นักแสดงมากความสามารถ “นก สินจัย” ที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงยาวนานถึง 44 ปี มีผลงานทั้งละคร ภาพยนตร์ และละครเวทีฟอร์มยักษ์มาแล้วถึง 11 เรื่อง อาทิ บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล,สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล,ลอดลายมังกร เดอะมิวสิคัล,ซูสีไทเฮา และอีกมากมาย แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ “นก สินจัย” ตัดสินใจถ่ายทอดการแสดงในบท “เพชร” ในละครเวทีเรื่อง “The Life That Was” ซึ่งเป็นละครเวทีโรงเล็กเรื่องแรกในชีวิต โดยมีพื้นที่จำกัดอยู่บริเวณชั้น 3 ของตึกเก่าย่านสำราญราษฎร์ บรรจจุผู้ชมได้สูงสุดได้เพียง 100 คนต่อรอบเท่าน้้น แม้จะเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงการันตีความสามารถ มีโอกาสในการทำงานหลากหลายช่องทาง แต่เหตุผลของการตัดสินใจเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ นอกจากจะสนิทสนมกับ “ครูหนิง พันพัสสา” ผู้กำกับการแสดงและ “ครูบัว ปริดา” ผู้เขียนบทแล้ว การแสดงรูปแบบนี้ยังทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงช่วงชีวิตของการทำงานแบบเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องบท การเรียนรู้การทำงานของคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงการยกของ การเตรียมตัวก่อนทำการแสดง ซึ่งแตกต่างจากละครเวทีมิวสิคัล ที่เคยทำงานมาที่จะต้องมีคนคอยช่วยดูแลให้
อีกทั้งการได้สื่อสารกับผู้ชมผ่านการแสดงในระยะใกล้ ทำให้การทำงานค่อนข้างท้าทาย ไม่สามารถเล่นใหญ่หรือเล่นน้อยเกินไปได้ เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างจำกัด ละครเวทีเรื่องนี้ยังเป็นการไม่ชี้นำทางความคิด แต่เป็นการเปิดกว้างในเรื่องราวเพื่อให้ผู้ชมได้มีโอกาสตัดสินหลังจากรับชมจบแล้วด้วยตัวเอง นก สินจัย ยังมองว่า ละครเวทีการพูดทั้งเรื่องนี้ ยังมีความแตกต่างจากละครเวทีที่มีการร้องเพลงแทรก มีความยากกว่า เนื่องจากไม่มีทำนองของดนตรีมาทำให้รู้ว่านี่คือช่วงที่ต้องร้องหรือพูด อีกทั้งการสื่อสารผ่านอารมณ์ยังต้องควบคุมอย่างดีด้วย สำหรับการทำหน้าที่นักแสดงในละครเวทีเรื่องนี้ นก สินจัย มองว่าเป็นการปลุกไฟในการแสดง ด้วยตัวบททำให้สัมผัสได้ว่าบางคนที่มัวแต่ยึดติดกับอดีต นั่นอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ขณะที่บางคนอดีตอาจเป็นสิ่งที่ไม่อยากจำ เพราะฉะนั้นชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ด้าน “โอ อนุชิต” ที่รับบท “ต่อ” ในเรื่องเดียวกัน เผยว่าส่วนตัวอยากทำงานกับน้อง ๆ รุ่นใหม่ และพี่ ๆ นักแสดงที่มากความสามารถ ซึ่งไม่ได้ร่วมงานกันได้ง่าย ๆ ละครเวทีโรงเล็กทำให้เจ้าตัวได้เพิ่มจินตนาการทางการแสดง ทำให้ความจริงที่อยู่ในความคิดชัดเจนมากขึ้น เช่น การมองภาพโรงละครเล็ก ๆ ให้เป็นเหมือนลิฟท์ ซึ่งต้องสื่อสารไปถึงผู้ชมให้รู้สึกในแบบเดียวกันด้วย หรือจะเป็นการมองสิ่งของสิ่งหนึ่งให้เป็นอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา หรือจะเป็นเทคนิคการแสดงอย่างบทกระซิบที่ต้องกระซิบให้ผู้ชมที่นั่งแถวหลังได้ยิน แต่ต้องทำให้เหมือนการกระซิบอยู่ด้วย ส่วนตัวเชื่อว่าการชมละครเวทียังคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเยียวยาผู้คนได้ งานศิลปะยังคงเป็นความสุขให้ผู้คน แม้ในยุคปัจจุบันผู้ชมจะน้อยลง แต่ก็อยากให้ผู้คนกลับมาสนับสนุนงานศิลปะที่ทรงคุณค่านี้ต่อไปด้วย
ขณะที่ “ปาน ธนพร” หนึ่งในนักแสดงสำคัญและต้องร้องเพลงประกอบละครเวทีด้วย เผยว่าทันทีที่ได้รับการติดต่อให้เล่นละครเวทีเรื่องนี้ ตอนนั้นยังไม่มีบทด้วยซ้ำ มีเพียงรายชื่อนักแสดงบางคนเท่านั้น แต่เจ้าตัวก็ตัดสินใจรับงานนี้ทันที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้ดีว่างานศิลปะชิ้นนี้จะสามารถพัฒนางานของตัวเอง และอาจจะส่งต่อไปถึงผู้ชมได้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ที่มีความกังวลติดค้างในชีวิตหลังจากรับชมละครเวทีเรื่องนี้แล้วจะช่วยสามารถแก้ไขให้ปัญหาเบาลงได้หรือไม่ เพราะนั่นขึ้นอยู่กับพื้นฐานการรับรู้และการเปิดรับความบันเทิงของแต่ละบุคคล การโคจรมาร่วมงานกันของนักแสดงทั้ง 5 คนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละคนต่างทำงานกันคนละสาย สำหรับสิ่งที่ละครเวทีเรื่องนี้จะมอบให้กับผู้ชม คือการยอมรับกับความแตกต่าง ความจริงที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการเข้าใจชีวิตทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอนและยาวนานเสมอไม้เว้นแม้แต่ความสุข ต้องการสื่อสารให้เข้าใจว่า “ชีวิตก็แค่นี่แหละ มันแค่นี้เอง”
ภายในเรื่อง “The Life That Was” ยังมี 2 นักแสดงละครเวทีอย่าง “ลิลลี่ สรินยา” และ “วิน ดนัยนันท์” ที่เคยมีผลงานละครเวทีร่วมกับ ‘LiFE THEATRE’ มาก่อน ร่วมถ่ายทอดบทบาทตัวละครที่ต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตทั้งความรัก ความเจ็บปวด และความทรงจำ
ฟาก ครูบัว-ครูหนิง ผู้กำกับการแสดงและนักเขียนบทละครเวทีเรื่อง “The Life That Was” อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง ‘LiFE THEATRE’ เผยว่า เหตุผลของการเขียนบทเรื่องนี้ เป็นเพราะที่ผ่านมา‘LiFE THEATRE’ มักสร้างละครเวทีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนอยู่แล้ว อีกทั้งการเปิดโรงละครแห่งใหม่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในย่านสำราญราษฏร์ กรุงเทพมหานคร ยังเหมาะกับเรื่องราวดังกล่าว โดยการเลือกนักแสดงนั่นยอมรับว่า เป็นการเลือกนักแสดงก่อนที่บทจะเสร็จด้วยซ้ำ เนื่องจากทั้งสองคนมีความรู้สึกว่าอยากร่วมงานกับนักแสดงที่เก่ง เก่งในที่นี่หมายถึง นักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเรื่องของวินัยในการทำงาน จึงทำให้เป็นที่มาของการเลือก นก สินจัย,ปาน ธนพร,โอ อนุชิต,ลิลลี่ และวิน อีกทั้งยังมองว่านักแสดงเหล่านี้จะสามารถเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก ๆ รุ่นหลังที่ได้รับชมละครเวทีด้วย แม้ทุกวันนี้ละครเวทีขนาดเล็กจะมีให้ติดตามน้อยลง แต่ครูทั้งสองยังคงใช้ความเชื่อนำพาให้เดินทางในสายงานนี้ โดยเชื่อว่าก่อนเกษียณจะสามารถส่งต่อความเชื่อในงานศิลปะนี้ไปสู่รุ่นหลังได้ สำหรับ ‘LiFE THEATRE’ คือพื้นที่ของคนที่รักในงานศิลปะการแสดงละครโรงเล็ก ที่นักแสดงและผู้ชมมีความใกล้ชิดกันมาก ซึ่งหาไม่ได้จากละครโรงใหญ่ ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ จังหวะการแสดงหรือบางครั้งสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนักแสดง จน เสมือนผู้ชมเป็นหนึ่งในเรื่องราวชีวิตของนักแสดงในเรื่องไปด้วย
และเร็ว ๆ นี้ละครเวทีเรื่อง “The Life That Was” จะกลับมาทำการแสดงอีกครั้งจำนวน 10 รอบหลังจากปลายปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม- 2 กุมภาพันธ์นี้ที่ LiFE Studio
ภาพ : noksinjai