จิ๊ก เนาวรัตน์ ทุ่มเรียนหลักสูตรนักบริหารระดับสูงจนสำเร็จ เผยบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่เพราะกลัวที่แคบ

เอ่ยปากว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน นักแสดงรุ่นใหญ่ “จิ๊ก เนาวรัตน์” ที่เพิ่งจบการศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 26 จากสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า ระยะกว่า 9 เดือนที่ได้ทุ่มเทจนสำเร็จ วันแรกที่มาเรียนก็ดีใจมากแล้วเพราะหลักสูตรนี้ถือว่าเป็นหลักสูตรที่เข้ายากมากและจบยาก เพราะการคัดเลือกคนเข้ามาเรียนนั้นยากมาก ต้องมีโปรไฟล์ที่ค่อนข้างที่จะดีระดับนึงเพื่อให้ทางสถาบันเห็นว่าเราจะนำประโยชน์จากการเรียนไปเผยแพร่ได้ ระหว่างเรียนเพื่อน ๆ ก็ทยอยออกกันไปบ้าง แต่สำหรับตนที่เลือกเรียนหลักสูตรนี้ก็เพราะมองว่าไม่อยากหยุดไว้ที่การเป็นดารา อยากไขว่คว้าความรู้เพิ่มเติมเวลาได้พูดคุยกับคนอื่น


ก่อนหน้านี้เรามักจะได้ยินจากคนอื่นว่าการเมืองต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้จนเราเข้ามาเรียนรู้ด้วยตัวเองก็จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้องในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่น ซึ่งอาจารย์ที่มาสอนก็เป็นคนที่มีเกียรติมาสอนทั้งนั้น การเรียนไม่มีคำว่าแก่ หลาย ๆ หลักสูตรคนอายุ 90 มาเรียนก็ยังมี คนยิ่งเกษียณยิ่งไขว่คว้าหาความรู้เพิ่มเติม เพราะบางอย่างในวัยเด็กเราก็ทำผิด ๆ ถูก ๆ ถือเป็นเครื่องเตือนใจเราได้ คนชอบบอกว่าอายุเยอะแล้วเรียนทำไม ทุกคนขึ้นอยู่กับตัวเอง คำพูดเหล่านี้ก็ไม่ได้มาจากคนที่เรียน บ้างก็บอกมาเพื่อเอาคอนเนกชันหรือเปล่า ต้องบอกว่าจริงเพราะคนเราก็ต้องรู้จักคนเพิ่ม จะให้เกิดมาแล้วมีเพื่อนแค่ 4 คนในชีวิตก็ไม่ได้ หลังจากนี้ไม่มีแผนอยากจะเรียนต่ออะไรแล้ว อยากทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขเพราะชีวิตเราก็ใกล้ฝั่งแล้ว

สำหรับงานในวงการ “จิ๊ก” เล่าว่าตอนนี้ก็คัมแบกจอแก้วในรอบ 5 ปีกลับมารับละครอีกครั้ง ที่เห็นหายหน้าหายตาไปก็เพราะช่วงโรคระบาดหนัก ๆ ทำให้ต้องพักงานทุกอย่างและอีกอย่างมองว่าโลกเปลี่ยนแล้วคนอาจจะไม่ค่อยดูทีวีกันแล้วหันมาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ก็ตัดสินใจกลับมาแล้ว ไม่ได้มีการเลือกงานเพราะคนที่เอางานมาให้เราเค้าจะเป็นคนที่คัดเลือกให้เราก่อนแล้วว่าเราเหมาะกับบทแบบไหน เล่นแบบไหนได้ ส่วนนั้นเราก็แค่ทำออกมาให้ดีที่สุด ส่วนงานแต่งหน้าผู้วายชนม์ตอนนี้ก็ยังรับงานอยู่ ก่อนหน้านี้หยุดไปเพราะโรคระบาดเหมือนกัน หลังจากนี้ถ้าหากมีงานก็สามารถติดต่อได้


“จิ๊ก” ยังเผยว่าตนได้บริจาคร่างกายกับสภากาชาดเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเรียนรู้หลังจากตนนั้นจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะตนเป็นคนกลัวที่แคบอย่างโลงศพ ไม่อยากอยู่ในนั้นก็เลยตัดสินใจบริจาคดีกว่านักศึกษาจะได้ไปเรียนด้วย ส่วนที่บอกว่าถ้าหากตนจากโลกนี้ไปแล้วนั้นไม่ต้องปั๊มหัวใจไม่ต้องยื้อปล่อยให้จากไปแบบสงบและได้เขียนพินัยกรรมทุกอย่างไว้แล้ว เจ้าตัวเสริมว่าความเจ็บปวดที่เราต้องโดนยื้อชีวิตเราไม่สามารถพูดได้ เช่นการปั๊มหัวใจ เจาะคอ คนที่โดนมันจะเจ็บมาก เราไม่อยากเป็นภาระกับลูกกับหลานให้เราไปสบาย ๆ ดีกว่า ลูกหลานอยากให้พ่อแม่อยู่ไม่อยากให้ไปแต่อยากให้มองระยะยาวว่าการนอนติดเตียงต่าง ๆ มันใช้ระยะเวลาการดูแลนานมาก หากวันนี้พูดว่าจะดูแลแต่สุดท้ายอนาคตจะทิ้งกันไปเพราะเป็นภาระก็จะเป็นปัญหาอีก ชีวิตเราเกิดมาเท่านี้ก็พอแล้ว ปล่อยเราไปตั้งแต่วันแรกที่เราพูดดีกว่าจะมาปล่อยทีหลัง อีกอย่างสมบัติที่ให้ลูกไปตั้งตัวก็ต้องเอามาจ่ายค่ารักษาเราอีก แบบนี้ก็เพิ่มภาระให้กับลูก ๆ ไปอีก

เป็นหนึ่งดารารุ่นใหญ่ที่สวยเป๊ะอยู่ตลอดเวลา “จิ๊ก เนาวรัตน์” ในวัย 66 ปี ที่ไม่ยอมแก่เพราะไม่อยากให้คนทักว่าทำไมคนโทรมจัง เราเกิดมาไม่ใช่คนสวยแต่เราก็มีวิธีดูแลตัวเองในแบบของเรา เวลาไปไหนมาไหนเจอแฟนคลับเจอคนอื่น ๆ ถ้าเราโทรมให้เค้าเห็นก็ไม่ได้ ก็ต้องมีบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวัยแบบนี้ก็ต้องทำบ้าง จริง ๆ ก็สมควรจะทำนานแล้ว คนเรานานาจิตตังมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ สำหรับตนก็มีการไปดึงตาขึ้นเพราะมองว่าตาเป็นจุดที่มองง่ายว่าหน้าจะไปทิศทางไหนเป็นจุดที่อ่อนโยนที่สุด ตาจะหย่อนก็จะมองออกเลยว่าแก่หรือไม่แก่ ส่วนอื่น ๆ ก็มียกบ้างถ้าหากมีปัญหาก็แก้ตามจุดไป แต่ทำก็ต้องพอประมาณอย่าเยอะให้เข้ากับหน้าเราก็พอ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ภาพ : jik_naowarat_official


เข้าชม 195 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม