ซุง ศตาวิน ช็อก! ดิว ใช้เพชรปลอมค้ำยืมเงิน ร้านรับจำนำเพราะมีชื่อเสียง คิดว่าเป็นเจ้าของจริง สร้อย lotus ได้คืนแล้ว

จากกรณีนางร้ายชื่อดัง ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ได้ยืมทรัพย์สินมีค่า อาทิ นาฬิกาหรู เครื่องเพชร กระเป๋าแบรนด์เนม ของนักธุรกิจสาว เมย์ วาสนา อินทะแสง หรือ มาดามเมย์นี่ มูลค่ารวม 62 ล้านบาทแต่ไม่ได้นำมาคืน เพราะได้นำทรัพย์สินทั้งหมดไปจำนำกับร้านแบรนด์เนม เพื่อนำเงินออกมาใช้หนี้ ซุง ศตาวิน จำนวน 12.5 ล้านบาท มาดามเมย์นี่จึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ เพราะเหตุผลที่ ดิว ยืมของ เพราะ ดิว บอกจะเอาไปวางค้ำประกันการกู้ยืมเงิน แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเอาไปเร่ขายเหมือนของไม่มีราคาก็รู้สึกปวดใจ จึงขอออกมาทวงคืน


ล่าสุดเที่ยงวันนี้ (20 มี.ค.68) ซุง ศตาวิน นาคทองเพชร หนึ่งในคนที่เคยให้ ดิว ยืมเงิน 12.5 ล้านบาท เปิดใจในมุมของตนผ่านรายการโหนกระแส ระบุว่า “ตอนแรกผมไม่ได้รู้จักพี่ดิวเป็นการส่วนตัว ติดตามเขาใน IG ต่อมามีรุ่นพี่ที่คอยสอนวิชาชีวิตและธุรกิจที่สนิทกับผมชื่อพี่แทม โทรมาหาในคืนวันที่ 2 ก.ค.67 บอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเพื่อนพี่แทม เขาท้องอยู่ เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับแม่และเด็กกำลังจะเอาเข้าห้าง ถ้าเขาไม่เอาเงินไปจ่ายวันนี้ ของต้องโดนยึด พี่เขาโทรมาร้องไห้กับพี่แทมและบอกเดือดร้อนจริง ๆ ขอเขายืมเงิน 20 ล้านบาท ในวันที่ 3 ก.ค.67 ซึ่งผมมี 12.5 ล้าน พี่แทมมี 7.5 ล้าน ณ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเป็นดิว แต่ผมช่วยได้และตัดสินใจช่วย เพื่อตอบแทนพี่แทม เพราะพี่แทมช่วยผมเยอะแล้ว จากนั้นพี่แทมก็โทรกลับมาบอกว่าเขาตกลงที่จะยืมนะและเสนอจะคืนเงินดอกเบี้ยมา 2 ล้าน จากนั้นพี่แทมก็เล่าให้ฟังว่าคนที่ยืมคือพี่ดิว อริสรา ตอนที่ได้ยิน ผมตกใจ เพราะเห็นคอนเทนต์ที่เขาทำ ก็เป็นพี่ดิวอย่างที่ทุกคนเห็น ทุกคนน่าจะเห็นเป็นยังไง แต่อีกมุมหนึ่งก็เข้าใจว่าเงินต้องเอาไปหมุน ไม่งั้นจะโดนยึด นี่ก็เป็นจุดอ่อนของผม ที่รู้สึกว่าตัวเองช่วยเขาได้ ถ้าไม่ช่วยจะรู้สึกไม่ดี สรุปพี่ดิวยืมเงินผมผ่านพี่แทม 20 ล้าน

วันที่เอาเงินไปให้คือวันที่ 3 ก.ค.67 ผมอยากไปด้วย เพราะเป็นเงินค่อยข้างสูง พี่แทมก็บอกว่าพี่ดิวเสนอมาเพื่อให้ผมสบายใจ พี่ดิวเซ็นเช็ค 12.5 ล้านให้ และเสนอต่างหูเพชรเม็ดใหญ่ มูลค่าเกือบ 20 ล้านให้ ซึ่งตอนนี้อยู่ที่พี่แทม ผมไม่ได้ทำสัญญา เพราะรู้สึกว่ามีรุ่นพี่ที่ไว้ใจเป็นคนค้ำประกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่มองข้ามสัญญา คิดแค่ว่าช่วยเหลือพี่คนหนึ่ง วันนั้นพี่ดิวไม่ได้มา แต่เป็นคุณแม่พี่ดิวมา เจอกันที่บ้านพี่แทม หลังให้เงินเสร็จผมก็ยังรู้สึกดี เพราะคุณแม่มาเอง ก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่ฝั่งพี่ดิว ผมเอาเงินสดไป เรื่องผ่านไป 2-3 วัน พี่แทมโทรมาบอกว่าคนที่เขารู้จักมาที่บ้านและช่วยดูเพชรของพี่ดิว ส่องไม่เจอบาร์โค้ดเพชร น่าจะเป็นของปลอม ตอนที่รู้คือวืดไปเลย แต่ยังไม่ปักหลักเชื่อ เพราะคนที่เอามาคือพี่ดิว ผมก็เลยบอกว่ามันน่าจะต้องเอาไปตรวจหลาย ๆ ที่ คิดว่ามันไม่น่าจะปลอม พี่แทมก็รับอาสาไปตรวจให้ อีก 2-3 วันต่อมา พี่แทมบอกว่าเอาเพชรไปตรวจอีก 2-3 ที่ เขาบอกว่าน่าจะเป็นของปลอม ยอมรับตรง ๆ ว่าตอนนั้นใจเริ่มเสียแล้ว เลยคุยกับพี่แทมว่าจะบอกพี่ดิวมั้ยว่าเขาเพชรไปตรวจ พี่แทมบอกไม่น่าจะบอก แต่ผมเครียด กินข้าวไม่ลง ไม่มีใครรู้ด้วยว่าผมเอาเงินให้พี่ดิวยืม เพราะกลัวโดนด่า แต่ก็หวังว่าพี่ดิวจะเอาเงินมาคืน เพราะผมก็ส่อง IG เขา ซูมดูว่าเขามีทรัพย์สินอะไรที่จะมาแปลงเป็นเงินมาคืนผมได้มั้ย


พอถึงกำหนดคืนเงิน 23 ก.ค. พี่แทมโทรมาหาผม บอกว่าพี่ดิวไม่น่าคืนได้ แต่ในช่วงวีกนั้นผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ผมทำธุรกิจกับเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก เวลาจะทำธุรกิจก็จะเอามากองกันเพื่อเป็นเงินกองกลาง ว่าจะทำอะไรกันได้บ้าง ตอนนั้นจะทำธุรกิจตลาดนัดและเครื่องดื่ม ตอนนั้นรู้แล้วว่าตัวเองต้องใช้เงิน แต่พี่ดิวขอเลื่อนการคืนเงินไปอีก 2 อาทิตย์ เป็นวันที่ 6 ส.ค.67 ผมรู้สึกว่าเป็นมรสุมชีวิตที่แย่มากสำหรับผม เลยตัดสินใจว่าต้องเล่าให้ใครฟัง เลยเลือกที่จะเล่าให้แฟนฟัง เพราะคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจเราที่สุด จากนั้นก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพราะจะต้องรวมเงินกันทำธุรกิจ บอกเพื่อนไปว่าเงินในส่วนของผม มีคนยืมไป ขอให้เลื่อนเอาเงินในใส่ของผมให้เพื่อนเป็นวันที่ 6 ส.ค.67 ได้มั้ย แต่พอเช้าวันที่ 6 ส.ค.มันเงียบมาก เลยโทรหาพี่แทม เพราะรู้สึกว่าถ้าจะคืนเขาต้องติดต่อผมแล้ว เลยคิดว่าต้องคุยกับพี่ดิวเอง ณ วันนั้นไม่ได้รู้สึกไว้ใจพี่ดิวแล้ว พี่แทมเลยสร้างกรุ๊ปไลน์ให้โดยมี พี่แทม ผม และพี่ดิว ซึ่งผมคุยกับแชตกับพี่ดิวทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐาน พี่ดิวเปิดมาว่าไม่สามารถคืนได้ทั้งหมดเขารวมเงินได้ 2.3 ล้าน แต่มีสร้อย Bvlgari อยู่เส้นหนึ่งเป็นสร้อยของพี่ดิวเอง ที่กำลังจะเอาไปขาย แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่าอยากได้เงิน 12.5 ล้านคืน ไม่ได้อยากได้สร้อย เพราะต้องเอาเงินไปลงทุนต่อ จนพี่เขาทยอยโอนเงินคืนมาเป็นก้อนจบครบในวันที่ 7 ส.ค.67 เรื่องของผมกับพี่ดิวจบวันที่ 7 ส.ค.67

