เบสท์ ชนิดาภา จำเป็นบทเรียน! เสียรู้มิจฉาชีพเพราะขาดสติ ทุกวันนี้ยังงงว่าทำไมถึงโอนเงินออกไปง่ายขนาดนั้น

นักแสดงสาว เบสท์ ชนิดาภา วัย 36ปี หอบหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินยอดรวม 1.2 ล้านบาท หลังเจ้าตัวกดลิงค์โหลดแอพฯ สมัครงานเป็นอินฟลูเอนเซอร์รีวิวโรงแรม หวังหารายได้เสริมนอกจากงานในวงการบันเทิงที่ทำอยู่ โดย นักแสดงสาวคนดัง เปิดใจว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค.68 มีโฆษณาเด้งเข้ามาในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องที่อยากได้อินฟลูเอนเซอร์รีวิวโรงแรม ซึ่งที่ผ่านมาเบสท์ก็ทำอยู่แล้ว เจ้าตัวก็สนใจก็เลยลองทักไปคุย ครั้งแรกเวลาประมาณ 11.00 น. พอพูดคุยกันได้แป๊บหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ประสานงานก็ได้ส่งลิ้งก์ให้โหลดแอปพลิเคชันเพื่อทำการล็อกอินเข้าสู่ระบบ เบื้องต้นจะมีค่าดำเนินการตั้งแต่ราคาหลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ถ้าทำงานสำเร็จทางระบบจะให้เงินดอกเบี้ยกลับมา10 เปอร์เซ็นต์ของเงินค่าดำเนินการ ตอนแรกเจ้าตัวก็ได้รับเงินต้นรวมถึงดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกันไว้ เป็นเหมือนสมัครงานปกติธรรมดา มีการเปิดกรุ๊ปไลน์ที่มีคนอยู่เกือบ 100คน โดยคนประสานงานจะส่งงานรีวิวลงไปในกรุ๊ปแล้วให้แต่ละคนทำ แต่จะมีค่าดำเนินการตามขั้น ซึ่งราคาจะสูงขึ้นตามราคาจ้างในแต่ละชิ้นงาน เบสท์ทำไปทั้งหมด 4 ครั้ง ก็ได้รับเงินคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยครบถ้วน


จากนั้นเจ้าตัวถูกดึงเข้าไปในกลุ่มใหม่อีกหนึ่งกลุ่ม เพราะถือว่าทำชิ้นงานออกมาได้ดี ลูกค้าชอบ ตอนนั้นตนไม่ได้ติดใจอะไร โดยกรุ๊ปใหม่นี้ทางคนประสานงานแจ้งว่าทางลูกค้าอยากได้การรีวิวแบบกลุ่ม และในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกอยู่ 5 คน รวมคนประสานงานอีก 2 คน ซึ่งเป็นงานชิ้นใหญ่ อ้างเป็นแคมเปญรีวิวร่วมกับ Agency ชื่อดัง โดยเบสท์และคนในกลุ่มจะต้องเสียค่าดำเนินการด้วยเงินหลักหมื่น ครั้งนั้นเป็นการลงทุนครั้งที่ 5 แต่ครั้งนี้พอส่งงานแล้วทางระบบกลับแจ้งว่าทำงานไม่ครบตามที่ระบุ ทำให้เงินไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ก่อนเจ้าหน้าที่ประสานงานจะเข้ามาเล่นละครอีกรอบ ตอนนั้นหน้าม้าอีก 4 คน ที่อยู่ในกรุ๊ปด้วยกัน ต่างเล่นละครตบตาว่าเบสท์ทำผิดพลาดคนเดียว ทำให้ทุกคนไม่สามารถเบิกเงินออกจากระบบได้

ก่อนจะออกกลอุบายให้นักแสดงสาวรับงานรีวิวเพิ่ม เพื่อหาเงินมาปิดยอดเก่า จะได้ถอนออกมาทีเดียวพร้อมกันทุกคน ตอนนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะเชื่อว่าการทำงานกับระบบมันอาจจะมีข้อผิดพลาดกันได้ จึงตัดสินใจโอนเงินค่าดำเนินการทำงานเข้าไปอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งมียอดเงินที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ราคาหลักร้อย จนขึ้นหลักพัน หลักหมื่น แต่ระบบก็มีปัญหาอ้างเบสท์ทำงานพลาดงานผิด ลูกค้าไม่โอเค พอทวงถามเรื่องเงินว่าทำไมระบบมีปัญหาบ่อย ทางเพื่อนร่วมงานที่เป็นหน้าม้า 4 คน ก็มาเล่นละครตบตาต่อเนื่องว่าเบสท์ทำงานพลาด ทำให้ทุกคนเบิกเงินออกจากระบบไม่ได้


โดยคนหนึ่งอ้างว่าลูกป่วย อีกคนก็บอกว่าครอบครัวมีปัญหา อีกคนก็บอกว่าต้องเอาที่ไปจำนอง ที่จะถูกยึด ฯลฯ จะทำให้สาวเบสรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ทำให้คนอื่นต้องเสียหายไปด้วย ก่อนจะออกกลอุบายให้เธอเสียเงินค่าดำเนินการครั้งสุดท้ายด้วยยอด 4แสนบาท แต่แล้วก็มีปัญหาอีก จนสุดท้ายมีหน้าม้าในกลุ่มอีกคนมาคุยกับเบสท์ ทำนองว่าเป็นแฟนคลับติดตามละครมาตลอด อยากจะช่วยเหลือ เพราะจะได้ปิดงานชิ้นใหญ่ไปพร้อมกัน ยินดีจะให้เบสท์ยืมเงินก่อน โดยจะให้เบสท์โอนเงินยอดที่มีเข้ามาในระบบแล้ว เพื่อนร่วมกลุ่มที่เป็นหน้าม้าจะโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าไปสมทบให้ ซึ่งครั้งนั้นเบสท์จะต้องโอนเงินยอด 4.9 แสนบาท แต่สุดท้ายระบบกับล่มอีกครั้ง โดยระบบอ้างว่าเจ้าตัวโอนช้า ทำให้ต้องโอนเงินแก้ไขระบบอีก 6 แสนบาท พอเบสท์ตัดสินใจโอนเงินไปรอบสุดท้ายเพื่อหวังจบปัญหา แต่ระบบกับอ้างแต่ว่ายอดเงินต้นกับดอกเบี้ยสูงเกินกว่าจะถอน ถ้าจะถอนเงินออกจะต้องอัพเกรดระดับของตัวเองให้สูงขึ้นด้วยยอดเงินอีก 5แสนบาท

ตอนนั้นเบสท์รู้สึกแปลกใจว่าทำไมต้องโอนเงินซ้ำซ้อนหลายรอบ และไม่ได้เงินค่าจ้างรีวิวคืนตามที่ตกลงกันไว้เหมือนครั้งที่ผ่านมา พอทวงถามหลายต่อหลายครั้งทุกคนในกลุ่มก็พยายามทักมาส่วนตัว เล่นละครออกกลอุบายให้เจ้าตัวเชื่อใจ จนเบสท์ได้โทรไปคุยกับเพื่อนและเพื่อนได้เอาเลขบัญชีที่เจ้าตัวโอนเงินเข้าไปรวม 4 บัญชี สรุปเป็นบัญชีม้าที่ผิดกฎหมายทั้งหมดเจ้าตัวก็เลยตกใจ ในระยะเวลากว่า 13ชั่วโมง ตั้งแต่ 11โมงถึงเที่ยงคืน ภายใน 1 วัน เจ้าตัวโอนเงินออกไปสูงถึง 1.2ล้านบาท มียอดโอนทั้งหมด 12 ยอด แต่ได้เงินคืนเพียงแค่ 4 ยอดเท่านั้น

โดย เบสท์ เล่าว่าทุกวันนี้ยังงงอยู่เลยว่าทำไมถึงโอนเงินออกไปได้ง่ายดาย ทั้งที่ปกติเป็นคนที่จะจับจ่ายซื้ออะไรคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะบอกอีกว่า มิจฉาชีพสมัยนี้ทำงานกันเป็นแก๊ง มีจิตวิทยาสูงสามารถพูดโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อใจและหลงกลได้อย่างแนบเนียน ตั้งแต่เข้ามาแจ้งความก็มีผู้เสียหายที่โดนมิจฉาชีพหลอกในทำนองเดียวกันหลายคนอินบ็อกซ์เข้ามาหาในโซเชียลฯ ว่าโดนโกงเหมือนกันและอยากให้เบสท์ที่เป็นดาราใช้กระบอกเสียงในครั้งนี้ช่วยทุกคน เบสท์ยอมรับว่าเสียดายเงิน 1.2 ล้านมาก เพราะเป็นเงินเก็บที่ทำงานมา อยากได้เงินก้อนนี้คืน แต่ก็แอบทำใจเอาไว้บ้างแล้ว เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ามีคนเข้ามาแจ้งความเรื่องถูกมิจฉาชีพหลอกวันนึงหลายคน ส่วนชาวเน็ตที่เข้ามาคอมเมนต์ด่าว่า “ อยากได้เงินขนาดหนัก, สวยแต่โง่, ไม่มีสมอง ฯลฯ” เจ้าตัวบอกไม่ได้โกรธที่ทุกคนจะด่า เพราะเข้าใจแต่ก็อยากจะบอกว่าถ้าใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางรู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง ไม่มีใครอยากโดนหลอก สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่ทำโดยขาดสติ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 521 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม