เรียกว่าเป็นมหากาพย์คาราคาซังข้ามปี สำหรับการทวงหนี้ 2 ล้านระหว่างนางแบบตัวแม่ ลูกหมี รัศมี ที่เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยอย่างนักแสดงรุ่นใหญ่ ปู มัณฑนา หลังถูกชักชวนให้ไปร่วมลงทุนทำธุรกิจ แต่กลับมีปัญหาไม่ได้รับทั้งเงินต้นและกำไรอย่างที่ตกลงกันไว้ตอนเซ็นสัญญา
โดย ลูกหมี ยืนฟ้อง ปู ทั้งหมด 5 คดี ทั้งฟ้องฐานผิดสัญญากู้ยืม , ข้อหาฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 รวมไปถึงคดีหมิ่นประมาทอีก 3 คดี ที่ผ่านมาทาง ลูกหมี ในฐานะโจทก์ ยืนยันและมั่นใจ เพราะมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน , แชตไลน์ , สัญญาเงินกู้ , เช็ค 9 ฉบับ ที่ส่งให้กับศาลพิจารณา ด้าน ปู ในฐานะจำเลยก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ไปยืมก้อนดังกล่าวอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นการร่วมลงทุนเท่านั้น พร้อมทั้งแจ้งความฟ้องกลับ ลูกหมี รวมถึง ทนายเดชา และ ทนายกุ้ง 2 ทนายความส่วนตัวของลูกหมี จนเรื่องราวดังกล่าวยืดเยื้อและบานปลายข้ามปี
กระทั่งเช้าวานนี้(12 มิ.ย.68) ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ พ1747/2567 ระหว่าง โจทก์อย่าง ลูกหมี กับ จำเลยอย่าง ปู มัณฑนา หลังยื่นฟ้องผิดสัญญากู้ยืม โดยศาลพิพากษาให้จำเลย(ปู มัณฑนา) ชำระเงิน 1,739,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของเงินต้น 2,000,000บาท นับแต่วันที่ 2 มี.ค. 67 ที่เซ็นสัญญา จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์(ลูกหมี รัศมี) รวมถึงให้ชำระค่าธรรมเนียม ค่าทนายความ 3,000 บาทแทนโจทก์(ลูกหมี รัศมี) หลังทำสัญญาจำเลยได้ชำระมาบางส่วน 261,000 บาท เบื้องต้นหักลบแล้วจำเลยจะต้องชำระเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย ณ วันนี้ทั้งสิ้น 2,065,062 บาท แต่ทางฝั่งจำเลยยังสามารถยื่นยื่นอุทธรณ์และยื่นฎีกาต่อได้ภายในระยะ 1 เดือน หลังศาลชั้นต้นตัดสิน แต่เงินดอกเบี้ยก็ยังคงเดินไปตามระยะเวลาที่ยืดเยื้อ แต่ถ้าหากจำเลยไม่มีเงินชำระ ทางโจทก์สามารถยึดทรัพย์ แต่ถ้าไม่มีทรัพย์ให้ยึด ก็สามารถฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายได้ต่อไป
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(13 มิ.ย.68) ลูกหมี รัศมี ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังชนะคดีผิดสัญญาเงินกู้ พร้อมกับทนายเดชา และ ทนายกุ้ง ทนายความส่วนตัว ที่สำนักทนายความเดชา โดย ลูกหมี เปิดใจว่า “รู้สึกดีใจที่ศาลตัดสินออกมาเป็นแบบนี้ ดีใจที่ศาลท่านยุติธรรม คดีก็ออกมาอย่างชัดเจน ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้เรารู้ว่าการที่จะไปลงทุนอะไรกับใครต้องดูให้ดี ต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะโดนโกงได้ เอาจริง ๆ ตั้งแต่จ่ายเช็คเด้งตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2567 