ประเดิมด้วย ขาประจำที่ไปทัวร์มาแล้วแทบทุกสถานบำบัดอย่าง “ลินด์ซีย์ โลแฮน” เธอเช็คอินที่สถานบำบัดครั้งแรกๆ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2007 ซึ่งตอนนั้นนักแสดงสาวมีอายุเพียงแค่20 ต้นๆ และกำลังถ่ายหนังทริลเลอร์ I Know Who Killed Me โดยเธอเลือกใช้บริการของสถานบำบัดสุดหรู Wonderland Center ในย่านเวสต์ ฮอลลีวูด เป็นเวลา 1 เดือน อีกทั้งยังเผยผ่านแถลงการณ์เพียงว่า ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง และขอให้ทุกคนเคารพความเป็นส่วนตัวของเธอด้วย แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุว่าเข้าไปบำบัดอะไรกันแน่ ซึ่งก็คาดว่าน่าเป็นปัญหาแอลกอฮอล์ เพราะเธอได้ไปพบปะกับกลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2006 แล้วหลังจากนั้น เธอก็เข้าๆ ออกๆ สถานบำบัดเป็นว่าเล่น สิริรวมแล้วก็ประมาณ 6 ครั้ง ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเหล้า ยา พร้อมการขึ้นโรงขึ้นศาลคดีเมาแล้วขับอีกด้วย ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อปี 2012 เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและไม่ต้องรบกับเหล่าปาปารัซซี่ ซึ่งล่าสุดก็ดูเหมือนชีวิตของนางเอกวัย 30 จะเริ่มเข้าที่เข้าทางกว่าแต่ก่อน พร้อมกับการตั้งข้อสังเกตว่าเธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย
อีกคนที่ไม่สามารถตั้งรับกับชื่อเสียงถาโถมเข้ามาไม่ได้ดี จนชีวิตแทบพังเช่นกัน ก็คือเจ้าหญิงเพลงป๊อป “บริทนีย์ สเปียร์” ที่ประสบความสำเร็จและก้าวถึงจุดสูงสุดในอาชีพนักร้องตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงเป็นคุณแม่ตั้งแต่อายุ 23 ปี แต่พอเจอวิกฤตชีวิตเมื่อปี 2007 ทั้งปัญหาครอบครัวที่ต้องหย่าร้างกับ “เควิน เฟเดอร์ไลน์” สามีแดนเซอร์, ความกดดันจากสื่อ และชื่อเสียงที่ไม่ดังมากมายเหมือนแต่ก่อน ก็เลยทำให้เธอเกิด “น็อตหลุด” ถึงขั้นกล้อนผมตัวเอง แถมยังเอาร่มไปฟาดช่างภาพปาปารัซซี่และรถของเขาอีกด้วย จนท้ายสุดก็ต้องพึ่งบริการของสถานบำบัด Promise ที่เมืองริมทะเล มาลิบู ไปตามระเบียบ
ด้านอดีตดาราเด็ก “ดรูว์ แบร์รี่มอร์” ก็ไม่รอดวังวนนี้เช่นกัน โดยเริ่มแตะบุหรี่ตั้งแต่ 9 ขวบครึ่ง จนจบลงด้วยการเสพกัญชาและโคเคน ก่อนถูกส่งไปบำบัดเมื่ออายุ 13 ปีแต่ก็ไม่ได้ทำทุกอย่างดีขึ้น เพราะตอนอายุ 14 ปีกรีดข้อมือตัวเอง โดยเธอบอกว่าแค่อยากเรียกร้องความสนใจและสงสาร ไม่ได้คิดอยากฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นเธอก็เดินเข้าเดินออกสถานบำบัดเพื่อจัดการปัญหาติดเหล้า และยาเสพติด รวมถึงสภาพจิตใจ อยู่หลายครั้งเหมือนกัน กว่าจะก้าวข้ามอุปสรรคนี้มาได้
ไม่ต่างกับพ่อมดหนุ่ม “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” ที่ชีวิตรวนอยู่ช่วงหนึ่งตอนอายุ 18 ปี ที่กำลังถ่ายทำหนัง Harry Potter and the Half-Blood Prince และเพราะแรงกดดันจากชื่อเสียง เขาก็เลยหันไปพึ่งแอลกอฮอล์คลายเครียด เรียกว่าดื่มหนักทุกคืน จนสโลสเลไปถ่ายหนัง ถึงอย่างนั้นเขาก็ย้ำชัดว่า ไม่เคยเมากลางกองถ่าย แต่ในช่วงนั้นดูเหมือนปัญหาการติดเหล้าจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนนักแสดงหนุ่มเมืองผู้ดีตัดสินใจลาจากแอลกอฮอล์เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2010 พร้อมๆ กับรายงานข่าวว่าเขาเข้ารับการบำบัด โดยภายหลัง แดเนียลได้เปิดใจกับสื่อ Telegraph ตอนนั้นคิดว่า มีแค่ 2 อย่างคือ ลุกขึ้นมาเปลี่ยนอะไรสักอย่าง หรือ เดินหน้าไปกับมันให้สุด และในปี 2014 แดเนียล บำบัดเพื่อเลิกบุหรี่ด้วย แต่ดูเหมือนความพยายามครั้งนี้จะไม่เป็นผล
อีกคนที่ต้องเจอวงจรนี้เช่นกันก็คือ ป๊อปสตาร์สาว “เดมี่ โลวาโต้” ที่ต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติด แอลกอฮอล์ อย่างหนัก จนร่างกายไม่สามารถต้านไหว เมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายเมื่อไร ก็จะอาเจียนออกทันที จนเธอกลายเป็นภาวะขาดสารอาหาร หลังทนทุกข์ทรมานอยู่นาน เมื่อปี2010 เธอเลยตัดสินไม่ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับวง Jonas Brothers และเข้ารับการบำบัด ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา เธอก็เพิ่งฉลองครบรอบ 5 ปี ที่ไม่หันมาข้องเกี่ยวกับยาเสพติดค่ะ แม้จะเข้าใจชีวิตว่ามีขึ้นและลง หลายครั้งที่เธออยากหวนกลับไปอยู่วังวนเดิมๆ แต่ก็อธิษฐานขอพรจากพระเจ้า จนผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ ซึ่งเธอก็ภูมิใจในตัวเอง และขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ยืนเคียงข้าง และเชื่อมั่นในตัวเธอ
ปิดท้ายด้วย “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” กว่าจะดึงสติกลับมาได้ ชีวิตก็เกือบจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดีเพราะยาเสพติด โดยเริ่มเสพยาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เป็นข่าวครึกโครมก็ตอนปี 1996 ที่ถูกจับเพราะตำรวจค้นเจอทั้งเฮโรอีน โคเคน และอาวุธ ในรถของเขา จนหวิดถุกรวบไปนอนในซังเต ซึ่งตอนนั้นก็ถูกส่งเข้าสถานบำบัดทันที ซึ่งเขาก็หนีถึง 2 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็ดิ่งลงเรื่อยๆ วนเวียนขึ้นโรงขึ้นศาล รวมถึงติดคุกถึง 2 ครั้ง ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่ จนเมื่อปี 2003 เขาได้นั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างนั่งอยู่ในร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง จนฉุกคิดได้ ก็เลยขับรถนำสิ่งที่ทำลายชีวิตเค้าทิ้งทะเลทั้งหมด พร้อมหันหลังยานรกอย่างถาวร