
เมื่อเวลา 8.20 น. วันนี้(20มี.ค.68) เวลา 8:20 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบ) นายอรรถชัย แจ้งอรุณ ทนายของนักธุรกิจสาว เมย์ วาสนา หรือ มาดามเมย์นี่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมเปิดเผยสั้น ๆ ว่าวันนี้ตนได้เข้ามาให้ปากคำกับตำรวจ พร้อมนำหลักฐานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งข้อมูลต่าง นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากคดีเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้สรุปง่าย ๆ คือ “เอาของไป เอาของคืน” จบครับ


ด้าน พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เผยว่า “วันนี้ทนายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งเป็นตามที่ข่าวเสนอคือเรื่องเกี่ยวกับ เมย์ วาสนา และ ดิว อริสรา เราดูข้อมูลตั้งแต่วันแรกยังไม่ครบถ้วน วันนี้มาสอบถามให้ครบถ้วน มีการสอบหลายประเด็นให้ชัดเจนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นมายังไง ส่วนที่มีกระแสว่าออกหมายเรียกดิวแล้ว? ยืนยันว่ายังครับ วันนี้เขามากล่าวหาในคดียักยอกทรัพย์ ในคดีลักษณะแบบนี้เราต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนก่อน ถ้าออกหมายเรียกเลยผู้ต้องหามาพบก็ต้องมาผัดฟ้องผัดขัง กลายเป็นเรื่องเวลาจะไปบีบรัดเขา ถ้าเป็นคดีใหญ่เราก็ขอเวลาทำงานตรวจสอบข้อมูล ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พยานหลักหลักฐานต่าง ๆ ก่อน”
“ทั้งนี้ทนายของดิวจะเข้ามาพบ 5 โมงเย็น อาจจะมาประสานงาน เพราะตัวผู้ถูกกล่าวหายังไม่มา ปกติทนายจะมาพร้อมผู้ต้องหา แต่ถ้ามาก่อนก็คงมาประสานงาน อย่างที่บอกถ้าดิวเอาของเขาไปไปเบียดบัง ถ้าข้อเท็จจริงปรากฎเช่นนั้น เอาของผู้อื่นไปแล้วเอาไปเบียดบังไปเป็นของตัวเองโดยทุจริต แบบนั้นเรียกยักยอก ถ้ายักยอกอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี ตามหลักออกหมายเรียกก่อน เว้นแต่ผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้ว ก็สามารถออกหมายจับได้เลย ซึ่งคดียักยอกฎหมายบัญญัติว่าเป็นคดีที่ยอมความได้ หากมีการตกลงกันได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ได้ชดใช้ค่ายเสียหาย แล้วถอนความร้องทุกข์คดีอาญาก็จบ”


“ส่วนของที่ไปอยู่ในมือคนอื่น ความผิดเดิมหากเป็นยักยอกถ้าสิ่งของนั้นไปอยู่กับบุคคลที่ 3 ต้องตรวจสอบก่อนว่ารู้หรือไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่น ๆ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องรับจองโจรได้ ยังไงต้องให้ความเป็นธรรมก่อนว่าเขารับโดยรู้หรือไม่รู้มาก่อนหรือไม่ ในทางคดีถ้าเราตรวจสอบพบว่าทรัพย์ไปอยู่บุคคลใด เราถือว่าทรัพย์นั้นได้ไปจากการกระทำความผิด ก็ต้องเรียกคืนเพื่อมาเป็นของกลางในทางคดีด้วย ตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้ต้องหาจะมาพบพนักงานสอบสวนหรือไม่เป็นสิทธิของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกอย่างให้เป็นธรรมทุกฝ่าย ผลคดีสุดท้ายขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เท่าที่ฟังคดียังเป็นเรื่องของการยักยอก”
“สำหรับทรัพย์สิน 5 ชิ้น ด้วยความที่ไม่ได้ไปแบบเส้นทางการเงิน เพราะของเป็นชิ้น ๆ ไปอยู่กับใครยังไง ผู้ถูกกล่าวหาต้องแจ้งข้อมูลเบาะแส ผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนจะไม่รู้ทรัพย์อยู่ที่ไหน เมื่อทรัพย์ไปอยู่กับคนสำคัญไม่ลำบากใจ ถ้ารู้ของอยู่ที่ใครเราก็ต้องเรียกมาอยู่แล้วไม่ว่าเป็นใคร ถ้าคนที่เก็บทรัพย์สินแต่พยายามยักย้ายถ่ายเทก็เข้าข่ายรับของโจร แต่เมื่อรู้แสดงความบริสุทธิ์ใจยังไง หรือรู้แล้วแต่ยักย้ายถ่ายเทก็เข้าข่ายรับของโจรได้ ถ้าผู้เสียหายแจ้งแล้ว ของมีอะไรบ้างตัวผู้ครอบครองทรัพย์สินรู้ว่าเป็นของผู้เสียหายก็สามารถนำแจ้งตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจได้”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน