
เน็ตไอดอลยุคบุกเบิก มายด์ ณภศศิ เปิดใจทุกบทในชีวิตบนเส้นทางวงการบันเทิงผ่าน PrimeCast ทั้งเรื่องการโดนบูลลี่ การศัลยกรรม และความรักกับนักธุรกิจหนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์


โดย มายด์ เผยว่า โดนบูลลี่ตั้งแต่ตอนเรียนชั้นประถมที่ จ.ชลบุรี แต่ที่หนักสุดคือช่วงมัธยมต้น มีช่วงหนึ่งเขาฮิตไปถ่ายรูปที่สยามกัน เราก็ไปแล้วมีรุ่นพี่มาขอรูป เราโดนว่าเยอะมาก พอย้ายมาเรียนในกรุงเทพก็โดนจากเว็บบอร์ดออนไลน์ ช่วงประกวดอุทัยทิพย์ตอนยังไม่ได้ตำแหน่งก็มีคนมาชื่นชมมาเชียร์เรา แต่พอได้ตำแหน่งกลายเป็นมีคนมาหาข้อติ เราเป็นคนมีแก้มเยอะ เสียงเล็กก็จะมีคนมาว่าเราว่าดัดเสียง ตอนเด็กอ่านแล้วร้องไห้ เศร้า แต่ข้อดีคือเราเป็นคนที่ไม่เก็บอะไรที่เครียดหรือเศร้ามาคิด เลยไม่ได้เป็นปมมาถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องทำศัลยกรรม ทำครั้งแรกคือทำจมูกตอนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นก็รู้สึกว่าดูแลตัวเองดีในระดับหนึ่งแล้ว เพราะเราเป็นคนรักสวยรักงาม พอเริ่มเข้าวงการคนที่แนะนำเข้าวงการทำสวยคือ พี่พจน์ อานนท์ เป็นคนพาไปฉีดโบท็อกซ์ เรามีแก้มเยอะก็จะเอาผมมาปิด พยายามไปหาฉีดแฟต ตั้งแต่ยุคที่ฉีดแฟตแล้วหน้าบวมเป็นสี่เหลี่ยม เราก็ฉีดสู้แต่มันก็ไม่ได้เล็กลง ตอนนี้ก็ยังมีแก้มอยู่ แต่พอโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยนไป เพราะสุดท้ายแล้วอะไรที่มันเป็นเราแค่นั้นก็พอแล้ว
ส่วนเรื่องผิวพรรณก็ดูแลด้วยการดื่มน้ำเยอะ ๆ มาร์กหน้า นวดหน้า เข้าคลินิกบ้าง ทุกอย่างก็ Maintain ไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ทำให้สุขภาพดีหลักง่าย ๆ เลยคือ นอนดี กินดี ออกกำลังกาย ดูแลจิตใจ หายใจในอากาศดี ๆ แล้วก็เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีก็สำคัญเหมือนกัน อย่างความรักครั้งล่าสุดกับพี่สงกรานต์ เขาก็ทำให้เราเป็นตัวเราในเวอร์ชันที่ดีขึ้น ตอนแรกที่คบกันมีคนเตือนเยอะ เป็นห่วงเยอะ สุดท้ายเชื่อว่ามันคือจังหวะชีวิตของเราด้วย เติบโตขึ้นมาก็มีประสบการณ์ชีวิตมาแล้ว เรามาเจอกันในจังหวะที่มันคลิกกัน เติมเต็มความสัมพันธ์ที่มาเติมในสิ่งที่อีกคนขาด ตอนแรกที่เจอกัน เราก็เป็นคนสนุกสนาน ชวนเขาไปนั่งชิลล์ เราไม่ได้มาเป็นแบบสายออกกำลังกายหรือทำงาน เขาเหมือนเข้ามาเอ็นจอยในวิถีชีวิตของเรา สนุกไปกับเรา





ถ้าถามว่าเคยถามเขามั้ยว่าเขาหลงรักอะไรในตัวเรา เขาอาจบอกว่าเพราะความเป็นกันเอง คิดบวก ไม่ค่อยโกรธใครและใจเย็น แต่ผู้ชายก็จะมีมุมที่ใจร้อนกว่า เรามันก็จะเหมือนหยินหยาง ยอมรับว่าในอนาคตอยากมีลูก อยากมีความรู้สึกถึงความเป็นแม่ อยากรู้ว่ามีเด็กอยู่ในท้องจะรู้สึกยังไง อย่างที่เขาพูดกันว่าไม่เป็นแม่ไม่เข้าใจ เราไม่คิดว่าจะเป็นแม่ได้ เพราะทุกวันนี้คุณแม่ยังช่วยคอยจัดแจงหลายเรื่องให้อยู่เลย คือเราเห็นเพื่อนเราที่อยู่ดี ๆ มีลูก แล้วเขาสามารถเลี้ยงลูกได้ ทั้งที่ไลฟ์สไตล์ตอนอยู่กับเรามันเลี้ยงเป็น มันเป็นแม่คนได้เหรอ แต่สุดท้ายก็เป็นได้และเป็นได้ดีกันทั้งนั้นเลย”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน