นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนางสาวณปภา ตันตระกูล หรือ “แพท ณปภา” นักแสดงชื่อดังในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เนื่องจากมีการตรวจพิจารณาหลักฐานในสำนวนแล้ว ไม่มีหลักฐานว่า “แพท” ร่วมกันกันฟอกเงิน หรือสมคบกันฟอกเงินกับผู้ต้องหาอื่นๆ และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด
.
นอกจากนี้การสืบสวนทางคดีตั้งแต่ต้นก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเชื่อมโยงกับ “แพท” ได้ความเพียงว่า “แพท” เป็นภรรยาของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง ผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีเท่านั้นและหลักฐานทางคดีก็มีเพียงการโอนเงินที่นายอัครกิตติ์ ซึ่งเป็นสามีโอนให้กับแพทในช่วงเดือนเมษายน ปี 2559 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 จำนวน 18 ครั้ง และการทำธุรกรรมดังกล่าวก็เป็นการโอนเงินผ่านระบบบัญชีธนาคารในยอดเงินหลักหมื่นและหลักแสนเท่านั้น ถือเป็นพฤติการณ์อุปการะเลี้ยงดูกันปกติระหว่างสามีกับภรรยา ซึ่งนายอัครกิตติ์ก็ใช้ระบบโอนเงินแบบเปิดเผยผ่านระบบ k-mobile banking plus ซึ่งเป็นระบบที่สามารถตรวจสอบง่าย
.
สำหรับบัญชีของแพท เป็นบัญชีที่เปิดใช้ปกติมานานแล้ว มีเงินส่วนตัวในบัญชีจำนวนหลายล้านบาท เงินที่นายอัครกิตติ์โอนเข้ามาก็ยังคงค้างอยู่ในบัญชีไม่มีการเบิกถอนเข้าออกลักษณะหมุนเวียน และมีหลักฐานอีกว่าเงินบางรายการที่โอนมาเป็นเงินค่าจ้างที่เธอได้มาจากการรับว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ตามปกติ อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานทางคดีฟังไม่ได้ว่า “เแพท” กระทำผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง และมีคำร้องขอให้ศาลอาญามีหมายปล่อยตัวนางสาวณปภา ตันตระกูล ผู้ต้องหาที่ 5 แล้วในวันนี้ (3ส.ค.60)
.
ขณะที่พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดเผยภายหลังทราบว่า ทางอัยการไม่สั่งฟ้อง “แพท ณปภา”ในคดียาเสพติดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นดุลพินิจของอัยการ ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์หรือกล่าวถึงในเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ หากไม่สั่งฟ้องก็เป็นดุลพินิจของทางอัยการที่จะสามารถกระทำได้ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าการที่ “แพท ณปภา” ไม่ถูกสั่งฟ้องจะมีผลไปถึงคดีของเบนซ์ เรซซิ่งนั้น มองว่าเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีและลักษณะพฤติการณ์มีความแตกต่างกัน เชื่อว่าการพิจารณาในชั้นศาลจะไม่มีผลต่อคดีเบนซ์ เรซซิ่ง :-สำนักข่าวไทย