
จากกรณีที่วานนี้(3 มิ.ย.68)นักแสดงมากฝีมือ ป๋อ ณัฐวุฒิ ประกาศข่าวช็อกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่าภรรยาสุดที่รัก เอ๋ พรทิพย์ ป่วยเป็นมะเร็ง ตนเองไม่มีเวลามานั่งเสียใจ ต้องคิดว่าต้องทำยังไงต่อไป ขณะที่ เอ๋ ได้โพสต์คลิปตัวเองนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมเขียนข้อความว่า “เป็นกำลังใจให้เอ๋ด้วยนะคะ ❤️ ดูเรื่องราวความจริงของเอ๋ที่ไม่อยากให้เกิด ท่ามกลางกำลังใจอย่างล้นหลามจากเพื่อนดารานักแสดงและแฟน ๆ ที่ทราบข่าวร้ายดังกล่าวตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเย็นวันนี้(4 มิ.ย.68) ป๋อและเอ๋เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ผ่านช่องยูทูบ ป๋อสะกิดเอ๋ โดยในคลิป ป๋อ เล่าด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ว่า “เอ๋ เป็นมะเร็งครับ แต่พี่ไม่มีเวลามานั่งเสียใจ ต้องคิดว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ต้องพูดยังไงกับเขาให้ได้ทั้งความเป็นจริงและในแง่ของความรู้สึก

อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่ยากที่สุดสำหรับเรา 2 คน เราแทบจะไม่ได้บอกใครเลย 2 วันแรกงงกันทั้งคู่เลย เอ๋แทบจะไม่รับอะไรเลย เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นโรคที่เขาหวาดกลัวที่สุด มันอาจจะเป็นภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิตเอ๋ที่เอ๋จะต้องเจอ เป็นโรคที่ไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่งมันจะเกิดกับเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอ๋ต้องสู้ด้วยตัวเองด้วย เพื่อตัวเอง” จากนั้นคลิปได้ตัดสลับไปที่ เอ๋ ซึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าอิดโรยพร้อมกับพูดว่า “เจ็บมาก เจ็บหน้าอก มันคันคอตลอดเวลา เกิดแต่กับกู” ป๋อที่ยืนฟังอย่างตั้งใจจึงปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรหรอก สู้ ๆ นะ ถ่ายไว้เก็บไว้ดู เวลาเรายากลำบากก็ต้องผ่านไปให้ได้ ” เอ๋ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ขอบคุณนะ”
จากนั้นป๋อได้เข้าไปคุยกับ นายแพทย์ผดุงเกียรติ แพทย์เจ้าของไข้ เผยว่า “การเอ็กซเรย์มันจะดูที่เป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้นไม่ได้เลย ปัจจุบันมีการคัดกรองที่เรียกว่าเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์รังสีต่ำ ข้อดีคือเห็นเนื้อปอดทั้งหมด ต่างจากการเอ็กซเรย์ที่จะเห็นมะเร็งปอดก็ต่อเมื่อก้อนค่อนข้างโต มีความเข้มแล้ว แต่ของคุณเอ๋หลายปัจจัยบ่งไปเลย จุดนี้ผมกังวลมาก มะเร็งปอดแบ่งเป็นเซลล์เล็กกับไม่เล็ก เซลล์เล็กไม่ดีโตแล้วกระจายเร็วเซลล์ไม่เล็กก็จะแบ่งเป็นหลายชื่อ แต่เซลล์ที่เจอบ่อยในปัจจุบันคือ Adenocarcioma ปัจจัยที่ทำให้เราเจอบ่อย โดยเฉพาะคนเอเชียจะมียีนส์ EGFR ผสมกับการที่เราไปเจอฝุ่น pm 2.5 มันไปกระตุ้นให้เซลล์นี้กลายพันธุ์และเกิดเป็นเซลล์มะเร็งปอดได้เร็วมากขึ้น