ถ้ามีการยอมความตั้งแต่แรกหรือมาไกล่เกลี่ยเจรจากัน หรือยอมรับผิด เรื่องมันก็จะไม่ได้บานปลายมาถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดมันเกิดจากการกระทำทั้งหมด ที่ผ่านมาเราพร้อมจะให้อภัยและรอไกล่เกลี่ยตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดเรื่องเราให้เวลามา 6 เดือนเต็มแล้วก่อนจะแจ้งความ รวมถึงเรื่องของการโพสต์ข้อความที่มีตลอดเวลา โพสต์ว่าเราทีละหลายสิบข้อความในเชิงหมิ่นประมาทพวกเรา คนที่จะอายุ 50 แล้ว ถ้ามีการศึกษาเขาจะไม่ทำกันแบบนี้ เพราะมันเป็นการโพสต์ที่ใช้อารมณ์ ความไม่สุภาพกับการเป็นผู้หญิง ซึ่งเราก็เชื่อว่าคดีหมิ่นประมาทเราชนะทุกองค์ประกอบ แต่เขาก็โพสต์อยู่ตลอดและต่อเนื่อง ถ้ายังทำแบบนี้ก็คงต้องฟ้องกันจนตาย เราว่าเขาต้องหยุด เพราะทำแบบนี้คุณค่าของตัวเองมันลดลง ยิ่งคนที่ทีครอบครัว มีลูก ทำแบบนี้ลูกโตมาเขายังจะเคารพคุณเหรอ?”
“ถามว่ากลัวจะไม่ได้เงินคืนมั้ย? 50:50 เพราะที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้คุยกับลูกหนี้รายอื่นที่ทางจำเลยจะต้องชดใช้เดือนละ 3,000 บาท แต่ได้รับการชำระเพียงแค่เดือนเดียวแล้วก็ไม่ชำระต่อ ซึ่งตรงนี้มันก็ทำให้เราใจเสียมาโดยตลอด ลูกหมีอยากฝากบอกถึงลูกหนี้ต่าง ๆ ว่าใครที่เป็นเจ้าหนี้ สามารถเอาหลักฐานมาดำเนินคดีได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับที่ลูกหมีทำค่ะ”
ด้าน ทนายเดชา เปิดใจว่า “การที่เราเป็นหนี้ต้องชดใช้ ไม่ใช่หาเงินมาจ่ายค่าทนายไปเรื่อย ๆ แทนที่จะเอาเงินจ้างทนาย เอามาใช้หนี้ลูกหนี้จะได้จบ เราต้องนึกถึงบุญคุณของเจ้าหนี้ ไม่ควรไปฟ้องร้องเขากลับ ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอะไร แล้วก็ยังมีพฤติกรรมอีกมากมาย ทั้งเรื่องของการไปแจ้งความลูกหมีคดีหมิ่นประมาท 4 คดี กับผมและทนายกุ้งอีกคนละ 2 คดี แถมล่าสุดยังไปแจ้งความว่าลูกหมีผิดสัญญาปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยผิดกฎหมายอีก 1 คดี ซึ่งเรื่องนี้คุณลูกหมีจะดำเนินคดีแจ้งความเท็จต่อไป”
หลังจากนี้ ลูกหมี จะต้องเดินทางไปขึ้นศาลแขวงพระนครใต้ ในวันที่ 17 มิ.ย.68 เวลา 9.00น. เพื่อรับฟังคำพิพากษาในคดีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ปู มัณฑนา ในข้อหาฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ต่อไป โดยหลังจากการแถลงข่าวของลูกหมีเสร็จสิ้นลง ปู มัณฑนา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวทันทีว่า “โหยหาแสงกันจริง ๆ ขยันออกสื่อกันเนอะ” ทำเอาลูกหมีรีบตอบกลับแบบทันควันว่า “ไม่ได้หิวแสงค่ะ เราอยู่วงการนี้มา 30 ปี มันไม่จำเป็นต้องมีแสงอะไร อยู่ในความสงบเราก็มีความสุขดี ที่เรามาออกสื่อเพราะเราอยากออกมาเตือนภัยสังคม ให้ทุกคนได้ระมัดระวังตัวมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำ เราก็ไม่ได้หิวแสงอะไรค่ะ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
