไม่เอากฏหมายมาสู้หรอก เพราะยังไงริทก็เคารพเขา เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ริทก็ไม่อยากทำอะไรให้เป็นการบาดหมางหรือมีเรื่องกัน ถ้าเกิดเขาไม่โอเค หรือยืนยันที่จะทำอย่างนั้นต่อ ริทก็ยอม จะเสียเงินก็ต้องเสีย ไม่เป็นครับ เพราะเราไม่อยากเป็นคนที่ทำอะไรใครมากกว่า วันหนึ่งอาจจะคุยและเคลียร์กันเข้าใจก็ได้ เพราะริทไม่อยากทะเลาะกับใคร”
.
โดยนักร้องหนุ่มเผยอีกว่า ถ้าหากจจะต้องเสียหายจริงๆ มูลค่าที่ลงทุนทำธุรกิจนี้ไปคือหลัก 1-2 ล้านบาท ตนมีความเสียดายอยู่ แต่คิดว่าเงินต้องมาทีหลัง และยอมรับว่าโลกสวยที่คิดแบบนี้ คนอาจจะคิดว่าตนยอมทำไม แต่หนุ่มริทคิดว่าไม่ควรเอาเงินมาเป็นตัวตั้ง และใช้เงินในการตัดสินปัญหาต่างๆ อยากให้ลองคุยกันด้วยความเข้าใจก่อน ถ้าคุยไม่ลงตัว ต้องมาหาตรงกลาง ที่คำว่าคนละครึ่งทางว่าความต้องการของแต่ละฝ่ายคืออะไร แต่ถ้าหากไกล่เกลี่ยไม่ได้จริงๆ ตนยอมได้ ถือว่าเป็นบทเรียน เพราะร้านกาแฟที่ทำขึ้นมา ไม่ได้หวังผลกำไรอะไรมากมาย แต่เริ่มต้นมาจากความสุขในการทำมากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไง หุ้นส่วนทั้ง 3 คน จึงตกลงกันว่า ต้องทำให้ร้านอยู่ต่อไป ส่วนข้อความที่เขียนในไอจีที่ค่อนข้างรุนแรงนั้น เป็นเพราะตนต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่า จากการเริ่มต้นมองบุคคลๆ นั้น เป็นคนที่ดีจริงๆ อยากขอบคุณมาก แต่พอมาถึงวันหนึ่ง ทุกอย่างกลับมาเป็นคนละเรื่องเลย. -ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ขอบคุณภาพจาก : อินสตาแกรม ritz_rueangritz