คิดว่าคุณเอ๋น่าจะอยู่ในระยะที่หนึ่ง ซึ่งเป็นระยะที่ระวังผลหายขาดสูงเลย ของคุณเอ๋เจออยู่ที่ปอดด้านซ้ายข้างหลัง ตำแหน่งที่เจอไปซ้อนกับเงาหัวใจพอดี เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ Low-dose Chest CT Scan จะไม่เห็นเลย จนกว่าจะก้อนนี้จะโตประมาณ 2 เซนติเมตร อาจจะฟังดูน่าตกใจที่คุณเอ๋ตรวจเจอมะเร็งปอดทั้งที่อายุน้อยและไม่สูบบุหรี่ แต่โชคดีมากที่ได้มาตรวจและได้มารักษา ถ้าทุกอย่างออกมาเป็นระยะที่หนึ่งจริง ๆโอกาสหายขาดสูงมาก การผ่าตัดในกรณีที่ก้อนยังเล็กเราเก็บเนื้อปอดได้เยอะและสามารถกลับไปมีชีวิตได้แบบ 100% เลย” ป๋อถามย้ำว่าสาเหตุที่เอ๋เป็นมะเร็งปอด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ PM2.5 ใช่มั้ย?นายแพทย์ผดุงเกียรติ บอกว่า “น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ” หลังฟังจบป๋อยืนมือไปกุมมือหมอพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ
ก่อนจะเล่าต่อในคลิปว่า การตรวจเจอมะเร็งของเอ๋ครั้งนี้ เกิดจากการที่ป๋อปวดหลังจึงชวนเอ๋มาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ทั้งที่ยังไม่ครบกำหนดตรวจสุขภาพ “เข้าใจคำว่าอืมทุกข์เลย อมทุกข์ก็คือการที่เรามีความทุกข์แล้วเราไม่ได้บอกใคร เมื่อ 5-7 วันที่แล้ว เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะทำยังไงกับมัน ใช่หรือไม่ใช่มันไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือจะไปข้างหน้าและตัดทิ้ง มีแค่รอฟังผล เลยบอกเอ๋ว่าอย่าไปคิดเรื่องเป็นเรื่องตายเลย คิดแค่ว่าเราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดเราจะพาเอ๋ผ่านไปให้ได้”
จากนั้นคลิปได้ตัดไปตอนที่เอ๋นอนพักฟื้นในห้องคนไข้หลังผ่าตัด 1 วัน เอ๋บอกป๋อด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดทรมานว่า “เจ็บแผลมาก ไม่รู้จะนอนท่าไหน” พออาการเจ็บทะลุลงเอ๋เปิดใจต่อว่า”ตอนแรกมันจะมีสายเดรนเลือด น้ำเหลือง อันนั้นมันเป็นมาก ยืนไม่ได้ เจ็บซี่โครง เจ็บน้ำตาไหล เจ็บจนต้องขอมอร์ฟีน ปวดไปทั้งซี่โครงฝั่งซ้าย ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง? ทุกอย่างมันเร็วไปหมดไปหมดเลยไม่ได้ตั้งตัวเลยมันช็อก มันเบลอไปหมดเลย ฟังคำหมอไปก็ไม่รู้เรื่อง รู้สึกเหมือนบ้านถล่ม ถ้าเป็นขึ้นมาจะอยู่ยังไง มันคิดวนอย่างเดียวเลยถ้ามันไม่หายจะเป็นยังไง ลูกจะอยู่กับใคร พี่ป๋อจะอยู่ยังไง เอ๋อยากบอกเพื่อนทุกคนเลย เพราะอยากให้ทุกคนไปตรวจ ไม่อยากให้ทุกคนไปเจอตอนที่มันเป็นมากกว่านี้แล้ว อยากให้เรื่องของเอ๋ตอนนี้เป็นเครื่องบอกทุกคนว่าคุณต้องดูแลสุขภาพ สุขภาพมันสำคัญมันอาจจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินทอง แต่ว่ามันคุ้มค่ามาก เพราะเชื่อว่าทุกคนไม่เคยตรวจ”


“ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ทุกคนมาเยี่ยมทุกวัน ส่งอาหารมาให้ มากอด มาให้กำลังใจ มันทำให้รู้ว่ามีคนรัก เราทำให้เรามีกำลังใจ ขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาลที่ดูแลเอ๋อย่างดี อยากบอกทุกคนที่กำลังจะเป็นหรือเป็นแล้ว คุณบอกเพื่อนไว้เลย เพื่อนเขาจะได้ทำหน้าที่ของเขาได้อย่างเต็มที่ เอ๋มีกำลังใจดีมาก จิตใจเข้มแข็งมาก ไม่กลัวหรืออะไรทั้งสิ้น ตอนนี้เอ๋หายแล้ว เอ๋แข็งแรงแล้ว ตอนนี้เอ๋โอเคแล้ว” ก่อนที่เอ๋จะพูดกับป๋อว่า “ขอบคุณจริง ๆ เอ๋จะไม่กวนประสาทพี่แล้ว บางทีเอ๋ก็รำคาญพี่ เราไม่ทะเลาะกันแล้วเนอะ พอแล้วจริง ๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราดีต่อกันดีกว่า อยู่ดี ๆ ก็รู้ว่าพี่รักเอ๋มากเลย ไม่มีพี่นี่เอ๋แย่เลย ขอบคุณนะ” ก่อนจะเล่าต่อในคลิปว่า “พูดเลยว่าเอ๋เลือกสามีไม่ผิดเลย พอเขารู้เขานั่งกดโทรศัพท์หาข้อมูลศึกษาข้อมูลต้องทำยังไง คุณหมออยู่ที่ไหน แคนเซิลงานทั้งหมดเลยเพื่อที่จะมาอยู่กับเอ๋ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมาก เขาทั้งปลอบใจ ทั้งตัดสินใจแทน ทำทุกอย่างแทนเอ๋หมดเลย รู้สึกโชคดีมาก ก่อนเราเคยคิดว่าไม่ค่อยมีใครรักเรา แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีคนรักเราจริง ๆ อย่างน้อยก็สามีเราที่รักเราสุดหัวใจ
ป๋อ เล่าต่อในตอนท้ายว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้เปลี่ยนทัศนคติของพี่กับเอ๋ไปหมดเลย เราไม่ทะเลาะกันแล้ว ไม่โกรธกันแล้ว ไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ เหมือนข้างบนเขาให้บทเรียนเรามาแล้วว่าคนที่เรารักที่สุดก็ให้ดีกันไว้ ฝากไปบอกทุกคู่เลยที่อาจจะกำลังโกรธกัน เกลียดกัน ไม่ชอบกัน พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า ทำไมมันต้องเกิดกับเอ๋ ถ้าเกิดกับพี่ได้ มาเกิดกับพี่ดีกว่า อย่าเกิดกับเอ๋เลย หรือถ้าเกิดเลือกไปได้ พี่ขอเลือกไปก่อน เอ๋อยู่เถอะเพราะเอ๋เลี้ยงลูกได้ดีกว่าพี่”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน