หากพูดถึงครอบครัวคนบันเทิงที่ทำให้หลายคนอมยิ้ม ด้วยความที่สมาชิกในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ รวมไปถึงลูกๆทั้งสี่ ต่างมีชีวิตที่สดใส อารมณ์ดีสุดๆ ต้องยกให้ครอบครัว "ศิลาชัย" ของพ่อ "เปิ้ล นาคร" แม่ "จูน กษมา" และพี่น้องสี่อ "ออกัส-ออก้า-ออกู๊ด-ออเกรซ" ในวันเด็กแห่งชาติที่มาถึง วันนี้ "ไนน์เอ็นเตอร์เทน" จะพาไปพูดคุยกับพ่อเปิ้ล และแม่จูน ว่าทำไม๊..ทำไม มีเคล็ดลับการเลี้ยงดูอย่างไรที่ทำให้ลูกๆ เป็นเด็กที่อารมณ์ดีแบบนี้
.
ปกติได้มีโอกาสทำกิจกรรมหรือใช้เวลากับลูกๆบ่อยไหม
จูน : บ่อยมาก เราชอบไปทำกิจกรรมนอกบ้านตลอด แทบไม่ได้อยู่บ้านเลย เพราะออก้าพลังเยอะ จะต้องเอาเขามาปลดปล่อย เรามองว่าการเที่ยวนอกบ้านช่วยเสริมจิตนาการ สร้างทักษะ แต่บ้านเราจะไม่เน้นเดินห้างสรรพสินค้านะ จะไปทำกิจกรรมอื่นๆเช่น ขี่ม้า เจ็ทสกี บ้านบอล ฯลฯ อะไรแบบนั้นมากว่า
เปิ้ล : แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด รวมถึงกิจกรรมที่เล่นอะไรหนักๆ ผาดโผน ผจญภัยหน่อย ก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำกับพ่อ ผมอยากให้เขาได้ใช้แรงเจอป่าเขา ทุ่งนา เลี้ยงสัตว์ การสอนลูกของบ้านเรา วันหยุดเราไม่เคยส่งไปเรียนพิเศษ แต่จะจับให้ลูกเล่นอะไรก็ได้ให้เหนื่อยที่สุด ไม่เว้นแม้แต่การพากันไปวิ่้งที่สวนสาธารณะใต้ทางด่วน
ทำไมถึงไม่ส่งลูกไปเรียนพิเศษเหมือนบ้านอื่น
เปิ้ล : ทุกวันนี้สถานที่เรียนพิเศษเยอะมาก เราไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับลูกเรา ย้อนกลับไปเด็กๆเราเองก็ไม่เคยเรียน การที่เราเลือกให้เขาไปเล่นเหมือนเสริมทักษะ เพื่อให้เขาเปิดกว้างทางความคิด ได้ฝึกกล้ามเนื้อ และสมอง
ล่าสุดเห็นพาออก้าไปขี่เจ็ทสกี
เปิ้ล : เป็นอีกกิจกรรมที่เราเคยฝันไว้ว่า ก่อนเราจะแก่ตาย จะต้องมีกิจกรรมที่เราเล่นกับลูกได้ ไปด้วยกันได้ทั้งครอบครัว โชคดีกิจกรรมที่เขาชอบกิจกรรมที่เราถนัด เพราะเราพาเขาไปดูเราฝึกซ้อมตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งออก้าชอบ อยากฝึก พอฝึกแล้วติด ตอนนี้เขาขี่ล่องแม่น้ำ ทะเล ตัวคนเดียวไปได้ทั่วแล้ว
หลายคนมองว่าดูเป็นกีฬาผาดโผนเกินไปสำหรับเด็ก
จูน : ทุกอย่างอยู่ในความดูแล และผ่านการสอนจากพี่เปิ้ลที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านนี้มาตลอดชีวิต รวมถึงเวลาที่ลงไปขี่ จะมีคนช่วยอยู่ข้างๆตลอด พี่เปิ้ลรู้ทักษะอันไหนควรหรือไม่ควรทำ เรารู้ว่าแฟนคลับเป็นห่วงเยอะมาก เราเข้าใจเพราะเขาเห็นน้องกันมาตั้งแต่เด็ก ออก้าก็แค่ 5 ขวบเอง ขนาดจูนครั้งแรกไม่ได้ไปด้วย เห็นภาพก็ตกใจ พอฟังพี่เปิ้ลอธิบาย ที่สำคัญไม่มีพ่อที่ไหนจะพาลูกไปตาย เจ็ทสกีก็คือกีฬาอย่างหนึ่ง อยากให้ทุกคนเปิดใจกว้าง
แล้วเคยเตือนพี่เปิ้ลไหมให้ระวัง
จูน : พี่เขาอายุเยอะกว่าเรา เขามองการณ์ไกลมากกว่า และเชี่ยวชาญกีฬาชนิดนี้มากกว่า
เปิ้ล : กีฬาทุกปรนะเภทหากมองว่าอันตรายก็อันตรายหมดแหละ ไม่ว่าจะเป็น กีฬากอล์ฟถ้าตีไม่ดีลูกกอล์ฟโดนตาก็ได้ หรืออย่างมอเตอร์ไซค์วิบากก็อันตราย แม้กระทั่งเตะฟุตบอล ก็เอ็นฉีกได้ อันตรายเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สิ่งที่ออก้าเล่น มีผู้ใหญ่ระดับโปรคอยดูแลความปลอดภัยตลอด จึงมั่นใจได้
คิดว่าจะปั้นออก้าให้เอาดีด้านนี้เลยไหม
จูน : แค่เขาชอบมีความสุข อย่างพอรู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ไปขี่เจ็ทสกีกับพ่อ เขาจะตื่นเต้นมากนอนไม่หลับเลยนะ บ้านเราจะเลี้ยงแบบอยากทำอะไรทำ เราพร้อมสนับสนุน
เรียกว่าเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นได้เลยไหม
เปิ้ล : ไม่แน่ใจนะ สุดท้ายโตขึ้นเขาอาจจะอยากเป็นหมอก็ได้ หรืออาจจะอยากแปลงเพศใครจะไปรู้ อยากเป็นอะไรก็เป็น ผมคิดเสมอพรุ่งนี้เราอาจไม่อยู่แล้ว ขอแค่สนุกกับเขาให้มากที่สุดในทุกวัน เห็นจูนมีความสุขที่สุดก็เพียงพอแล้ว
ย้อนกลับไปวันเด็กของเราเป็นอย่างไร และสำหรับลูกๆได้เตรียมอะไรไว้
จูน : วัยเด็กจูนจะไม่ได้ไปไหน จะอยู่โรงเรียนช่วยกิจกรรมที่โรงเรียนตลอด ทำให้รู้ดีว่าเด็กๆจะตื่นเต้นเวลาได้จับรางวัลมาก พอมาถึงวันที่เรามีลูก เราก็พยายามทำให้สี่ออเต็มที่ เป็นวันของเขา ซึ่งไม่ใช่แค่วันด็ก เราให้เขาในทุกวัน
เปิ้ล : สำหรับผมไม่รู้โชคดีหรือร้าย ผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครบังคับ ทำให้ได้ใช้ชีวิตอิสระ ผมก็ใช้แนวทางนี้ในการเลี้ยงดูลูก ให้อิสระเขา ปล่อย ไม่บังคับ แต่ต้องอยู่ในกฏบางข้อเพื่อให้โตไปเป็นคนดีในสังคม
อย่างกฏเหล็กบ้านสี่ออมีอะไรบ้าง
เปิ้ล : ไม่พูดโกหก ไม่ขโมยของ ไม่ก้าวร้าว และต้องเคารพผู้ใหญ่ ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง ให้รักคนอื่นให้มาก อย่างเราจะสอนเวลาที่มีพี่ๆมาขอถ่ายรูป เราจะบอกเขาว่า การที่พี่เขามาขอถ่ายรูป เพราะเขารัก ฉะนั้นเราก็ต้องรักเขากลับด้วย
ตอนนี้ลูกๆมีกระแสและมีคนติดตามเป็นแฟนคลับมาก ดูแลอย่างไร
เปิ้ล : ช่วงนี้คนให้ความสนใจรักเอ็นดูเด็กๆเยอะ เวลาออกไปเจอพี่ๆ บางครั้งน้องงง อารมณ์เสีย เหนื่อยบ้าง เราก็ต้องอธิบายว่าพี่เขาเข้ามาเพราะรัก เราต้องรักกลับ เหนื่อยก็ต้องยิ้มเข้าไว้ ต้องสวัสดีทุกคน
มีลูกถึงสี่คนแล้ว สอนอย่างไรให้รู้ว่าเรารักเขาเท่ากัน
เปิ้ล : จะสอนให้เขารักกัน ไม่ได้สอนอะไรมาก เพราะเขายังไม่ค่อยรู้เรื่อง แค่บอกต้องไม่ทะเลาะกัน เป็นพี่น้องกันต้องรักกัน ดูแลกัน ผู้ชายต้องดูแลผู้หญิง ที่เหลือก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ
เวลาเด็กๆทะเลาะกันทำอย่างไร
เปิ้ล : บ่อยมาก แต่แม่เขาจะเป็นคนดุ ผมจะเห็นเป็นเรื่องตลก จะหามุกให้เบี่บงเบนเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ เด็กไม่กี่นาทีก็ลืมแล้ว
กลัวถูกมองว่าเลี้ยงฟรีสไตล์เกินขอบเขตไปไหม
เปิ้ล : ไม่นะ เขาจะซนในระดับที่ซนได้แบบเด็กๆ ไม่มีอะไรเกินนะ ไม่มีพูดคำหยาบ ไม่มีต่อยผู้หญิง หรือขโมยของ รวมถึงลูกเราโชคดีอย่าง เวลาไปห้าง อยากได้ของเล่น แล้วไม่ได้ เขาไม่นอนร้องไห้ ดิ้นทุรนทุราย ไม่ได้คือไม่ได้ เราจะใช้วิธีอธิบายลูกดีๆ จะบอกเขาว่าเด็กที่เขาไม่มีสตางค์ เขาไม่มีของเล่นเยอะเหมือนเรา และบางคนได้ของเล่นปีละชิ้นเท่านั้น เขาก็เข้าใจไม่เอาก็ได้ นอกจากนี้จะสอนให้เด็กๆรู้จักแบ่งปันตลอด ของเล่นเมื่อเล่นเสร็จต้องเก็บเอาไว้ให้เพื่อน ให้เด็กต่างจังหวัดหรือที่ไหนก็ตามที่เขาไม่มี จะสอนเขาตลอดว่าเขาไม่ได้ของเล่นง่ายๆเหมือนพวกเรานะ ให้เขารู้จักการให้ การสอนให้เด็กรู้จักให้ ผมว่าดีที่สุดแล้ว
วางอนาคตลูกๆไว้อย่างไร
เปิ้ล : เอาตรงๆแบบไม่ได้ดัดจริตเลยนะ ผมไม่เคยวางแผนอะไรเลย ไม่เคยคิดด้วยว่าเขาจะต้องเรียนอะไร แค่ขอให้เขามีความสุขที่สุด ทุกวันนี้โรงเรียนอยู่หน้าบ้าน เดินไปเรียนได้ในหนึ่งนาที ผมมีความสุขที่เห็นเขากินอาหารเยอะๆ มีความสุขที่เห็นเขาหัวเราะ มีความสุขวันต่อวัน ถามว่าวางแผนไหม อาจจะวางแผนคร่าวๆ 5 ปี 10 ปี แต่ไม่ซีเรียส ผมเชื่อเรื่องหาความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่รู้ว่าเราจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่
อยากพูดอะไรถึงแฟนคลับที่เอ็นดูน้องๆ
เปิ้ล : ขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกคนที่เอ็นดู 4 ออ ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนในโลกมีความน่ารักทุกคน เราโชคดีที่มีผู้ใหญ่เอ็นดู ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดู ดูแลเด็กๆทุกคนบนโลกให้โตมาเป็นต้นไม้ที่มีรากลึกๆแล้วดินในประเทศไทยจะแข็งแรงกว่าประเทศใดในโลก
ในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ อยากฝากอะไรถึงเด็กๆ
เปิ้ล : ฝากถึงเด็กๆให้ตั้งใจเรียน รักพ่อรักแม่ให้มากที่สุด ที่สำคัญ รักคนรอบข้างให้มากที่สุดด้วย เมื่อโตขึ้นมาหนูจะรู้เองว่า ถ้าเรารักคนอื่น แล้ววันหนึ่งคนอื่นให้ความรักเราตอบ เราจะรู้สึกดี มีความสุขแค่ไหน
คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยใกล้เคียงกัน อ่านแล้วจะนำไปปรับใช้ไว้เลี้ยงน้องๆหนูๆ พ่อเปิ้ลกับแม่จูนก็ยินดี ขอให้เด็กๆมีความสุขในวันเด็กทุกคนเล้ยยย
เข้าชม 262 ครั้ง