ไม่ว่ายุคไหนๆ วงการบันเทิง รวมถึงวงการเพลงแนว K-Pop มักจะเฟ้นหาหนุ่มสาวหน้าตาหล่อสวย หุ่นปัง และมีศักยภาพของการเป็น “ดาว” ที่จะต่อยอดงานวงการบันเทิงได้ มาเป็นศิลปินในสังกัดซะเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ให้ความสำคัญเรื่องความสามารถในการสร้างสรรค์งานดนตรีสักเท่าไร เพราะมองว่าเป็นหน้าที่ของทีมนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มากกว่า ขณะที่เหล่าไอดอล บอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปมีหน้าที่ซ้อมร้อง ซ้อมเต้นอย่างหนักให้สเต็ปเป๊ะตามโจทย์เท่านั้น งานนี้หลายคนจึงมองว่า สิ่งที่ศิลปินเหล่านี้นำเสนออกมา ก็ไม่ต่างจากสินค้าโรงงานโหลๆ มากกว่าจะเป็นงานศิลปะที่ควรยกย่อง จนประเด็นนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของวงการเพลง K-pop ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าศิลปินหลายคนจะค่อยๆ ลบล้างข้อครหานี้ ด้วยการโชว์ฝีไม้ลายมือในการแต่งเพลง หรือไม่ก็โปรดิวซ์เพลงด้วยตัวเอง อย่าง วง WINNER จากค่าย YG Entertainment ที่เพิ่งคัมแบ็กเมื่อเดือนเมษายน พร้อมอัลบั้ม Fate Number Four และเพลงฮิตอย่าง Really Really ซึ่งเป็นผลงานจากหนึ่งสมองและสมองมือของ “คัง ซึง ยุน” สมาชิกและมือเขียนเพลงของวง ที่บอกว่าเขาใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการแต่งเพลง
ส่วนเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้า EXID ที่หลายคนมักจะรู้จักแต่หัวหน้าวง “ฮานิ” และนักร้องนำ “โซลจี” แต่หารู้ไม่ว่าอีกหนึ่งสมาชิก “แอลอี” ก็เป็นฟันเฟืองสำคัญของวงเช่นกัน เพราะไม่เพียงจะเป็นแรพเพอร์ตัวหลักเท่านั้น แต่เธอยังมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงกับทีมโปรดิวเซอร์ ตั้งแต่อัลบั้มแรก Street รวมไปถึงเพลงฮิตอย่าง Up and Down และ Ah Yeah ด้วย // แถมก่อนเปิดตัวเป็นศิลปินวง EXID สาวแอลอี ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านดนตรีโดยเฉพาะแนวฮิปฮอปมาหลายปีทีเดียว นอกจากนี้เธอยังเคยเขียนเพลงให้ศิลปินเค-ป๊อปคนอื่นมาแล้วด้วยค่ะ
ขณะที่เกิร์ลกรุ๊ปมาแรง DIA (ไดอา) ที่เพิ่งส่งอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 “YOLO” เมื่อเดือนที่แล้ว (เมษายน 60) พร้อมเปิดตัวสมาชิกใหม่อีก 2 คน “จูอึน” และ “ซมอี” มาเสริมทัพ สาว จูอึน ก็มีเครดิตไม่ธรรมดาเลยล่ะค่ะ เพราะเล่นคีย์บอร์ดเก่งแบบไม่อายใคร ส่วนทักษะการร้องเพลงของ โซมี ก็เริ่ดพอที่จะช่วยเสริมการร้องโดยรวมของวงให้ยิ่งดูดีไปอีก
ส่วนวง BTS หรือ Bangtan Boys แค่ชื่อก็ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมาก เพราะเป็นที่รู้กันดีค่ะว่า หนุ่มๆ วงนี้เค้ามีความสามารถเรื่องโปรดิวซ์เพลงและอัลบั้มของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะ Rap Monster ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของ BTS สมกับเป็นลีดเดอร์ของวงจริงๆ
ซึ่งบรรดาผู้สังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของแวดวงเคป๊อป ก็มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวกสำหรับวงการเพลงเคป๊อป เพราะช่วยผลักดันทั้งตัวศิลปินเอง รวมถึงต้นสังกัดให้เน้นความสำคัญเรื่องความสามารถ และหาความรู้ด้านดนตรีเพิ่มเติมอย่างจริงจัง เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานนั่นเอง