จากนั้นผ่านไปเกือบเดือน พี่แทม โทรมาบอกว่าพี่ดิวยังไม่คืนเงินต้น 7.5 ล้านบาทที่ยืมจากพี่แทมไปเลย และถามผมว่าพี่ดิวได้คืนเงินอะไรให้มั้ย ฝากเช็กการเงินของพี่ดิวได้มั้ย เพราะผมได้เงินคืนครบเป็นคนแรก ผมเลยต้องเช็ก ถ้าผมได้ดอกเบี้ยมาก็จะโอนคืนพี่แทมไป แต่ผมกับพี่แทมไม่ได้ซีเรียสเรื่องดอกเบี้ย พอทวงถามไปพี่ดิวบอกไม่สามารถตอบได้ว่าจะคืนได้เมื่อไหร่ จากนั้นก็ไม่ได้มีการทวงเรื่องดอกเบี้ยอะไร ส่วนเพชร พี่แทมเอาไปตรวจมาแล้ว และส่งไปบอกพี่ดิวว่าเป็นของปลอมนะ พี่ดิวก็ขอโทษพี่แทม แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะของผมมันจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

ส่วนพี่เมย์ ผมต้องขอโทษพี่เมย์ด้วย เพราะผมคิดว่าเรื่องของพี่ดิวจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก่อนมาออกรายการ เขาติดต่อเข้ามาทางบริษัทบอกว่าซุงเป็นจุดเริ่มต้นของคดีนี้ ต้องไปพบผู้ใหญ่แล้วนะ พอวางสายเขาก็โทรมาผม เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ผมคิดว่าพอเป็นเรื่องคดีแล้ว ต้องมีทนาย มันเป็นเรื่องกดหมาย แต่ก็ยินดีให้ปากคำ เพื่อให้พี่ ๆ ทำงานง่ายขึ้น วันนี้เลยออกมาชี้แจงเรื่องทั้งหมด” ด้าน หนุ่ม กรรชัย ถาม ซุง ต่อว่า พี่ชายคนที่ ดิว อ้างว่าจะเอาไปฝาก ซุงรู้จักหรือเคยเจอมั้ย เจ้าตัวตอบกลับมาว่า “ผมเคยเห็นในสื่อ ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว และไม่เคยคุยหลังไมค์ หนุ่ม กรรชัย จึงเล่าต่อว่าทรัพย์สินของ เมย์ ที่ดิว อ้างว่าจะเอาไปวางให้พี่ชายที่สนิท ทั้งยังอ้างกับเมย์ว่าถ้าเอาไปแอบอ้าง ซุงจะไม่ทวงหนี้”


ทั้งนี้ ซุง ได้ทิ้งท้ายด้วยการให้กำลังใจดิวว่า “ผมต้องขอโทษพี่ดิวและพี่ ๆ ทุกคนด้วยที่ทำตัวไม่เหมาะสม ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ที่พี่ดิวพูดว่าพี่ไม่มีโอกาสแล้ว ไม่เหลือโอกาสเลย ผมว่ามีโอกาสมีสำหรับทุกคน ผมอยากให้พี่เข้มแข็ง ถ้าวันหนึ่งลูกพี่โตขึ้นพามาทำงานที่บริษัทผมได้เลย ผมยินดีครับ”

ด้าน ปอม เจ้าของร้านรับจำนำแบรนด์เนมที่ ดิว นำสร้อย Bvlgari ไปฝาก ชี้แจงว่า “วันที่ 7 ส.ค.67 มีผู้ใหญ่ติดต่อมาว่าจะมีผู้มีชื่อเสียง 1 ท่านเอาสร้อยมาฝากกับเรา ไม่ใช่คุณดิว อริสรา เป็นคนติดต่อมาเอง เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ A ติดต่อมาทางเรา จนถึงวันที่ 19 ส.ค.67 เราทราบว่าเป็นสร้อยที่จำนำมาฝากเป็นของคุณดิว ซึ่งเราก็ทำสัญญากับคุณดิว จากนั้นผู้ใหญ่ B เป็นคนถือสร้อยเข้ามา และแจ้งว่าต้องการให้เราโอนเงินให้เขา 7 ล้านบาท แต่เราปฎิเสธไป เพราะต้องโอนให้คุณดิวเท่านั้น สำหรับการจำนำของแบรนด์เนม หลายคนเข้าใจว่าเลขซีเรียลนัมเบอร์ สามารถบอกความเป็นจำของได้ จริง ๆ แล้ว ซีเรียลนัมเบอร์ บอกแค่ผลิต ยี่ห้อ และรุ่น แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นจำของ ทางเราทำสัญญาจำนำกับคุณดิว ทำตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ตรวจสอบไม่ได้จริง ๆ ว่าสร้อยที่เอามาฝากเป็นของเขาจริง ๆ หรือเปล่า แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนมีชื่อเสียง เราก็เชื่อว่าเป็นของเขา จึงได้โอนเงิน 7 ล้านบาทให้เขา

ถามว่าทางร้านไม่มีการตรวจสอบก่อนเหรอ? เราได้ตรวจแล้ว วันนั้นเราได้ตัวสร้อยและกล่อง แต่ไม่ได้การ์ดมา หลายคนสงสัยว่าอุปกรณ์ไม่ครบให้จำนำได้ยังไง คือต่อให้ได้การ์ดมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปตรวจสอบกับชอปว่าใครเป็นเจ้าของ เราทำธุรกิจจำนำของแบรน์เนม เราไม่ได้ต้องการให้ของหลุดแล้วเอาไปขายต่อ แต่เราต้องการดอกเบี้ย คนที่เอาของเข้ามาที่ร้านไม่ใช่คุณดิว แต่คนที่ทำธุรกรรมกับเราคือคุณดิว ซึ่งการรับฝากสินค้าแบรนด์เนมลูกค้าสามารถลงนามอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่การโอนเงินต้องโอนเข้าบัญชีคนที่ทำเอกสารสัญญากับเราเท่านั้น เพราะเอกสารสัญญามีถ้อยแถลงชัดเจนว่าผู้จำนำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีบังคับหรือภาระผูกพันใด ๆ

หนุ่ม กรรชัย ถามว่ากลัวเข้าข่ายรับของโจรมั้ย ปอม ตอบกลับว่า “ไม่กลัว เราบริสุทธิ์ใจ และยินดีที่จะชี้แจงประเด็นที่ถูกต้อง เราเป็นสถาบันที่ให้สินเชื่อแบรนด์เนม ใช้สัญญาในการฝาก เรารับฝากไม่ได้ซื้อ เราเช็กได้เบื้องต้นจากการที่เขาทำสัญญากับเขา เรามีสัญญาขายฝากชัดเจน ถ้ามีเหตุการณ์เนินคดีความลูกค้าต้องรับผิดชอบ หากผิดสัญญาผู้ขายฝากต้องชำระค่าเสียหายทั้งหมด หลังเกิดเรื่องเราจะให้ทนายบริษัทเจรจากับทุกฝ่าย เรายินดีชี้แจงทุกประเด็น เพื่อหาทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย ณ วันนั้นเราไม่ทราบว่าเป็นสร้อยของคุณเมย์ ถ้าเราทราบเราก็คงไม่รับ” ก่อนจะชี้แจงต่อในเรื่องของการตรวจสอบความเป็นเจ้าของของทรัพย์สินที่นำมาจำนำว่า “สินค้าแบรนด์เนม บางท่านอาจจะไม่ได้ซื้อมือ 1 มา ใบเสร็จก็ไม่ใช่ชื่อเขาอยู่ดี หรือเขาอาจจะไม่มีใบเสร็จก็ได้ ณ วันนั้นที่เขาเอาสร้อยมาฝากกับเรา เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง เราไม่คิดว่าเขาจะเอามาฝากกับเรา และเราก็ไม่ทราบว่าเขาซื้อมามือ 1 หรือ มือ 2 แต่เรื่องการสืบต้นกำเนิดทรัพย์ว่าเป็นของใครจริง ๆ เป็นเรื่องยาก แต่วันนี้เรื่องมันเกิด เรายินดีเข้าสู่ระบบ และชี้แจงทุกประเด็นสงสัย ส่วนจะคืนของมั้ยต้องให้ทนายคุยกัน เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย คิดว่าเราน่าจะหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันได้ สร้อยเส้นนี้เราเก็บอย่างดีตามมาตรฐาน และขอโทษคุณเมย์ ก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลย ทราบจากโพสต์ของคุณเมย์ ส่วนเรื่องของการคืนของน่าจะพูดคุยตกลงกันได้”

ขณะที่ นายอรรถชัย แจ้งอรุณ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของเมย์ ให้ข้อมูลที่เป็นความรู้เพิ่มเติมว่า ร้านจำนำต้องตรวจสอบมากกว่าวิญญูชนทั่วไป ถ้ามีใบเสร็จก็สามารถที่จะตอบได้ว่าสร้อยเส้นนั้นเป็นของใคร ทางคุณในฐานะผู้รับจำนำ ต้องตรวจสอบด้วย เพราะนี่เป็นอาชีพ เรื่องพวกนี้คุณต้องรู้ ส่วน ทนายตั้ม เกรียงไกร หลังออกรายการไป คนที่ครอบครองทรัพย์สินทั้ง 5 ชิ้นของ เมย์ ติดต่อมา นาฬิกา ติดต่อคืนพรุ่งนี้ กระเป๋า 2 ใบ มีการติดต่อมา ส่วนดิวแจ้งเมื่อวานตอนกลางคืน ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน แต่ให้คอนแทคมา ส่วนสร้อย lotus หลังออกรายการไป คนที่ครอบครองติดต่อมาว่าสร้อยอยู่กับเขา และเอาสร้อยมาคืนที่ช่อง มีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ก่อนจะส่งไปที่แลป เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนไหนลึกหรอไปมั้ย

หนุ่ม กรรชัย เล่าต่อว่า คนที่รับสร้อยเส้นนี้ไปเป็นผู้หญิงท่านหนึ่ง ชื่อคุณตูน และเมื่อช่วงเช้าก็เอามาคืน กลับคืนสู่คุณเมย์แล้ว ของต้องคืนสู่เจ้าของ ส่วนดิวจะเซ็นรับสภาพหนี้กับใครก็ว่ากันไป วงหนึ่งคือดิว วงสองคือคนที่เราของใบ ถ้าดิวผิดโดนอาญา วงสองก็อาจจะโดนรับของโจร ซึ่งทางคุณตูนที่ติดต่อเข้ามาว่าเป็นคนครอบครองสร้อยบอกว่าสร้อยอยู่กับเขา ไม่ได้อยู่กับผู้ใหญ่อะไรเล รับไว้เพราะอยากจะช่วยคุณดิว

ก่อนที่ ตูน จะเล่าต่อว่า “รับสร้อย lotusไว้ในราคา 8 ล้านบาท ตูนรู้จักดิวผ่านรุ่นน้อง เพื่อจะทำธุรกิจผ่านการค้าต่างประเทศ มีโอกาสพูดคุยกันมาตลอด ดิว อริสรา ใครก็อยากรู้จัก เขามีชื่อเสียง คิดว่ารู้จักกันว่าก็น่าจะโอเค ซึ่งรุ่นน้องบอกว่าดิวจะเอาสร้อยมาฝากเพื่อการันตีเครดิตตัวเอง เราก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะก็ได้เจอ ได้พูดคุย ไปเจอกันที่บ้าน ที่คอนโด ก็เลยช่วยเขาด้วยการรวบรวมเงินสด 8 ล้านบาทให้ โดยไม่ได้ทำสัญญา ซึ่งถือเป็นความผิดพลาด เพราะเชื่อมาตลอด ไม่เคยเช็กเลย ซึ่งถือเป็นความผิดพลาด ตูนให้เงินเขาไปไปช่วงปลาย ส.ค. 67 ส่วนที่ดิวบอกว่าสร้อยอยู่กับรัฐมนตรี จริง ๆ ไม่ใช่เลย ด้วยความที่ตูนทำธุรกิจ มีคนเอาสร้อยมาฝากหลายคนเลย เพราะของแบบนี้สืบยาก รัฐมนตรี พ.พาน ที่ถูกกล่าวอ้าง ตูนรู้จักแต่ไม่ได้สนิท เราเป็นผู้น้อยไม่อยากดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราช่วยเหลือคนคนหนึ่ง ยืนยันไม่ได้บังให้รัฐมนตรี เพราะเงินที่จ่ายไป 8 ล้าน มันต้องมาลงที่ตูน เงิน 8 ล้านรวบรวมตั้งหลายปีกว่าจะได้ เมื่อก่อนเราไม่ทราบว่าสร้อยเป็นของใคร แต่วันนี้เราทราบแล้วว่าเจ้าของคือใคร ตูนเลยติดต่อคุณเมย์ไปตั้งแต่ก่อนออกรายการ ตูนยินดีคืนให้แล้วเดี๋ยวตูนไปเคลียร์กับดิวเอง คุณเมย์จะได้ไม่ต้องไปแจ้งความ คุณดิวจะได้มีอากาศหายใจ หาเงินมาใช้หนี้คนอื่น ๆ ดิวก็น่ารักนะคะ ยอมรับสภาพหนี้ ขอแค่เงินต้นให้ได้ก่อน ดอกเบี้ยไม่เอา ใจ-ใจ ค่ะ”

จากนั้น ทนายตั้ม พูดต่อว่าจะไม่ดำเนินคดีกับทางนี้และขอพูดแทนคุณเมย์ ขอบคุณทุกท่าน โดยเฉพาะคุณตูนที่เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน และต้องรับสภาพหนี้กับคุณดิว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ เมื่อของได้คืนทั้งหมด ผมจะไม่ดำเนินคดี แต่ถ้าจะให้ช่วยในการดำเนินคดีต่อไป ผมยินดีครับ”ก่อนจบรายการ หนุ่ม กรรชัย ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ดิวคงจะรู้แล้วว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองบ้าง จากที่หลายคนบอกว่าเธอเป็นเทพธิดานางฟ้า หลายคนเป็นเหมือนเธอ แต่วันนี้เท้าเธอแตะฟื้นแล้ว อย่าไปซ้ำเติม อย่าไปว่าพาดพิงถึงครอบครัวหรือลูกของเธอ ต่อให้คุณจะจนก็มีทุกข์ คุณจะรวยก็มีทุกข์ เพราะทุกข์อยู่รอบตัวเราเสมอ ถ้าเราทำชีวิตเราให้เป็นทุกข์ อันไหนเบาได้ก็เบา นี่คือสัจธรรมของมนุษย์ ผม ไม่ได้อุ้มดิว แต่อยากให้เห็นใจ เขาควรจะมีโอกาสได้กลับมาทำงาน มีที่ยืนเล็ก ๆ ในสังคม เพื่อใช้หนี้ลูกหนี้ สังคมต้องเปิดพื้นที่ให้เธอสักนิด เชื่อว่าเธอคงไม่กลับไปใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ เธอบอกผิดเอง เพราะเธอใช้เงินเกินตัว.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

duearisara

เข้าชม 303 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม